บทที่ 928 เจออันธพาล
บทที่ 928 เจออันธพาล
เมื่อเห็นฉือโถวออกไป อินซื่อก็มองและถามป้าจางด้วยท่าทีมีความสุข “พี่สะใภ้ ปีนี้ฉือโถวอายุเท่าไรหรือ?”
ป้าจางไม่ได้คิดเยอะ และเอ่ยว่า “อายุสิบห้าแล้ว”
เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มกริ่มของอิ่นซื่อ “เขามีคนที่ชอบแล้วหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ป้าจางก็เข้าใจในใจทันทีและพูดว่า “ยังไม่มี ข้าวางแผนที่จะหาแม่สื่อเพื่อจับคู่เขาหลังจากเทศกาลส่งท้ายปีสิ้นสุดลง”
“พี่สะใภ้ ครอบครัวของข้า…” อินซื่อมีความสุขมากขึ้น และโพล่งออกมา
เถาซื่อรู้ว่าไม่สามารถเอ่ยคำต่อไป และทันทีอินซื่อเอ่ยออกมา เถาซื่อก็รีบกระตุกเสื้ออีกฝ่ายและขยิบตาให้
อินซื่อกลับมารู้สึกตัวทันที ตรงนี้ยังมีเด็กหญิงอยู่คนหนึ่ง ดังนั้นจึงรีบหยุดพูดทันที
เดิมทีกู้เสี่ยวหวานต้องการได้ยินว่าอินซื่อกำลังพูดถึงใคร แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมองดูตัวเองอย่างระมัดระวังและผิดปากสนิทก็รู้ว่าพวกไม่อยากให้ตัวเองได้ยิน ดังนั้นนางจึงเม้มริมฝีปากด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็พูดว่าตัวเองจะออกไปดูการฆ่าหมูอีกครั้ง และจากไปพร้อมกับอาโม่
กู้หนิงอันติดตามอย่างใกล้ชิด
เมื่อมาถึงสวนหลังบ้านก็เห็นว่ามีดของผู้เฒ่าหลี่กำลังชำแหละรอบ ๆ ตัวหมู เมื่อตวัดปลายมีดลงไปก็เฉือนเนื้อหมูออกเป็นชิ้น ๆ โดยไม่เสียหายแม้แต่น้อย
ฝีมือเป็นเลิศ
กู้เสี่ยวหวานอดไม่ได้ที่จะชมเชยหลังจากดูจบ และนึกถึงคำโบราณที่ว่า ผาวติงแล่เนื้อวัว*[1] ขึ้นมา
หลังจากนั้นไม่นาน เนื้อหมูก็คือเนื้อ และกระดูกก็คือกระดูก ตีนหมู หัวหมู และเครื่องในหมูถูกวางแยกเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานมองอยู่สักพัก และรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดรอบด้าน
แม้ว่าวันส่งท้ายปีเก่ากำลังจะมาถึงในไม่ช้า ทั้งหมดนี้เป็นการเตรียมการสำหรับวันขึ้นปีใหม่ทั้งหมด แต่ภาพแบบนี้มันทำให้นางคลื่นไส้จริง ๆ
เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของกู้เสี่ยวหวาน อาโม่ที่อยู่ด้านข้างก็พูดอย่างระมัดระวัง “คุณหนู ที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ทำไมเราไม่ไปสูดอากาศที่ลานหน้าบ้านล่ะ”
กู้เสี่ยวหวานเองก็มีความคิดนี้พอดี และเดินออกไปที่ลานบ้านทันควัน
วันนี้อากาศค่อนข้างดี ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน แสงแดดส่องกระทบทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมา โชคดีที่ก่อนมาที่นี่ ป้าจางเอาเครื่องนอนทั้งหมดที่บ้านออกมาตากแดด เมื่อคิดว่าคืนนี้จะมีเครื่องนอนอุ่น ๆ ไว้ให้ซุกตัว การแสดงออกของกู้เสี่ยวหวานก็พลันสดใสขึ้นทันที
ทันใดนั้น เสียงด่าทอดังมาจากระยะไกล “ไอ้สารเลว เจ้าทุบหม้อข้า คอยดูเถอะว่าข้าจะฆ่าเจ้ายังไง”
จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงร้องไห้งองแงของเด็ก ๆ พลางร้องขอความเมตตา
กู้เสี่ยวหวานรีบหันไปมองอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นเด็ก ๆ จากบ้านพวกเขา กู้หนิงผิง กู้เสี่ยวอี้ และลูกทั้งห้าของเถาต๋ากับหลิวต้าจ้วง
เมื่อเห็นว่าพวกเขาถูกดุด่าอย่างรุนแรง กู้เสี่ยวหวานก็เดินไปหาพวกเขาโดยไม่ต้องคิด
เมื่อนางเดินไปหน้ากลุ่มคนเหล่านั้น กู้เสี่ยวหวานก็บังเอิญเห็นหม้อที่ตะแคงอยู่บนพื้น และมีรูอยู่ด้านล่าง
ชายหน้าตาอัปลักษณ์วัยประมาณสามสิบปีกำลังคว้าตัวหลิวเสี่ยวหนิว ลูกชายคนที่สองของครอบครัวหลิวต้าจ้วงและสาปแช่งไม่หยุด
ชายคนนั้นคว้าหลังคอของหลิวเสี่ยวหนิว ในขณะที่เขากำลังโต้เถียงกับกู้หนิงผิงที่วางแผนจะพุ่งเข้าไปเพื่อช่วยเหลือหลิวเสี่ยวหนิว
