บทที่ 906 มีค่าอย่างไม่อาจบรรยายได้
บทที่ 906 มีค่าอย่างไม่อาจบรรยายได้
เสียงกรีดร้องและเสียงปรบมือดังขึ้นอย่างไม่มีสิ้นสุด
“ท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วน ท่านคืออาจารย์ฮุ่ยหย่วนจริง ๆ”
“โอ้ สวรรค์ วันนี้ข้าได้เห็นใบหน้าอันแท้จริงของท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วนแล้ว ช่างคุ้มค่า ช่างคุ้มค่าจริง ๆ”
“ท่านไม่ได้อยู่ที่วัดเซียงกั๋วหรือ? ท่านมาที่เมืองเล็ก ๆ ของพวกเราทำไมหรือขอรับ”
ฝูงชนรอบด้านตะโกนเสียงดังลั่น แต่เขาไม่รู้ว่าจะเอ่ยสิ่งใด จึงได้แต่ระบายความตื่นเต้นออกมา
พวกเขาปรบมือด้วยความตื่นเต้น จนฝ่ายมือขึ้นสีแดง และใบหน้าก็แดงก่ำด้วยความตื่นเต้น
ไม่ใช่แค่คนธรรมดาเท่านั้น แต่แม้กระทั่งผู้ที่มีชื่อเสียงในเมืองหลิวเจียเองต่างก็ตื่นเต้นเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีเจียงอวิ้นหลิ่ว ได้ยินมาว่าเขาเป็นคนที่ไม่แม้แต่จะคุกเข่าลงต่อหน้าของลวี่เทา และเมื่อลวี่เทาเห็นตนเองก็ไม่ได้ให้เกียรติเขาเท่าไร
ตอนนี้เมื่อเห็นเจียงอวิ้นหลิ่วบอกว่าคือท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วน ลวี่เทาที่อยู่ข้างหลังเขาได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของเขาเป็นประกายและคุกเข่าลงทันที
กู้เสี่ยวหวานเงยหน้าขึ้นมองท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วน พลันก็เห็นเขาประสานมือและส่งยิ้มมาให้ตนเอง
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่บุคคลนี้อย่างสงสัย นางไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขา
เมื่อมองไปที่ฝูงชนที่คุกเข่า คนที่บอกว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นดาวหายนะและปีศาจในเมื่อครู่ก็ตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกัน
ตั้งแต่ที่รับรู้ในวันนั้น เมื่อพระภิกษุรูปหนึ่งบอกว่าความแห้งแล้งอย่างรุนแรงในเมืองหลิวเจียเกิดจากดาวหายนะ จึงสั่งให้อาโม่เฝ้าดูและรับรู้ว่ามีคนแผ่ข่าวลือผิด ๆ นี้ไปทั่วเมือง
นอกจากนี้ยังมีอาจารย์ต้าวซิ่นซึ่งเจียงอวิ้นหลิ่วใช้เงินจำนวนมากเชิญมา
ความแห้งแล้งอย่างรุนแรงในเมืองหลิวเจีย เจียงอวิ้นหลิ่วในฐานะชายที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลิวเจียจึงถูกอ้อนวอนจากชาวบ้าน
อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้ว่าอาจารย์ต้าวซิ่นถูกซื้อตัวโดยกู้ฉวนลู่และคนอื่น ๆ แล้ว
กู้เสี่ยวหวานมองไปยังบุคคลที่เพิ่งปรากฏตัว และนางไม่รู้จักตัวตนของคนผู้นี้ แต่มันจะดีกว่าถ้านางสามารถให้พระภิกษุที่มีชื่อเสียงตัวจริงพูดสองสามคำเพื่อตัวเอง นั่นจะทำให้ภิกษุต้าวซิ่นที่เป็นพระปลอมไม่สามารถพูดจาให้ร้ายนางได้
แต่ในขณะนี้ เพียงเพราะรูปลักษณ์ของพระภิกษุรูปนี้ก็ทำให้เกือบทุกคนคุกเข่าลงด้วยความเคารพ
เพียงเพราะเจียงอวิ้นหลิ่วบอกว่าเขาคือ อาจารย์ฮุ่ยหย่วน
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานมองตัวเองอย่างสงสัย
อึดใจต่อมา พระภิกษุชราก็คลี่ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวแนะนำตนเองเบา ๆ “อาตมานามว่าฮุ่ยหย่วน เป็นเจ้าอาวาสวัดเซียงกั๋ว”
เหล่างฝูงชนส่งเสียงโห่ร้องและพวกเขาก็มีท่าทางสงบมากขึ้น “ท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วน เป็นท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วนจริง ๆ”
บางคนคุกเข่า บางคนยืนดู พวกเขาทั้งหมดมองไปที่ท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วนอย่างตื่นเต้น และทันใดนั้น สถานการณ์ก็เข้าสู่ความสงบราวกับกลัวว่าเสียงของพวกเขาจะรบกวนท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วน
ท่ามกลางบรรดาฝูงชน บุคคลที่รู้สึกประหลาดใจที่สุดคืออาจารย์ต้าวซิ่นซึ่งได้รับความเคารพในฐานะพระภิกษุ เมื่อเขาได้ยินว่าผู้ที่มาคือ อาจารย์ฮุ่ยหย่วน ซึ่งเป็นสมาชิกของศาสนาพุทธด้วยเช่นกัน ก็เข้าใจได้ว่าท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วนไม่รู้จักอาจารย์ต้าวซิ่น
อาจารย์ต้าวซิ่นก็ไม่รู้จักอาจารย์ฮุ่ยหย่วน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้จริง ๆ ว่าควรทำอย่างไร
