ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 901 กู้ฉวนลู่ติดคุก

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 901 กู้ฉวนลู่ติดคุก

บทที่ 901 กู้ฉวนลู่ติดคุก

นางเสียสละไปแล้วครั้งหนึ่งและแทนที่จะได้รับความสงสารจากกู้ฉวนลู่ แต่เขากลับรังเกียจนางนางไม่สามารถทำเรื่องโง่เขลาเช่นนั้นได้อีกต่อไป

เมื่อพวกเขามาถึงศาลาว่าการ หลิวจือเสี้ยนเป็นขุนนางที่เที่ยงธรรม และทันทีที่เขาพาเฉาซื่อขึ้นโรงศาล เขาก็รู้ความจริงทันที

กู้ฉวนลู่สั่งให้ซุนซื่อยุยงเฉาซื่อ และผู้ร้ายอย่างกู้ฉวนลู่ต้องถูกจับเข้าคุกทันที

ซุนซื่อและเฉาซื่อต้องจ่ายเงินชดเชยให้กู้เสี่ยวหวานเป็นสองเท่า และขอโทษกู้เสี่ยวหวานที่ห้องโถง กู้เสี่ยวหวานจึงยอมแพ้และไม่ไล่ตามทั้งสองคนอีกต่อไป

และอีกด้าน หลังจากได้ยินว่ากู้ฉวนลู่ถูกจับในข้อหาขโมยต้นกล้ามันเทศของกู้เสี่ยวหวาน เถ้าแก่หวังเจ้าของร้านซุ่นซินก็ประกาศทันทีว่ากู้ฉวนลู่ไม่ใช่คนทำบัญชีของร้านซุ่นซินอีกต่อไป

กู้ฉวนลู่ถูกจำคุก และงานที่ร้านซุ่นซินก็หลุดลอยไปจากมือ

ครอบครัวใหญ่ของตระกูลกู้สูญเสียแหล่งรายได้หลัก และครอบครัวของพวกเขาก็ต้องอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังทันที

กู้จือเหวินและกู้ซินเถาเห็นว่าครอบครัวของพวกเขาไม่มีแหล่งรายได้อีกต่อไปแล้ว พวกเขาก็ยากจนลง และไม่รู้จะทำอย่างไรดี

เดิมทีลูกทั้งสองก็ตำหนิซุนซื่ออยู่แล้ว คราวนี้นางไม่รับสารภาพแทนกู้ฉวนลู่ ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ชอบหน้าซุนซื่อมากขึ้น ตลอดทั้งวัน ทุกสายตาจ้องมองซุนซื่ออย่างทิ่มแทง แววตาของพวกเขาบอกว่าซุ่นซื่อโหดร้ายและอำมหิต ทรยศได้แม้กระทั่งสามีของตนเอง

ซุนซื่อถูกลูกชายและลูกสาวด่าทอจนแทบไม่อยากเป็นคน

นางถูกลูกชายและลูกสาวก่นด่าสาดเสียเทเสียราวกับหมูกับหมา ซุนซื่อไม่สามารถพูดอะไรได้ และทำได้แต่เพียงเช็ดหยาดน้ำตา แม้แต่การเช็ดน้ำตาก็ยังถูกกู้จือเหวินด่าว่าเสแสร้ง

เช่นเดียวกับกู้ซินเถา นางลืมไปเสียสนิทว่าเพื่อปกป้องตนเอง ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้ายึดทุกสิ่งที่เจียงหย่วนส่งมา ซุนซื่อก็ยอมรับว่าเป็นคนขโมยของทั้งหมดเพื่อช่วยกู้ซินเถาให้พ้นจากคุก

หลังจากที่กู้ซินเถาและเจียงหย่วนตกหลุมรักกัน นางก็ถูกเจียงหย่วนเกลี้ยกล่อมและสนับสนุน โดยนางไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร

เดิมทีซุนซื่อได้ทำลายชื่อเสียงของครอบครัวใหญ่ตระกูลกู้ไปแล้ว คราวนี้ซุนซื่อก็ดึงกู้ฉวนลู่ให้ตกต่ำลงมาด้วย เมื่อถึงเวลาแล้วผู้คนรู้เรื่องนี้ มันก็จะถูกนำไปพูดดว่าสมาชิกตระกูลกู้เป็นหัวขโมย ภรรยาเป็นเช่นไรสามีก็เป็นเช่นนั้น

ผู้ใหญ่ทั้งสองเป็นหัวขโมยก็หมายความว่าเด็กสองคนไม่ใช่คนดี

ถ้าคำพูดพวกนี้หลุดออกมา กู้ซินเถาจะแต่งงานกับเจียงหย่วนได้อย่างไร?

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้ซินเถาก็โกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่อยากจะมองหน้าซุนซื่อด้วยซ้ำ

เมื่อเห็นว่าลูกทั้งสองปฏิบัติต่อตนอย่างโหดร้าย ซุนซื่อไม่เคยคิดเลยว่าตอนที่นางอยู่ในคุก กู้ฉวนลู่ไม่แม้แต่จะมองมาที่นาง

ตอนนี้พวกเขากลับโยนความผิดทั้งหมดที่นาง

ซุนซื่อไม่รู้จะพูดอะไร ไม่มีสิทธิ์กล่าวหาว่าลูกอกตัญญู เด็กสองคนนี้ได้รับการสั่งสอนจากตัวนางเอง

เมื่อเห็นว่าลูกทั้งสองมีหน้าบึ้งตึง ซุนซื่อได้แต่แอบเช็ดน้ำตา ครอบครัวที่ดีกลายมาเป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ได้อย่างไร

กู้ฉวนลู่ถูกจับและไม่มีเงิน

แต่ทั้งครอบครัวยังต้องกินต้องใช้ กู้ซินเถาเคยควักเงินออกมา แต่คราวนี้นางไม่ควักเงินสักเหรียญ

ซุนซื่อไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปที่โรงรับจำนำเพื่อนำเครื่องประดับบางส่วนของนางไปจำนำ

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เป็นผลดีต่อลูกทั้งสอง

สำหรับกู้เสี่ยวหวาน ตั้งแต่กู้ฉวนลู่ถูกคุมขัง สามเดือนแห่งความสงบสุขก็ผ่านไป

ชาวนาผู้เช่าทุกคนที่เช่าที่ดินของนางปลูกมันเทศ ผู้คนในเมืองก็ปลูกต้นกล้ามันเทศเป็นส่วนใหญ่

ในเมืองรุ่ยเสียนเกือบครึ่งหนึ่งของพื้นที่ก็เพาะปลูกต้นกล้ามันเทศ

มันเทศทั้งหมดถูกใช้เพื่อเพาะเป็นต้นกล้ามันเทศ มันเทศนับหมื่นหัวของกู้เสี่ยวหวานไม่ได้นำไปขายในร้านอาหาร พวกเขาทั้งหมดใช้สำหรับการเพาะปลูก

ลูกค้าบางคนเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่สนใจกิจการของนางเอง และยอมทิ้งโอกาสทั้งหมดในการทำเงินเพียงเพื่อให้ชาวนาเก็บเกี่ยวอาหารได้มากขึ้น พวกเขาจึงยกย่องกู้เสี่ยวหวานมากยิ่งขึ้น

ผู้คนภายในเมืองหลิวเจีย ตราบใดที่มีการกล่าวถึงกู้เสี่ยวหวาน ทุกคนต่างยกนิ้วให้และยกย่องกู้เสี่ยวหวานว่าเป็นคนใจดี

ความดีของนางบดบังตระกูลเจียงชั่วขณะ

ชั่วพริบตาเดียวก็ถึงฤดูร้อนแล้ว

ฉินเย่จือก็จากไปครึ่งปีแล้ว และทุกครั้งจะเขียนจดหมายมาบอกกู้เสี่ยวหวานเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของเขา

เขายังบอกกู้เสี่ยวหวานว่าเนื่องจากงานที่ยุ่งของเขา ระยะเวลาครึ่งปีที่ตกลงไว้อาจถูกเลื่อนออกไปอีก

กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการให้ฉินเย่จือเป็นกังวล ดังนั้นนางจึงขอให้เขาจัดการเรื่องของตัวเองให้เต็มที่และรอให้ทุกอย่างเรียบร้อยไม่ต้องกังวลอะไร

อย่างไรก็ตาม นางเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับอาจารย์ฝางที่ถูกกล่าวถึงในจดหมายของฉินเย่จือ

ฉินเย่จือกล่าวว่าถ้ามีเรื่องอะไรก็สามารถไปหาอาจารย์ฝางได้ เบื้องหลังของอาจารย์ฝางคนนี้เป็นอย่างไรกันแน่

เมื่ออ่านจดหมายแล้ว ฉินเย่จือได้เปิดเผยความเคารพและความรักที่มีต่ออาจารย์ฝาง เมื่อคิดดู เขาคงเป็นชายชราที่ประสบความสำเร็จ

ทุกวันในห้องของกู้เสี่ยวหวาน นอกจากเขียน อ่านหนังสือ และวาดรูป นางกับอาโม่และฉือโถวก็ลงไปที่ด้านล่างภูเขาเพื่อดูการเติบโตของมันเทศ

ปีนี้นางซื้อที่ดินอีกห้าสิบหมู่ และจ้างคนปลูกมันเทศทั้งหมด

แค่หวังว่าจะมีการเก็บเกี่ยวที่ดีในปีนี้

อย่างไรก็ตาม คิดอย่างไรแต่ก็ไม่ได้อย่างนั้น

ตั้งแต่ต้นฤดูร้อน อากาศก็ร้อนขึ้นทุกวัน ๆ นอกจากนั้นก็มีฝนตกชุกตลอดทั้งฤดูฝน แต่เมื่อถึงต้นฤดูร้อนเป็นต้นมาก็ไม่เคยมีฝนตกสักหยดเดียว

ในฤดูร้อนน้ำในแม่น้ำแห้งเกือบหมด

โชคดีที่มีฝนตกปรอย ๆ เล็กน้อย แต่ก็ราวกับขนวัว ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไร

เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าพื้นที่แห้งแล้ง และต้นกล้ามันเทศในทุ่งดูไม่มีชีวิตชีวา

กู้เสี่ยวหวานกระวนกระวายเหมือนมดบนหม้อร้อน ฝนเป็นตัวกำหนดผลผลิตมันเทศ หากไม่มีฝนตก ผลผลิตมันเทศในปีนี้อาจไม่ถึงครึ่งหนึ่งของปีที่แล้ว

กู้เสี่ยวหวานกระวนกระวาย แต่นางก็ทำได้เพียงกังวล

ถ้าฝนไม่ตก นางก็ทำอะไรไม่ได้

ที่นี่ไม่มีแหล่งน้ำสำรองและไม่มีฝนเทียม คิดมากไปเท่าไรก็ไร้ประโยชน์

และในที่สุด กู้ฉวนลู่ก็ออกมาหลังจากใช้เวลาสี่เดือนในห้องขัง

กู้ฉวนลู่ก็เหมือนกับซุนซื่อ เขาไม่กล้าไปเมืองรุ่ยเสียนอีก

——————————————-

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท