บทที่ 937 เร่งรีบ
บทที่ 937 เร่งรีบ
“แม้จะใช้เวลาเดินทางไม่นานนัก แต่ข้าก็เหนื่อยมาก” ฉินเย่จือกล่าวเคล้ารอยยิ้ม
นับตั้งแต่วันที่เขาย่างก้าวออกจากเมืองหลวง เมื่อเขาคิดว่าถ้าเดินทางให้เร็วขึ้นอีกนิดก็จะเข้าใกล้กู้เสี่ยวหวานได้เร็วยิ่งขึ้น ร่างกายเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
“รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ” ครั้นได้ยินเช่นนี้กู้เสี่ยวหวานก็รีบเอ่ย “ห้องของเจ้าสะอาดเรียบร้อย ป้าจางเพิ่งเข้าไปทำความสะอาดเมื่อวานนี้”
คำพูดของกู้เสี่ยวหวานลอยเข้าหูฉินเย่จือ แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกงงงวยเล็กน้อย “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะมาวันนี้”
เขาไม่ได้บอกอาโม่เรื่องที่เขาจะกลับมาจากเมืองหลวง
ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานขึ้นสีแดงก่ำ และเอ่ยอย่างเขินอาย “เจ้ารีบไปเถอะ เจ้าต้องการอาบน้ำหรือไม่ ข้าจะไปต้มน้ำให้”
ป้าจางจะทำความสะอาดห้องของฉินเย่จือสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง และเครื่องนอนข้างในจะถูกนำออกไปตากและทำความสะอาดเป็นระยะ ๆ แม้แต่เสื้อผ้าของฉินเย่จือ กู้เสี่ยวหวานก็ประเมินความสูงที่เป็นไปได้ของฉินเย่จือและเตรียมไว้ให้เขาเสร็จสรรพ
แต่ว่าเมื่อเห็นว่าร่างกายของเขาสูงชะลูดเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเสื้อผ้าฤดูหนาวตัวใหม่ที่นางเตรียมไว้จะพอดีกับตัวของเขาหรือไม่
ขณะที่กู้เสี่ยวหวานกำลังจะลุกขึ้น ฉินเย่จือจะต้องการอาบน้ำในเวลานี้ได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงรีบจับกู้เสี่ยวหวานให้นั่งลงและพูดว่า “ไม่ ๆ เราจะพูดถึงเรื่องนี้ในวันพรุ่งนี้ ข้าจะกลับไปพักก่อน เจ้าก็พักผ่อนให้เพียงพอด้วยเช่นกันนะ”
หลังจากพูดจบ ริมฝีปากอันอบอุ่นของเขาก็กดจูบลงบนหน้าผากของกู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเพียงว่าร่างกายของนางชาวาบและร่างกายก็แข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
หัวสมองว่างเปล่า
มีเพียงลมหายใจอุ่นเป่ารดอยู่ตรงหน้าผาก ตามมาด้วยเสียงกระซิบอันแผ่วเบา
“หวานเอ๋อร์ ข้าคิดถึงเจ้ามาก”
ร่างกายของกู้เสี่ยวหวานแข็งค้างราวกับโดนแช่แข็ง
จนกระทั่งมีเสียงหัวเราะดังขึ้นข้างหู กู้เสี่ยวหวานจึงรู้สึกตัวว่าถูกเขาแกล้งเอาเสียแล้ว
การกระทำของอีกฝ่ายทำให้ตนเองงุนงง และพูดสิ่งใดไม่ออก
ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง และหันขวับไปมองฉินเย่จือด้วยความโกรธ จากนั้นก็เห็นเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาและร่างสูงใหญ่ของฉินเย่จือเดินถอยหลังออกจากห้องนอนไปอย่างเงียบ ๆ
ดวงตาคู่นั้นปรากฏรอยยิ้มหยอกล้อ มันช่างอบอุ่นเหมือนกับฤดูใบไม้ผลิในเดือนสาม ทำให้จิตใจของกู้เสี่ยวหวานสับสนไปหมด
กู้เสี่ยวหวานตกตะลึง
ครั้นภายในห้องเหลือเพียงนางแค่คนเดียว และผู้ร้ายที่กลั่นแกล้งนางหายไปแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็สบถออกมาอย่างเขินอาย
ท่าทางน่าอายนั้น แค่นึกถึงก็ทำให้นางอยากจะเอาหน้ามุดดิน
ดูเหมือนร่างกายนี้จะโตขึ้นแล้ว
นอกเหนือจากความตื่นเต้นในใจของกู้เสี่ยวหวานแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่คือความปีติยินดีอย่างไร้ขอบเขต
ตนเองกำลังจะถึงวัยแต่งงานในเร็ว ๆ นี้ และนางมาถึงวัยแต่งงานแล้วก็จะสามารถแสดงความรักกับฉินเย่จือได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องให้คำจำกัดความแล้ว… มันคงเป็นความรักในวัยเด็กเท่านั้น
