ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 869 คิดชื่อรายการอาหาร

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 869 คิดชื่อรายการอาหาร

บทที่ 869 คิดชื่อรายการอาหาร

จากนั้นนำมันเทศที่ทอดแล้วออกมาวางบนจานที่ทาน้ำมันไว้หนึ่งชั้น จากนั้นใส่น้ำมันในปริมาณที่พอเหมาะลงในหม้อ หลังจากน้ำมันร้อนแล้วให้ใส่น้ำตาลทรายขาวลงไป ตั้งไฟอ่อนจนน้ำตาลละลายรอให้เดือดจนเป็นฟองละเอียด และสีของน้ำเชื่อมเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีน้ำตาล จากนั้นยกหม้อลงจากเตาแล้วใส่มันเทศที่ทอดไว้แล้วลงไปในหม้อที่มีน้ำเชื่อม ปล่อยให้มันเทศแต่ละชิ้นเคลือบกับน้ำเชื่อม

ทำไมถึงเรียกว่ามันเทศเส้นไหม เพราะน้ำเชื่อมจะละลายจนหมดภายใต้อุณหภูมิสูง และจะกลายเป็นน้ำเชื่อม น้ำเชื่อมจะเหลวภายใต้อุณหภูมิสูง แต่พอเริ่มเย็นตัวลง ก็ดึงตัวน้ำเชื่อมออกมาเป็นเส้นไหมได้ มันก็จะกลายเป็นเส้นน้ำตาลแข็ง ๆ

ดังนั้นจึงเรียกว่าเส้นไหมตามวิธีการทำ

หลี่พ่างจื่อไม่เคยลองวิธีนี้มาก่อน เคยต้มแต่น้ำเชื่อมธรรมดา เมื่อฟังคำพูดของกู้เสี่ยวหวานแล้วเขาก็ต้มน้ำเชื่อมดี ๆ หน่อย ใส่มันเทศที่ทอดเมื่อครู่ลงไป จากนั้นก็คลุกกับน้ำเชื่อม หลังจากนั้นก็นำขึ้นและจัดจานทันที

หลี่พ่างจื่อกับเกาจื่อยังคงสงสัยเล็กน้อยว่า ทำไมมันถึงถูกเรียกว่าเส้นไหม แต่หลังจากที่พวกเขาวางมันลงบนจาน น้ำเชื่อมที่ละลายนั้นหลังจากได้รับความร้อนและเย็นลงเล็กน้อย ตราบใดที่พวกเขาหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่ง น้ำเชื่อมที่ติดอยู่กับมันเทศจะสามารถดึงออกได้เป็นน้ำตาลเส้น

บาง ๆ

สีสันสดใส รสชาติหวานกรอบ

วิธีการแปลกใหม่ วัตถุดิบก็แปลกใหม่ ถ้าเปิดตัวจะโด่งดังขนาดไหน

หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อตื่นเต้นมาก พวกเขากินมันเทศเส้นไหมจนหมดจาน และขอร้องให้กู้เสี่ยวหวานสอนสูตรอาหารที่เหลือให้พวกเขา

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ปิดบังความลับใด ๆ นางจึงบอกวิธีทำแป้งมันเทศทอด และมันเทศแท่งทอด หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อทำได้ทันทีที่ได้ยินสูตร แบ่งหน้าที่กับไปทำคนละอย่าง

และโจ๊กมันเทศที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็ใกล้จะเสร็จแล้ว

เมื่อเห็นใบหน้าที่ตื่นเต้นของหลี่พ่างจื่อและเกาจื่อ กู้เสี่ยวหวานก็มีความสุขมากเช่นกัน

ลมหนาวกำลังจะมา ฤดูกินมันเทศ มันเทศหวาน แก้กระหายน้ำ ย่อยง่าย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เป็นทางเลือกแรกสำหรับการรักษาสุขภาพในฤดูหนาว

เมื่อหยิบแป้งมันเทศทอดและมันเทศแท่งทอดขึ้นมา กู้เสี่ยวหวานก็วางมันลงในชามโจ๊กของแต่ละคน

ข้ามต้มสีขาว สีเหลืองแดงของมันเทศ รวมกันแล้วดูน่าสนใจมาก

แม้ว่าตอนนี้หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อจะกินไปเยอะแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถควบคุมปากของพวกเขาได้เมื่อเห็นรายการใหม่ ๆ และพวกเขาไม่สนใจว่าโจ๊กจะร้อนมากแค่ไหน ดังนั้นพวกเขาจึงยกชามขึ้นมาแล้วตักเข้าปาก แม้ว่ามันจะร้อนลวกปาก แต่เขาก็ไม่เต็มใจที่จะคายออกมา

โจ๊กมันเทศมีสีสันสวยงาม รสชาติหอมหวานจากกลิ่นหอมของข้าวและความหวานของมันเทศ การผสมผสานของทั้งสองเป็นการจับคู่ที่สมบูรณ์แบบ

นอกจากนี้แป้งมันเทศทอดและมันเทศแท่งทอดยังมีสีทองและกรอบอร่อย ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่าเป็นของว่างหายาก

และมันเทศเผาที่อยู่ตรงนั้นก็เสร็จแล้ว แม้ว่าจะมีผงขี้เถ้าเกาะอยู่ด้านนอก แต่เมื่อเปลือกชั้นนอกถูกลอกออกไป เนื้อของมันเทศสีทองที่กำลังสุกก็เผยออกมา ส่งกลิ่นหอมเตะจมูกจนต้องยกนิ้วให้

