บทที่ 955 ตระกูลสวีมาแล้ว
บทที่ 955 ตระกูลสวีมาแล้ว
กู้เสี่ยวหวานขบคิดอย่างไม่มีความสุข
ครั้นมองดูเสื้อผ้าที่ตัวเองสวมใส่เมื่อวานและวันนี้ แรกเริ่มเดิมที่กู้เสี่ยวหวานอยากจะเปลี่ยนมัน แต่เมื่อคิดถึงความพยายามเกลี้ยกล่อมของฉินเย่จือแล้ว กู้เสี่ยวหวานพลันรู้สึกขบขัน
ดังนั้นจึงตัดสินใจสวมชุดนี้
ตระกูลสวีได้เดินทางมาถึงสวนกู้ในช่วงเย็น
กู้เสี่ยวหวานรีบออกไปต้อนรับพวกเขา เด็กสาวเห็นอาจารย์สวีและฮูหยินสวียืนอยู่หน้ารถม้า โดยด้านหลังของพวกเขามีสวีเฉิงเจ๋อยืนอยู่ และเสี่ยวลู่จื่อยืนอยู่ด้านหลังเขาอย่างมีความสุข พร้อมกับถือสิ่งของบางอย่างไว้ในมือ
ครั้นเห็นคนมาเยี่ยมถึงบ้าน ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์สวี ฮูหยินสวี พี่เฉิงเจ๋อ สวัสดีปีใหม่ ขอให้ร่ำรวย ๆ เจ้าค่ะ”
สวีเซียนหลินและคนอื่นต่างอวยพรปีใหม่กู้เสี่ยวหวานเช่นกัน จากนั้นพวกเขาทั้งหมดเดินตามเด็กหญิงเข้าไปยังห้องโถง ตอนนี้ฉินเย่จือและคนอื่นออกไปเดินยังไม่กลับมา
กู้ฟางสี่ได้ยินว่าพวกเขามาถึงแล้ว จึงผุดหายเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมชงชา หลังจากทุกคนนั่งลงสักพัก กู้ฟางสี่ก็ยกชาออกมาให้แขกที่มาเยือน
เป็นครั้งแรงที่ฮูหยินสวีได้เจอกับกู้ฟางสี่ ท่าทางเคารพนอบน้อม นางจึงชื่นชอบอีกฝ่ายมาก
ก่อนหน้านี้ฮูหยินสวีได้ยินจากกู้หนิงอันว่า ตอนนี้มีอาหญิงมาอาศัยอยู่ที่บ้านกับพวกเขา
เมื่อพิจารณาจากอายุของคนผู้นี้ คาดว่านางคงเป็นอาหญิงที่กู้หนิงอันกล่าวถึง
“ท่านผู้นี้คืออาของเสี่ยวหวานใช่หรือไม่?” ฮูหยินเอ่ยถาม
กู้ฟางสี่คลี่ยิ้มและพยักหน้าน้อย ๆ “คาราวะฮูหยินเจ้าค่ะ”
ฮูหยินสวีรู้ว่ากู้ฟางสี่ได้หย่าขาดกับสามีแล้ว เมื่อมองรูปลักษณ์ของกู้ฟางสี่ นอกจากนี้กิริยาท่าทางอ่อนโยน สุภาพเรียบร้อย ดังนั้นจึงคิดว่าจะหาคนที่ดีเพื่อให้นางได้มีชีวิตคู่ได้สักวัน
สวีเฉิงเจ๋ออยู่ด้านข้างพูดคุยกับกู้หนิงอัน หากแต่ดวงตากลับเหลือบมองไปที่กู้เสี่ยวหวานเป็นครั้งคราว
ครั้งสุดท้ายที่ได้ยินกู้หนิงอันบอกว่าตอนนี้ไม่เหมาะสมแก่การสู่ขอ สวีเฉิงเจ๋อเองก็รู็สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเช่นกัน
เขากังวลอยู่เสมอว่าถ้าตนเองถูกกู้เสี่ยวหวานปฏิเสธ ในอนาคตกลัวว่าแม้แต่สหายก็คงจะเป็นไม่ได้
เขาเองก็ไม่เด็กแล้ว ปีนี้มีอายุยี่สิบเอ็ดปีแล้ว
ในช่วงวัยนี้ การที่เขายังไม่ได้แต่งงานในเมืองหลิวเจียจึงถูกมองว่าเป็นคนแปลกประหลาด
กู้เสี่ยวหวานรีบเชิญพวกเขานั่งลง และเริ่มพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ
“เสี่ยวหวาน ข้าไม่ได้เจอเจ้าตั้งนาน เหตุใดถึงไม่ไปหอหนังสืออวี้เพื่อคุยกับข้าบ้างเล่า” ฮูหยินสวีตำหนิออย่างไม่จริงจัง
ไม่ใช่ว่ากู้เสี่ยวหวานไปที่นั่นน้อยลง ความจริงแล้วกู้เสี่ยวหวานไปที่นั้นบ่อยมาก
นางจะไปที่หอหนังสืออวี้อย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อหนึ่งเดือนหรือหนึ่งเดือนครึ่ง ไม่เพียงแต่เพื่อดูกู้หนิงอัน แต่ยังเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการบ้านของกู้หนิงอัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ฮูหยินสวีมักจะบอกนางว่าตัวเองเบื่อที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว สามีและลูกชายของนางต้องจัดการกับเหล่าลูกศิษย์ทุกวัน รอบตัวพวกเขาเต็มไปด้วยเด็กผู้ชาย ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเด็กผู้หญิง
กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าสิ่งที่ฮูหยินสวีพูดนั้นสมเหตุสมผล ดังนั้นนางจึงไปที่นั่นเป็นครั้งคราวเพื่อพูดคุยกับฮูหยินสวี และมันทำให้ฮูหยินสวีมีความสุข
เนื่องจากฮูหยินสวีเป็นภรรยาของครอบครัวบัณฑิต นางจึงได้รับความรู้ไปด้วย ทุกครั้งที่กู้เสี่ยวหวานพูดคุยกับฮูหยินสวีก็จะได้รับข้อมูลและได้รับความรู้มากมาย
เมื่อเห็นฮูหยินสวีบอกว่าตนเองไปที่นั้นไม่บ่อย กู้เสี่ยวหวานก็ยิ้มอย่างเขินอาย “ฮูหยินกำลังโทษข้าที่ไปที่นั่นไม่บ่อยหรือ? ข้าไปทุกเดือน ดังนั้นจึงกลัวว่าท่านอาจจะรำคาญข้าขึ้นมาได้
ทันทีที่ฮูหยินสวีได้ยินเช่นนี้ นางก็กุมมือของกู้เสี่ยวหวานทันทีและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไมถึงคิดว่าข้าจะรำคาญเล่า ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าจะมาหาข้า อย่าว่าแต่เดือนละครั้งเลย ข้าจะมีความสุขมากหากเจ้าไปทุกวัน”
หากไปทุกวันก็เท่ากับชวนนางไปอาศัยอยู่หอหนังสืออวี้เลยไม่ใช่หรือ?
กู้เสี่ยวหวานจะไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของฮูหยินสวีได้อย่างไร ดังนั้นนางจึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน “ฮูหยินยุ่งทุกวัน ข้าจะไปรบกวนท่านได้อย่างไร”
ฮูหยินสวีมองสวีเซียนหลินและลุงจางที่พูดคุยและหัวเราะอย่างมีความสุข บางทีก็เหลือบสวีเฉิงเจ๋อที่กำลังคุยบางอย่างกับกู้หนิงอันด้วย ดังนั้นจึงต้องการคุยกับกู้เสี่ยวหวานตามลำพัง
ฮูหยินสวีพูดด้วยความโหยหา “เสี่ยวหวาน นั่งอยู่ในนี้อึดอัดยิ่งนัก เหตุใดพวกเราไม่ไปที่ห้องส่วนตัวของเจ้าเล่า ข้าอยากดูว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้เจ้ากำลังอ่านหนังสืออะไร เจ้าอ่านบันทึกการเดินทางที่ข้าแนะนำให้เมื่อคราวที่แล้วจบแล้วหรือ?”
เมื่อพูดถึงการอ่าน กู้เสี่ยวหวานก็มีหลายสิ่งที่จะพูด
ครั้งที่แล้วเมื่อไปที่หอหนังสืออวี้ นางได้พูดคุยกับฮูหยินสวี และอีกฝ่ายก็แนะนำบันทึกการเดินทางให้ตนอ่าน
กู้เสี่ยวหวานไม่ชอบอ่านเรื่องราวที่น่าเบื่อ นอกจากนี้นางก็ได้เรียนรู้มาเล็กน้อยในชีวิตที่แล้ว ดังนั้นนางจึงสามารถทำอะไรได้บ้าง นางชอบอ่านหนังสือที่บรรยายถึงภูเขาและแม่น้ำของอาณาจักรชิง หรือแม้แต่ดินแดนทั้งหมด
เมื่อมองไปยังตัวอักษรที่หนังสือ การพรรณนาภูเขาและแม่น้ำด้วยคำพูดที่สวยงาม มันก็เหมือนกับการพากู้เสี่ยวหวานไปที่นั่น
กู้เสี่ยวหวานพาฮูหยินสวีไปที่สวนหลังบ้านและเข้าไปในห้อง
ห้องส่วนตัวของกู้เสี่ยวหวานค่อนข้างใหญ่ ห้องด้านนอกใช้สำหรับอ่านหนังสือหรือพูดคุยในวันธรรมดา มีผ้าม่านและฉากกั้นกั้นตรงกลาง ส่วนด้านในเป็นที่พักผ่อน
ทันทีที่นางเข้าไปในห้องส่วนตัวของกู้เสี่ยวหวาน นางถูกดึงดูดด้วยความหรูหรา และบรรยากาศสดชื่นภายในห้อง
การตกแต่งภายในอาจจะไม่อลังการนัก แต่ตกแต่งได้เรียบง่ายและหรูหรา
ค่อนข้างสอดคล้องกับนิสัยของกู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานหยิบบันทึกการเดินทางที่ได้มาจากหอหนังสืออวี้ในครั้งล่าสุด และเริ่มพูดคุยกับฮูหยินสวี
ฮูหยินสวีถือได้ว่าเป็นบุคคลที่มองเห็นโลก เมื่อยังสมัยสาว ๆ นางเดินทางไปกับสวีเซียนหลินและรู้เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมและประเพณีของสถานที่บางแห่ง
เมื่อกู้เสี่ยวหวานพูดคุยกับฮูหยินสวี นางก็สามารถตอบคำถามจากคำพูดของฮูหยินสวีได้เช่นกัน ในยุคนี้ที่ไม่มีคอมพิวเตอร์และขาดแหล่งความรู้ และนี่ถือเป็นอีกวิธีในการหาความรู้อย่างหนึ่ง
“ฮูหยินสวี ท่านมีความรู้มากจริง ๆ เจ้าค่ะ” กู้เสี่ยวหวานชื่นชมอย่างจริงใจ
และรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
ผู้หญิงในสมัยโบราณนี้มักจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอก ต้องอยู่ในห้องส่วนตัว เชื่อฟังพ่อและพี่ชาย และหลังจากแต่งงานแล้วก็ต้องเชื่อฟังสามีและลูกชายของตน ในช่วงชีวิตสั้น ๆ เขาถูกผู้ชายกักขังจนตาย
แต่ฮูหยินสวีแตกต่างออกไป
ตอนที่นางยังอยู่ในห้องส่วนตัว พ่อของนางเป็นคนเปิดเผยและมักจะพานางออกไปเที่ยวเล่น หลังจากแต่งงานแล้ว สวีเซียนหลินรักนางราวกับสมบัติล้ำค่า ตราบใดที่เขาเดินทางไปข้างนอก หลังจากปรึกษาความเห็นของฮูหยินสวีแล้ว เขาก็จะพาฮูหยินสวีไปสำรวจรอบ ๆ ด้วยกัน
——————————————-