“เราไม่เคยแตะหม้อของท่านเลย หม้อของท่านตกอยู่บนพื้น” กู้หนิงผิงกำหมัดแน่นและโต้เถียงกับบุคคลนั้น
เมื่อเขาพาคนกลุ่มนี้มาเล่นที่นี่ ชายหน้าตาอัปลักษณ์คนนี้กระโดดออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ทำหม้อในมือตกลงบนพื้น จนของด้านในหกกระจาย
เนื่องจากกู้หนิงผิงเฝ้าดูพวกเขาจากข้างสนามและไม่ได้เข้าร่วมเล่น จึงทำให้มองเห็นพวกเขาได้อย่างชัดเจน
หลิวเสี่ยวหนิวยังไม่ได้ชนเขาเลย
หลิวเสี่ยวหนิวที่ถูกคว้าคอเสื้อ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากคิดว่าเขาอ่อนแอเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงดิ้นไปมาและโต้กลับ “ข้าไม่ได้ชนท่าน ข้าไม่ได้ชนท่าน”
“เจ้าเด็กสารเลว ถ้าเจ้าไม่ได้ชนข้า หม้อของข้าจะตกลงไปเองได้อย่างไร” เมื่อชายอัปลักษณ์เห็นเด็กสองคนเถียงกับเขา เขารู้สึกโมโหขึ้นมา มือที่จับคอเสื้อก็ยิ่งกำแน่นขึ้น
หลิวเสี่ยวหนิวเริ่มหายใจไม่ออก และใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ
ครั้นเห็นเหตุการณ์นี้ อาโม่กำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือหลิวเสี่ยวหนิว แต่ใครจะรู้ว่ากู้หนิงผิงจะตะโกนขึ้นเสียงดัง “ปล่อยเขาลงเดี๋ยวนี้!”
เขากระโดดออกมา ก่อนที่ทุกคนจะทันตั้งตัวก็ได้ยินเสียงชายอัปลักษณ์ร้องลั่น
หลิวเสี่ยวหนิวได้รับการช่วยเหลือให้หลุดพ้นจากชายคนนั้นแล้ว และหอบหายใจสูดอากาศเข้าปอดอยู่ด้านข้างกู้หนิงผิง
ชายอัปลักษณ์ไม่คิดว่ากู้หนิงผิงจะมีการเคลื่อนไหวรวดเร็วเช่นนี้ เขาไม่อยากจะเชื่อเลย เมื่อเขากลับมามีสติก็ตะโกนขึ้นว่า “เจ้าสารเลว เจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำเช่นนี้กับข้า ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!”
หลังจากพูดจบ เขาก็พับแขนเสื้อขึ้นและกำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อทุบตีกู้หนิงผิง
อย่ามองว่ากู้หนิงผิงดูผอมแห้ง แต่เพราะเขาฝึกฝนกับฉินเย่จือ หลังจากฉินเย่จือจากไปเขาก็ยังคงฝึกฝน แม้ว่าเขาจะดูผอมแห้ง แต่เมื่อถอดเสื้อจะพบว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
กล้ามเนื้อบนร่างกายแข็งแกร่ง
กู้หนิงผิงก้าวไปข้างหน้าจัดการกับเขา และทำให้คนผู้นั้นพ่ายแพ้อย่างราบคาบ
เขาร้องอ้อนวอนขอความเมตตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ไว้ชีวิตข้าเถิด ไว้ชีวิตข้าเถิด”
เมื่อเห็นว่าเขายอมจำนน กู้หนิงผิงก็หยิบหม้อที่แตกขึ้นมาบนพื้นและมองใกล้ ๆ เมื่อเขาเห็นว่ารอยแตกเก่ามันดูไม่เหมือนรอยร้าวที่เพิ่งเกิด นอกจากนี้ยังมีชั้นฝุ่นหนาของเกรอะกรัง ใครจะบ้าถือหม้อแตกไปข้างนอกกัน กู้หนิงผิงเดาได้ทันที เขามองไปที่คนผู้นั้นแล้วพูดอย่างเย็นชา “หม้อของท่านไม่ได้เพิ่งแตกตอนนี้ มันแตกมานานแล้ว ท่านมาที่นี่เพื่อข่มขู่พวกเรา ท่านช่างไร้ยางอายยิ่งนัก”
ฉือโถวอยู่ด้านข้างคอยปกป้องเด็ก ๆ ก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างเย็นชา
หลิวเสี่ยวหนิวและเด็กชายคนอื่น ๆ เห็นกู้หนิงผิงจัดการผู้ใหญ่คนหนึ่งจนล้มลงกับพื้นโดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายาม พวกเขาตกตะลึงไป และมองไปที่กู้หนิงผิงด้วยความนับถือ
กู้เสี่ยวหวานไม่เคยเห็นผู้ชายอัปลักษณ์คนนั้นมาก่อน และไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร แต่การเห็นเขาข่มขู่เหล่าเด็ก ๆ แบบนี้ เขาย่อมไม่ใช่คนดีแน่ ๆ
ในขณะนี้ หลิวเหอฮวา ลูกสาวคนโตของหลิวต้าจ้วงกล่าวว่า “พี่หนิงผิง อย่าไปสนใจเขาเลย เขาคือซุนต้าลี่ อันธพาลประจำหมู่บ้าน เขาเอาแต่ข่มขู่ผู้คนไปทั่ว”
อย่างนี้นี่เอง…
*[1] เปรียบเทียบว่า ลงมือทำจริงซ้ำ ๆ หลายครั้งจนมีความชำนาญและมีทักษะ ทำได้คล่องแคล่วและราบรื่น
——————————————-