แต่ใครเล่าจะสนใจ นักเรียนชั้นประถมทุกคนล้วนก็เคยตกหลุมรักใครสักคน และตอนนี้อายุของนางก็เทียบเท่ากับนักเรียนวัยมัธยมต้น นับเป็นวัยแรกแย้ม
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานก็คลี่ยิ้มและหัวเราะออกมา
นางพลิกตัวไปมา หลับตานอนไม่ลง รู้สึกราวกับหัวใจเต้นแรงราวกับกำลังจะหลุดออกจากอก
นางนอนอยู่บนเตียง แต่กลับหลับไม่ลง
มีเรื่องว้าวุ่นอยู่ในใจและไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่กันแน่
แค่หวังว่าวันนั้นจะมาโดยเร็วที่สุด
น่าเสียดายที่ดวงอาทิตย์ในฤดูหนาวมาถึงช้า
หลังจากรอมานาน ท้องฟ้าข้างนอกก็ยังมืดสนิท
และเนื่องจากนางไม่ได้หลับมาครึ่งคืน กู้เสี่ยวหวานที่เป็นเพียงเด็กที่กำลังโต ดวงตาของนางก็ปิดลง จนกระทั่งเมื่อนางได้ยินเสียงหัวเราะจากข้างนอก นางก็ตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทรา
แต่เมื่อตื่นขึ้นมาก็เห็นเพียงความว่างเปล่าภายในห้อง เด็กหญิงก็รู้สึกสบสนเล็กน้อยว่า ตกลงแล้วเมื่อคืนเป็นเพียงความฝันหรือไม่
แต่…
เมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าผากของตัวเอง ริมฝีปากที่ชุ่มชื้นนั้นดูเหมือนจะประทับลงบนหน้าผากของนางเมื่อคืนนี้จริง ๆ
ทันใดนั้น กู้เสี่ยวหวานก็นึกถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังคิด และใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที
แดงฉานราวกับเลือด
แต่ในขณะนี้ เสียงจากภายนอกดึงสติของนางให้กลับมา
นางไม่ได้ฝันไป…
“อาจารย์ อาจารย์ ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว” น้ำเสียงประหลาดใจของกู้หนิงผิงดังขึ้น
คนผู้เดียวที่กู้หนิงผิงเรียกว่าอาจารย์ก็คือ ฉินเย่จือ
หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
อย่างไรก็ตาม น้ำเสียงนั้นฟังดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เมื่อคืนจิตใจของกู้เสี่ยวหวานยังคงยุ่งเหยิงจึงได้ยินไม่ชัดเจน
แต่ตอนนี้ได้นางได้ยินมันอย่างชัดเจนแล้ว
เสียงของคนผู้นั้นทุ้มต่ำลง ไร้ซึ่งความสดใสอย่างในอดีต
เมื่อได้ยินเสียงนั้น กู้เสี่ยวหวานก็มีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง
เสียงของผู้ชายคนนี้เป็นเสียงทุ้มต่ำที่สมบูรณ์แบบ ไม่คาดคิดว่าหลังจากไม่เจอกันหนึ่งปี น้ำเสียงของคนผู้นี้จะเปลี่ยนไปและมีเสน่ห์มากขึ้นกว่าเดิม
กู้เสี่ยวหวานยังคงนอนเพ้อฝันอยู่บนเตียงอันแสนอบอุ่น จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก
“อาจารย์ ข้าจะไปเรียกท่านพี่เดี๋ยวนี้ ถ้าท่านพี่รู้ว่าท่านกลับมาคงจะต้องกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจเป็นแน่”
“นั่นน่ะสิ เสี่ยวหวานกังวลมาตลอดว่าเจ้าจะกลับมาเมื่อใด เราจึงคอยทำความสะอาดห้องของเจ้าตลอด และเสื้อผ้าในตู้ก็เป็นเสี่ยวหวานที่เตรียมให้เจ้าและยังกังวลว่าเจ้าจะสูงขึ้น จึงทำเสื้อผ้าให้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย นางมักจะกังวลว่าจะใหญ่เกินไปหรือเล็กเกินไป แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะพอดี” กู้ฟางสี่เห็นฉินเย่จือกลับมาก็มีความสุขเช่นกัน
สิ่งที่นางคิดจะกล่าวปีที่แล้ว กลับล่าช้าไปหนึ่งปี
หลังขึ้นปีใหม่คงต้องพูดตรง ๆ กับเสี่ยวฉินเสียแล้ว
ในปีนี้ แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่เคยเอ่ยชื่อฉินเย่จือ แต่ก็รู้จากการกระทำว่านางคิดถึงฉินเย่จืออยู่เสมอ