การที่อาจารย์ต้าวซิ่นไม่รู้จักอีกฝ่าย นั่นจะเป็นการพิสูจน์ความถูกต้องของเขาในฐานะพระภิกษุ
ครั้นเห็นอาจารย์ต้าวซิ่นจ้องมองชายชราที่ราวกับเทพสวรรค์ต่อหน้าเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง
แรกเริ่มเดิมที ตนเองไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นก็เห็นว่าฝูงชนเกือบทั้งหมดคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ดังนั้นจึงเริ่มรู้สึกขึ้นมาก ดังนั้นจึงค้อมตัวลงอย่างไม่ลังเล “อาตมานามว่าต้าวซิ่น ไม่รู้ว่าเป็นท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วนจึงไม่ได้ต้อนรับท่าน ข้าหวังว่าท่านอาจารย์จะยกโทษให้ข้า”
“ทุกสิ่งเป็นภาพลวงตา ปราศจากความปรารถนา และพิธีกรรมทางโลกเป็นเพียงเมฆและควันที่ลอยผ่าน” ท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วนค้อมตัวโค้งคำนับเขา
เจ้าอาวาสวัดเซียงกั๋วเป็นคนถ่อมตนและใจกว้าง ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะกลายเป็นพระภิกษุที่มีชื่อเสียง
กู้เสี่ยวหวานก้าวไปข้างหน้า และคำนับด้วยความเคารพ
อาจารย์ฮุ่ยหย่วนมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน และยิ้มโดยไม่พูดสิ่งใดออกมา
อาจารย์ต้าวซิ่นที่อยู่ด้านข้างมองไปที่พวกเขาแล้วพูดอย่างรวดเร็ว “ท่านอาจารย์ สาวน้อยคนนี้เกิดในวันโชคร้าย
“แม่นางเคยได้ยินเรื่องที่ว่า หากหงส์ต้องการหลุดพ้นจากกิเลสและทุกข์ และต้องการกระโจนเข้ากองไฟเผาตนเองให้มอดไหม้หรือไม่” ท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วนเพิกเฉยต่อคำพูดของอาจารย์ต้าวซิ่น แต่เพียงมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหมาย
พระภิกษุรูปนี้เป็นเจ้าอาวาสวัดเซียงกั๋ว และท่านเป็นพระผู้มีชื่อเสียงที่บรรลุเต๋า ดวงตาอันหลังแหลมของท่านสามารถมองทะลุแก่นแท้ของโลกและโลกของปุถุชนได้
ความชาญฉลาดในดวงตาคู่นั้นทำให้กู้เสี่ยวหวานคิดว่าอาจารย์ฮุ่ยหย่วนรู้ว่านางเป็นวิญญาณจากโลกอื่น
อาจารย์ฮุ่ยหย่วนชำเลืองมองกู้เสี่ยวหวานเล็กน้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หากแต่ก็กระตุ้นความคิดเช่นกัน
“ในความคิดของข้า แม่นางคนนี้มีค่าอย่างไม่อาจบรรยายได้ เหตุใดถึงเป็นดาวแห่งหายนะที่ท่านกล่าวหาได้” อาจารย์ฮุ่ยหย่วนขมวดคิ้ว และใบหน้าของอาจารย์ต้าวซิ่นก็แดงก่ำ
หากแต่เขายังไม่ยอมแพ้และโต้กลับ “เหตุใดถึงไม่ใช่นางเล่า นางคือดาวหายนะ ตั้งแต่นางย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองหลิวเจีย เมืองหลิวเจียก็เผชิญกับภัยแล้งรุนแรงที่ในรอบหลายทศวรรษ ฝนไม่ตกมาหลายเดือนแล้ว นางคือดาวหายนะ พระพุทธเจ้าพิโรธและมาลงโทษเรา”
“การเป็นพระไม่อาจโกหกได้ ในหกเดือนที่ผ่านมาข้าเดินทางไปมาห้าเมือง และพวกเขาก็ประสบปัญหาเดียวกับเมืองหลิวเจีย หรือบางทีอาจจะแย่กว่า พวกเขาทั้งหมดจมอยู่ในความแห้งแล้ง ในบางแห่งก็ไม่มีน้ำแม้แต่หยดเดียว ไม่มีฝนตกเลยตั้งแต่ปีใหม่ ข้าอยากจะถามว่าเรื่องนี้เกิดจากผู้หญิงตรงหน้าข้าอย่างนั้นหรือ?”
ดูเหมือนว่าที่อื่นก็ประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนักเช่นกัน
หลังจากได้ยินคำพูดของท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วน ทุกคนที่อยู่ตรงนี่ต่างก็รู้สึกตัว
ท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วนกล่าวว่าที่อื่นก็ประสบปัญหาแห้งแล้งเช่นกัน และกู้เสี่ยวหวานก็ไม่ได้เป็นดาวหายนะ
ถ้าอย่างนั้นนางก็ไม่ใช่ดาวหายนะ
อาโม่ที่อยู่ด้านข้างกล่าวขอบคุณเสียงดังทันที “ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ช่วยและคืนความบริสุทธิ์ให้กับคุณหนูของข้า”
ท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วนลูบเคราตนเอง คลี่ยิ้มและพยักหน้า “แม่นาง โชคชะตาของข้าและเจ้าถูกกำหนดไว้แล้ว ข้าจะเทศน์ให้เจ้าฟัง เช่นนี้เป็นอย่างไร?”
การฟังเทศน์ของท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วนเกี่ยวกับพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ขุนนางในวังเท่านั้นที่จะได้ยิน
เจียงอวิ้นหลิ่วมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างอิจฉา อาจารย์ฮุ่ยหย่วนกล่าวเมื่อครู่นี้ว่านางมีค่ามาก และตอนนี้เขาต้องการเทศน์ให้นางฟังด้วยตนเองอีก
——————————————-