หลี่พ่างจื่อและเกาซื่อกินจนอิ่มแล้ว แต่พวกเขาก็ยังทนไม่ได้กับสิ่งล่อใจและกินมันเทศเผาต่อ

หลังจากกินเสร็จ เขาก็ตบปากนั่งบนเก้าอี้และเรอออกมาอย่างพึงพอใจ

เมื่อมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน นับประสาอะไรกับดวงตา แม้แต่เส้นผมบนศีรษะของนางก็ยังเปล่งประกาย

“เสี่ยวหวาน เก่งมาก เก่งมาก ของอย่างเดียวเจ้าสามารถทำอาหารได้หลายวิธี พวกเราถอนหายใจกับตัวเอง” หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อพูดพร้อมกัน ผลัดกันชมกู้เสี่ยวหวาน

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเขินอายเล็กน้อย มันไม่ใช่สิ่งที่นางคิด แต่มันเป็นวิธีการที่คนรุ่นสู่รุ่นนำไปปรับแต่ง และจนถึงตอนนี้มีวิธีการกินที่หลากหลาย

กู้เสี่ยวหวานยิ้ม “เป็นแค่อาหารบางส่วนที่ทำกินในชีวิตประจำวัน ก็เหมือนกันกับมันเทศนี้ มันยังสามารถทอด หั่นเป็นฝอย และทอดในกระทะเหมือนอาหารทั่วไปได้ ทั้งยังอร่อยอีกด้วย”

หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อมองหน้ากัน ทั้งคู่มีความประหลาดใจในดวงตา มีวิธีการทำมากมายขนาดนี้ ทำไมถึงแพ้ให้กับร้านซุ่นซินได้

ดังนั้นทุกคนจึงยกนิ้วให้ “เสี่ยวหวาน ร้านจิ่นฝูจะดีไม่ได้เลยถ้าไม่มีเจ้า”

กู้เสี่ยวหวานก็ไม่ถ่อมตัว “ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณพ่อครัวอย่างท่านทั้งสอง แม้ว่าข้าจะเป็นคนคิด แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นฝีมือของท่านทั้งสองไม่ใช่หรือ? ที่ทำอาหารอร่อย ๆ แบบนี้ออกมาได้”

กู้เสี่ยวหวานยกย่องหลี่พ่างจื่อและเกาจื่อเป็นอย่างมาก และพวกเขาก็มีความสุขมากเช่นกัน

“แต่ว่า เสี่ยวหวาน อาหารเหล่านี้จะตั้งชื่อว่าอะไรดี”

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ประสบปัญหา ตอนนี้นางบอกว่าอวี้เจิ่นเหล่านี้เรียกว่ามันเทศแท่งทอด แป้งมันเทศทอด มันเทศเผา ชื่อดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไร

อย่างไรก็ตาม กู้เสี่ยวหวานคิดว่าอารยธรรมจีนมีอายุกว่าห้าพันปี ดังนั้นการตั้งชื่อจึงไม่ใช่เรื่องง่าย

ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงนึกชื่อที่เพราะ ๆ

เมื่อเห็นท่าทางกังวลของทั้งสองคน นางยิ้มและพูดว่า “พ่อครัวหลี่ฟังนะ ชื่อเหล่านี้ดีมาก”

ชี้ไปที่ชามโจ๊กมันเทศ สิ่งนี้เรียกว่า โจ๊กหยก

แป้งมันเทศทอดเรียกว่า หยกมุก ส่วนมันเทศแท่งทอดก็เรียกง่าย ๆ ไปเลยว่า มันเทศแท่ง

กู้เสี่ยวหวานยังเอ่ยชื่ออาหารที่เหลืออีกสองสามจาน ซึ่งไม่เพียงเหมาะสำหรับอาหารเท่านั้น แต่ยังช่วยให้แขกรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร อีกทั้งยังสามารถจดจำได้ง่ายอีกด้วย

ทุกคนก็เห็นด้วย

ทั้งสอนวิธีการทำ และเลือกชื่ออาหารด้วย ในที่สุดงานของกู้เสี่ยวหวานก็เสร็จสิ้น

เมื่อกลับมาที่ห้องรับรอง กู้เสี่ยวหวานวางแผนที่จะสะสางบัญชีในช่วงเวลานี้ ทันทีที่นางเปิดประตู นางเห็นฉินเย่จือนั่งอยู่บนที่นั่งของเขา มองดูสมุดบัญชีอย่างสบาย ๆ

กู้เสี่ยวหวานยิ้มและรีบร้องออกมาอย่างมีความสุข “พี่เย่จือ!”

ไม่ได้ยินเสียงของกู้เสี่ยวหวานเป็นเวลานาน คิ้วและดวงตาของฉินเย่จือก็เปิดขึ้นทันที

“หวานเอ๋อร์ มานี่สิ” เขากวักมือเรียกกู้เสี่ยวหวานให้เข้ามา กู้เสี่ยวหวานไม่ได้คิดด้วยซ้ำ นางรีบวิ่งไปข้างหน้าทันทีและหยุดห่างจากฉินเย่จือเพียงสามหรือสี่ก้าว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท