ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 952 เฉาซื่อย้ายบ้านแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 952 เฉาซื่อย้ายบ้านแล้ว

บทที่ 952 เฉาซื่อย้ายบ้านแล้ว

“เห้อ…” ทันใดนั้นหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงก็คร่ำครวญ “ไม่ว่าเจ้าจะลังเลใจกับสิ่งใด สิ่งนั้นก็คือเรื่องในอดีต เห้อ… วันนี้ช่างแตกต่างจากอดีต”

น้ำเสียงของเขาเศร้าสร้อย ครั้นฟังคำพูดของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงและดูสถานการณ์ในบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียง กู้ฉวนลู่สามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่าวันนี้แตกต่างจากในอดีตอย่างแน่นอน

“หัวหน้าหมู่บ้านเหลียง บ้านของท่านมักจะแน่นขนัดในช่วงปีใหม่ เหตุใดวันนี้ถึงเงียบเช่นนี้” ตอนแรกกู้ฉวนลู่ไม่อยากถาม แต่หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เขาก็ถามมันออกมาอยู่ดี

ในหมู่บ้านอู๋ซีมีคนอย่างน้อยสองถึงสามร้อยคน หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเป็นหัวหน้าหมู่บ้านมาหลายปีแล้ว และเขามีสถานะสูงในหมู่บ้าน เขากลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร

“มีอะไรเกิดขึ้นในหมู่บ้านของเราหรือ?” กู้ฉวนลู่ถามอย่างสงสัย

“เพราะเด็กคนนั้นนั่นแหละ” ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงถอนหายใจ และพูดอย่างโกรธเคือง

“ใคร?” กู้ฉวนลู่ไม่ตอบสนองสักครู่

“จะมีใครล่ะ ถ้าไม่ใช่กู้เสี่ยวหวานบ้านรองของตระกูลกู้ หลานสาวของเจ้าน่ะสิ” หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงพูดด้วยความโกรธเคือง

โชคดีที่เขารู้ว่ากู้ฉวนลู่และกู้เสี่ยวหวานไม่ลงรอยกัน มิฉะนั้นหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงอาจรู้สึกไม่พอใจกู้ฉวนลู่ไปด้วย

“นางทำไมหรือ?”

“ไม่ใช่ว่าคราวที่แล้วนางถูกวิญญาณชั่วร้ายเข้าสิงแล้วพวกเราขับไล่นางออกจากหมู่บ้านอู๋ซี แต่ในเวลาต่อมา ข้าได้ยินว่านางรุ่งเรืองมากในเมืองหลิวเจีย” หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงพูดด้วยน้ำเสียงที่อิจฉาริษยา มันแฝงไปด้วยความไม่พอใจอย่างลึกซึ้ง

หญิงผู้นี้เป็นคนตัดเส้นทางทำมาหากินของเขา

ปีก่อน ๆ ธรณีประตูบ้านแทบจะโดนชาวบ้านพัง แต่ปีนี้คนมาให้ของแทบจะนับนิ้วได้

“ใช่ มันค่อนข้างดีตอนนี้นางอยู่ที่ร้านจิ่นฝู และเต็มไปด้วยเกียรติยศ ข้าได้ยินมาว่าหลี่ฝานเจ้าของร้านจิ่นฝูไปที่อื่นเพื่อทำบางสิ่ง ดังนั้นจึงส่งต่อร้านจิ่นฝูนี้ให้นาง” กู้ฉวนลู่กล่าวอย่างไม่พอใจ

“จริงหรือ?” หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงประหลาดใจมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้

“อื้ม”

“มิน่าเล่า เป็นเพราะตอนนี้หลานสาวของเจ้าสบายดี และชาวบ้านในหมู่บ้านก็โกรธมาก โยนความผิดทั้งหมดมาที่ข้า แล้วถ้าไม่ใช่เพราะข้าบีบคั้นให้หญิงผู้นั้นออกจากหมู่บ้านอู๋ซี หมู่บ้านอู๋ซีก็คงมีที่ส่งเสริมการปลูกมันเทศ นอกจากนี้ เขายังกล่าวด้วยว่าก่อนที่กู้เสี่ยวหวานจะไป พวกเขาสานกล่องไม้ไผ่สามารถหารายได้พิเศษได้ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถทำเงินได้เลย ทุกคนเกลียดและโทษข้าที่ตัดเส้นทางการทำเงินของพวกเขา” หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงพูดด้วยความโกรธ

เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเขาเองก็โลภเกินไป หากเขาไม่คิดที่จะบีบคั้นให้กู้เสี่ยวหวานออกไปในตอนนั้นเพื่อที่เขาจะครองกิจการกล่องไม้ไผ่ในอนาคต แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อกู้เสี่ยวหวานถูกขับไล่ออกไป พวกเขาจะไม่ยอมรับกล่องไม้ไผ่จากคนที่นี่อีก

แม้แต่กล่องไม้ไผ่ก็ขายไม่ได้

ชาวบ้านไม่โทษเขาก็บ้าแล้ว

ในเวลานั้น กู้ฉวนลู่ยังรู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงกำลังเล่นกลอยู่ในใจของเขา เขาบอกว่าเขากำลังคิดถึงหมู่บ้าน แต่ในความเป็นจริง เขาต้องการผูกขาดกิจการกล่องไม้ไผ่

ตอนนี้ทำกิจการไม่ได้เลย แถมเงินเก็บก็หายไปด้วย

“เมื่อเด็กนั่นออกไป ก็พากิจการกล่องไม่ไผ่ออกไปด้วย ฮึ่ม” ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงตะคอกอย่างเย็นชา

กู้ฉวนลู่ไม่ต้องการพูดถึงหญิงผู้นั้นไปมากกว่านี้ เขารู้สึกหมดความอดทนเล็กน้อย ดังนั้นจึงถามอย่างอื่น “หัวหน้าหมู่บ้านเหลียง พี่น้องของข้าและหลานสองคนยังคงอยู่ในหมู่บ้านใช่หรือไม่?”

เมื่อกู้ฉวนลู่กล่าวถึงเฉาซื่อและกู้ฉวนโซ่ว สีหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงก็แย่ลง

“เจ้าถามถึงพวกเขาทั้งสองทำไม เจ้าเป็นพี่ใหญ่นะ ไม่ได้เจอพวกเขาเลยหรือ?”

“ช่วงนี้ข้าติดเรื่องกิจการนิดหน่อยจึงยุ่งมาก พอมีเวลาว่างก็เลยกลับมาดู แต่พอถึงบ้านเก่าก็พบว่ามันถูกลงกลอนไว้ ข้ามองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่เห็นผู้ใดเหมือนกัน ไม่รู้ว่าพวกเขาพาลูกทั้งสองไปไหนกัน”

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงขยิบตาให้ภรรยา และภรรยาก็เข้าใจทันทีแล้วรีบเดินออกไป

เมื่อเห็นว่ามีเพียงพวกเขาสองคนที่นี่ หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงยิ้มอย่างมีความหมาย “ฉวนลู่ ไม่ใช่ว่าข้าเคยบอกกับเจ้าแล้วหรือว่า บ้านของตระกูลกู้น่ะเป็นของเจ้าที่เป็นลูกชายคนโตของตระกูล เจ้าเป็นพี่ใหญ่ อีกหน่อยก็จะเป็นผู้นำตระกูลมีทั้งชื่อเสียงและหน้าตา แล้วเหวินเอ๋อร์ก็จะไปเมืองหลวงเพื่อเป็นขุนนางระดับสูงด้วย เจ้าคิดจะทำอะไรก็อย่าคิดถึงแต่ตัวเอง ให้คิดถึงเหวินเอ๋อร์ด้วยนะ”

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงพูดคุยเกี่ยวกับบ้านของตระกูลกู้อีกครั้ง

ไม่ใช่ว่ากู้ฉวนลู่ไม่ต้องการครอบครองบ้านของตระกูล

แต่เขาเป็นพี่ชายคนโต และบ้านของตระกูลนั้นอยู่ในมือของเหล่าซาน ถ้าเขาเอาไปและทำให้พวกเขาไม่มีที่อยู่อาศัย ผู้คนก็คงจะตำหนิเขา

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาได้ซื้อบ้านในเมืองแล้ว เขาจึงไม่ได้สนใจบ้านหลังเก่าของตระกูลกู้มากนัก

เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของกู้ฉวนลู่ หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงกล่าวว่า “ข้ารู้ด้วยว่าเจ้าน่ะเห็นแก่เหล่าซาน แต่ข้ากลัวว่าพวกเขาจะทิ้งบ้านไปแล้ว และไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาไปอาศัยอยู่ที่ไหน เจ้าวางใจได้”

“เกิดอะไรขึ้น?” กู้ฉวนลู่เงยหน้าขึ้นทันทีและถามหลังจากฟังคำพูดของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียง

“เมื่อไม่กี่วันก่อน เฉาซื่อกลับมาด้วยรถม้าคันใหญ่” หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเล่าสิ่งที่เขาเห็นในวันนั้นให้กู้ฉวนลู่ฟัง และกล่าวว่า “จากนั้นก็ขนสิ่งของทั้งหมดในบ้านขึ้นรถม้าและย้ายออกไป นางยังบอกเพื่อนบ้านของนางด้วยว่าจะไม่มาในที่ที่ยากจนแห่งนี้อีก นางจะเข้าเมืองไปเพื่อเป็นคนเมืองและเป็นฮูหยิน”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าเหล่าซานร่ำรวยแล้ว แต่ทำไมข้าไม่เคยได้ยินว่าเขาเปิดกิจการอะไร” เมื่อกู้ฉวนลู่ได้ยินสิ่งนี้ ความรู้สึกแรกของเขาคือ กู้ฉวนโซ่วทำเงินได้มากมายในการเปิดกิจการ

หากเป็นเช่นนี้ เขาจะไม่รู้สึกดีใจมากนัก

“ข้าไม่แน่ใจ ไม่รู้ว่าเหล่าซานทำอะไรนอกบ้าน ทั้งปีเขากลับมาแค่สองสามครั้ง ข้าได้ยินมาว่าถ้าเขากลับมา จะได้ยินเสียงร้องของเฉาซื่อ เห็นเฉาซื่อจมูกฟกช้ำและหน้าบวม ดุด่าเหล่าซานว่าเป็นพวกที่ชอบทุบตีรังแกผู้หญิง หลังจากนั้นวันสองวันก็ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว” หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงบอกเรื่องนี้กับกู้ฉวนลู่และบอกความคิดของเขาด้วย

——————————————-

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท