บทที่ 900 คำสารภาพของกู้ฉวนลู่
บทที่ 900 คำสารภาพของกู้ฉวนลู่
เถ้าแก่หวังต้องการซื้อต้นกล้ามันเทศจากกู้เสี่ยวหวาน แต่กู้เสี่ยวหวานไม่ขายมันให้เขา แม้แต่ญาติ นางก็ไม่ขาย
เดิมทีซุนซื่อต้องการซื้อมันให้ครอบครัวฝั่งแม่ตนเอง แต่กู้เสี่ยวหวานไม่ยอมขายมัน
ซุนซื่อและคนอื่น ๆ รู้สึกโกรธเคือง หากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
จุดประสงค์ของการมาหาเฉาซื่คือ นางต้องการให้เฉาซื่อคิดหาวิธีที่จะเอาต้นกล้ามันเทศมา และใช้โอกาสนี้บุกเข้าไปในบ้านของกู้เสี่ยวหวาน
“หากข้าจะไปซื้อมัน เด็กคนนั้นจะยอมขายให้ข้าหรือ?” เฉาซื่อกลอกตา โชคดีที่นางยังฉลาด
ซุนซื่อได้พูดคุยกับกู้ฉวนลู่และคนอื่น ๆ แล้ว และพวกนางเองก็คิดหาวิธีเช่นกัน
“ถ้าเจ้าไปเอามาอย่างเปิดเผย นางจะต้องไม่ให้เจ้าอย่างแน่นอน แต่ถ้าเจ้าแอบเข้าไปล่ะ?”
“จะไปแอบได้อย่างไร” เฉาซื่อรู้สึกสับสนเล็กน้อย และซุนซื่อก็พูดว่า “เจ้าคงไม่รู้ ข้าจะให้เงินเจ้าและให้เจ้าไปยังที่ดินของนางโดยตรง และช่วยเราเอาต้นกล้ามันเทศออกมา”
เอาออกมา
นี่ไม่ใช่การขโมยหรอกหรือ
เฉาซื่อไม่พอใจเล็กน้อยและเอ่ยว่า “นั่นไม่ได้ผล” ด้วยใบหน้าที่เบื่อหน่าย
“ข้าจะให้เงินเจ้าสองเท่า และเจ้าก็นำของมาให้ข้าเพียงบางส่วนเท่านั้น” นั่นหมายถึงทำแค่ครั้งเดียว แต่ได้เงินถึงสองเท่า
เฉาซื่อหวั่นไหวเล็กน้อย และข้อตกลงนี้มันคุ้มค่า
“เจ้าแค่แอบไปที่นาของนางแล้วขโมยมันมา ข้าจะให้เงินเจ้าสำหรับของหนึ่งอย่าง” ซุนซื่อพูด
เมื่อเฉาซื่อได้ยินเช่นนี้ นางจึงตอบตกลงทันที
แต่หลังจากคิดถึงเรื่องนี้ ก็ยังมีความกังวลอยู่บ้าง
“พี่สะใภ้ ถ้ากู้เสี่ยวหวานจับได้ว่าข้าขโมยของจะทำเยี่ยงไร เมื่อถึงเวลานั้น นอกจากจะไม่ได้เงินแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็จะเกลียดข้าจนตาย!”
“น้องสะใภ้ เจ้าจะกลัวไปไยกัน ถ้าเจ้าแอบเข้าไปตอนมืด และแอบขโมยมาหมู่ละต้นสองต้น นางคงไม่สามารถรู้ได้”
เฉาซื่อพยักหน้าหลังจากได้ยินสิ่งนี้และตกลงทันที จากนั้นจึงเกิดเรื่องราวที่กู้เสี่ยวหวานจับได้ว่ามีคนขโมยต้นกล้ามันเทศในตอนกลางคืน
ตอนนี้มันทำให้เฉาซื่อเสียใจแทบตาย
ครั้นเห็นใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานมืดมนราวกับก้นหม้อ และได้แต่สาปแช่งซุนซื่อในใจแทบตาย
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานได้ยินสิ่งนี้ พลันก็เกลียดชังครอบครัวของกู้ฉวนลู่มากยิ่งขึ้น
เดิมทีลุงของนางก็ไม่มีจิตสำนึกก็มากพอแล้ว แต่คนผู้นี้ไม่เคยทำสิ่งดี ๆ แล้วคิดว่าตนเองจะให้อภัยเขาหรือ?
ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานเต็มไปด้วยความโกรธ และเป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกโกรธแค้นกู้ฉวนลู่
ต้องทำให้พวกกู้ฉวนลู่ต้องทนทุกข์บ้าง ไม่เช่นนั้นจะมีครั้งที่สอง ครั้งที่สาม และครั้งที่สี่ต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
เขาสั่งให้อาโม่เขียนทุกสิ่งที่เฉาซื่อพูด จากนั้นขอให้เฉาซื่อเขียนชื่อในใบรายงาน และขังเฉาซื่อไว้ในห้องเก็บฟืน
ทางด้านกู้ฉวนลู่กำลังพึงพอใจ
เฉาซื่อขโมยต้นกล้ามันเทศจำนวนมาก ซุนซื่อจึงหาที่ดินผืนหนึ่ง และปลูกต้นกล้ามันเทศทั้งหมด โดยหวังว่าจะได้ผลผลิตที่ดีในฤดูใบไม้ร่วง
เมื่อไม่เห็นเฉาซื่อมาหลายวัน ซุนซื่อก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงปรึกษาเรื่องนี้กับกู้ฉวนลู่
แต่กู้ฉวนลู่มีความสุขมากที่ได้เห็นต้นกล้ามันเทศ เดิมทีเขาก็ไม่ได้สนใจชีวิตของเฉาซื่ออยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจนางนัก
แต่ซุนซื่อยังมีความกลัวเล็กน้อย และไม่รู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นต่อไป
ความกังวลของซุนซื่อไม่ผิดพลาด ไม่กี่วันต่อมาเจ้าหน้าที่จากเมืองรุ่ยเสียนมาหานาง และต้องการจับกุมซุนซื่อ
เมื่อเห็นท่าทางนี้ ซุนซื่อก็รู้สึกหวาดกลัวมากจนแทบเสียสติ ในที่สุดนางก็ได้ยินอย่างชัดเจน ปรากฏว่าเฉาซื่อซัดทอดนาง และบอกกู้เสี่ยวหวานทุกสิ่ง กู้เสี่ยวหวานเขียนคำร้องและฟ้องนาง เมื่อพวกเขามาถึงเมืองรุ่ยเสียนก็มีพยานและหลักฐานมากมาย จากการระบุตัวตนของเฉาซื่อ ทำให้ซุนซื่อไม่สามารถหลบหนีได้
ซุนซื่อตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อคิดว่าตัวเองกำลังจะถูกส่งตัวเข้าคุกอีกครั้ง นางคิดสิ่งใดไม่ออก และตะโกนด้วยความเศร้า “ใต้เท้า โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ทำ เป็นเขา เขาเป็นคนขอให้ข้าไปหาเฉาซื่อ เงินเขาก็เป็นคนให้ เขาทำ เขาทำทั้งหมด”
เสียงร้องโหยหวนของซุนซื่อดังแหลมบาดหู เวลานี้กู้ฉวนลู่ซึ่งคุ้นเคยกับมันแล้ว เขารุดขึ้นหน้าและปิดปากของซุนซื่อโดยไม่ต้องคิด
แต่มันสายเกินไปแล้ว ซุนซื่อโพล่งทุกอย่างออกมา ชี้มาที่เขา และทุกสายตาก็จับต้องไปยังกู้ฉวนลู่
กู้จือเหวินและกู้ซินเถายืนอยู่ที่ลานบ้าน มองไปที่เจ้าหน้าที่ในชุดทางการและมองซุนซื่อกับกู้ฉวนลู่ มองพวกเขาอย่างเย็นชาโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เมื่อกู้ฉวนลู่ได้ยินว่าซุนซื่อซัดทอดตัวเองในครั้งนี้ เขาก็โกรธเคือง ชี้ไปที่ซุนซื่อและตะโกน “เจ้ามันผู้หญิงสารเลว อย่าพูดไร้สาระ!”
ขณะที่พูด เขาก็ส่งสายตาให้ซุนซื่อ ซุนซื่อที่หวาดกลัวราวกับหนูจะไม่เห็นกู้ฉวนลู่ส่งสายตาอาฆาตมาที่ตนได้อย่างไร
ตอนนี้นางคิดได้อย่างเดียว อย่าจับนางเข้าคุก อย่าจับนางเข้าคุก
ตราบใดที่นางไม่ติดคุก นางจะทำอย่างไรได้
“ไม่ใช่ข้า ไม่ใช่ข้า เป็นความคิดของเขา เป็นความคิดของเขา” ซุนซื่อชี้ไปที่กู้ฉวนลู่ และบอกกับเจ้าหน้าที่ทุกอย่างที่กู้ฉวนลู่บอกนาง
เจ้าหน้าที่เหล่านั้นฟังและมองท่าทางคลุ้มคลั่งของซุนซื่อ จากนั้นเห็นว่ากู้ฉวนลู่ก้าวไปข้างหน้าและเตะซุนซื่อ
เจ้าหน้าที่รีบห้ามกู้ฉวนลู่ไว้ และพูดอย่างเคร่งขรึม “พาไปทั้งคู่นั่นแหละ!”
ทุกคนเฝ้าดูกู้ฉวนลู่และซุนซื่อถูกพาตัวไป กู้จือเหวินและกู้ซินเถามองอย่างเย็นชาตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ระหว่างทาง กู้ฉวนลู่จ้องมองที่ซุนซื่ออย่างดุดันราวกับว่าเขากำลังจะกินซุนซื่อ
มีเจ้าหน้าที่อยู่บนรถม้าคอยคุ้มกันพวกเขา และกู้ฉวนลู่ไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจากจ้องไปที่ซุนซื่ออย่างโกรธแค้น
ซุนซื่อนั่งตัวสั่นอยู่ที่มุมหนึ่งของรถม้า
นางไม่สามารถเห็นกู้ฉวนลู่ได้อย่างชัดเจนอีกต่อไป และนางไม่สามารถควบคุมอะไรได้อีกแล้ว ถ้าต้องติดคุกอีก นางจะไม่ยอมแน่
ปีที่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในคุกเมืองรุ่ยเสียนเป็นเหมือนฝันร้ายที่ทำให้นางสะดุ้งตื่นตอนกลางดึก ถ้านางถูกจับไปอีกครั้ง นางยอมตายเสียดีกว่า
นอกจากนี้ กู้ฉวนลู่จะไม่สนใจนางอย่างแน่นอน เขาใจร้ายมาก นางจึงไม่สามารถเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องเขาได้อีก
——————————————-