บทที่ 986 ร้องทุกข์ผู้ใดก็ทำได้
บทที่ 986 ร้องทุกข์ผู้ใดก็ทำได้
“คงไม่เป็นเช่นนั้นหรอกกระมัง? แม่นางกู้ไม่ได้ทำการรุนแรง การรุกรานใครไม่ใช่เรื่องดี ไม่ต้องพูดถึงการรุกรานคุณหนูหลิว คุณหนูหลิวคนนี้เป็นลูกสาวคนเดียวของขุนนางในเมืองหลวง หากทำให้นางขุนเคืองขึ้นมา ครอบครัวกู้คงไม่มีวันได้เดินเชิดหน้าชูตาหรอกนะ”
“โอ้ ถูกต้อง ถูกต้อง”
“เจ้าดูให้ดีเถอะ การแสดงดี ๆ นี่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น”
ผู้คนที่อยู่รอบข้างบางคนดีใจและรอคอยดูการแสดงของกู้เสี่ยวหวาน ในขณะที่บางคนมีความจริงใจและกังวลเกี่ยวกับกู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานไม่มีวี่แววความกังวลเลยแม้แต่น้อย และเริ่มคำนวณเวลา
อาโม่ควรจะมาได้แล้ว
ครั้นเห็นกู้เสี่ยวหวานไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ลวี่เทาตะโกนขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด “กู้เสี่ยวหวาน เมื่อครู่เจ้าไม่ได้รับปากแล้วหรือว่าจะขอโทษคุณหนูหลิว? แต่ตอนนี้กลับยืนนิ่งเฉยไม่พูดอะไร เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
กู้เสี่ยวหวานเบือนหน้ามองฝูงชน ประจวบเหมาะกับคนคุ้นเคยกำลังวิ่งเข้ามา รอยยิ้มมุ่งมั่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานทันที
เด็กหญิงหันกลับมามองหลิวเทียนฉือที่แสร้งทำเป็นเศร้าโศก เสี่ยวเถาเหลือบตามองกู้เสี่ยวหวานอย่างขุ่นเคือง และลวี่เทาผู้กระตือรือร้นแสดงความดีความชอบต่อหน้าหลิวเทียนฉือ ทันใดนั้น สีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ของนางก็เปลี่ยนไป
นางชี้ไปที่หลิวเทียนฉือและตะเบ็งเสียงดังลั่น “ใต้เท้าลวี่ ข้าต้องการร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม ท่านต้องรับฟังคำขอของเด็กหญิงชนบทอย่างข้า!”
ทันใดนั้นนางก็ล้มลงคุกเข่าลงพื้นเสียงดัง
ไม่มีผู้ใดตอบสนองท่าทางนั้น ฝูงชนรอบด้านได้แต่ยืนนิ่ง และเห็นเพียงแค่กู้เสี่ยวหวานคุกเข่าลง
จากนั้นก็ประท้วงร้องขอความชอบธรรม “ใต้เท้าลวี่ ข้าขอร้องเรียนหลิวเทียนฉือเรื่องที่นางลักพาตัวอาของข้าและขายอาของข้าเพื่อระบายความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวของตนเอง ข้าต้องการถามท่านใต้เท้าว่า พฤติกรรมการลักพาตัวกับการที่ข้ากระชากนางลงจากรถม้านั้น สิ่งใดร้ายแรงมากกว่ากัน?”
“เหตุใดนางถึงต้องลักพาตัวอาของเจ้าไป?” ลวี่เทาตกตะลึงเมื่อได้ยิน และไม่ได้กลับมามีสติในทันที ดังนั้นเขาจึงพูดซ้ำคำพูดของกู้เสี่ยวหวานในตอนนี้ และเมื่อรู้ตัวว่าเอ่ยสิ่งใดออกมา จึงตั้งสติให้มั่นคงทันที เขามองไปยังความวุ่นวายของผู้คนรอบด้านและมองใบหน้าประหลาดใจของหลิวเทียนฉือ และพูดอย่างชอบธรรม “กู้เสี่ยวหวาน อย่าพูดเรื่องไร้สาระ ในเมื่อเจ้าสัญญาว่าจะขอโทษคุณหนูหลิว เจ้าก็ต้องขอโทษเดี๋ยวนี้”
ลวี่เทาไม่สนใจสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานพูดในตอนนี้ จุดประสงค์ของการมาวันนี้คือเพื่อให้คำอธิบายกับหลิวเทียนฉือ
ตอนนี้มันไม่เป็นอะไรหากกู้เสี่ยวหวานจะไม่ขอโทษ แต่กลับกลายเป็นว่านางยังตัดต่อเนื้อความสร้างเรื่องว่าหลิวเทียนฉือลักพาตัวและขายอาของนาง ช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!
“ใต้เท้าลวี่ อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของกู้เสี่ยวหวาน เห็นได้ชัดว่าอาของนางหนีไปกับชายอื่นแล้ว และนางก็หาคนของนางไม่เจอ กู้เสี่ยวหวานจึงมาสร้างปัญหาให้คุณหนูของข้า” เสี่ยวเถาโต้แย้งอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองไปที่กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกอยากฉีกนางเป็นชิ้น
ไม่ได้คาดหวังว่ากู้เสี่ยวหวานจะทำสิ่งนี้อย่างลับ ๆ ไม่น่าแปลกใจที่นางตกลงจะมาที่นี่ และขอโทษพวกนางอย่างรวดเร็ว
กลับกลายเป็นว่านางไม่ได้ต้องการมาที่นี่เพื่อขอโทษ แต่มาตามหาอาของตนท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่านางจะมองหา แต่กู้ฟางสี่ก็ได้ออกจากเมืองหลิวเจียไปแล้ว แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะค้นหาทุกซอกทุกมุมของเมืองหลิวเจีย นางก็จะไม่มีวันพบร่องรอยของกู้ฟางสี่
หลิวเทียนฉือมั่นใจ อย่างไรเสียคนก็ได้จากไปแล้ว หายลับไปอย่างไร้ร่องรอย
แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานพลิกฟ้าเพื่อค้นหา นางก็จะไม่มีวันหากู้ฟางสี่เจอ
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ตนปฏิเสธที่จะยอมรับและกล่าวว่าไม่รู้ว่ากู้ฟางสี่อยู่ที่ใด กู้เสี่ยวหวานจะทำอะไรกับนางได้?
ใบหน้าของหลิวเทียนฉือเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน และไม่กลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะอาละวาด นางจึงพูดอย่างโกรธเคือง “กู้เสี่ยวหวาน เจ้าอย่ามาใส่ร้ายคนอื่นเช่นนี้นะ เสี่ยวเถาก็บอกแล้วว่าอาของเจ้าไม่ได้อยู่กับเรา ข้าจะจับตัวหญิงที่เคยหย่าแล้วอย่างอาของเจ้าไปทำไมกัน?”
สิ่งที่หลิวเทียนฉือพูดคือการบอกทุกคนว่า แม้ว่าคนอย่างกู้ฟางสี่จะถูกลักพาตัวไปก็ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด
หลิวเทียนฉือไม่ได้คาดหวังว่าคำพูดเช่นนี้จะฟังแล้วดูเหตุผล แต่หลังจากได้ยินคำพูดดังกล่าว ผู้คนรอบด้านก็รู้สึกเปลี่ยนไป
พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แค่รู้สึกว่าคำพูดของหลิวเทียนฉือช่างไร้มนุษยธรรม
แต่หลิวเทียนฉือไม่รู้ว่าคำพูดของตนเองมีสิ่งใดปกติ และยังค่อนข้างพึงพอใจเล็กน้อย
มามาเหลิ่งเป็นหญิงชรา นางผ่านประสบการณ์มามากมาย หลังจากได้ยินคำพูดของหลิวเทียนฉือก็ผงะไปเช่นกัน
แม่นางคนนี้กำลังดูถูกผู้อื่น
นั่นจะทำให้ผู้คนรู้สึกโกรธเคือง
แน่นอนว่าหลังจากได้ยินคำพูดของหลิวเทียนฉือ คนรอบข้างบางคนเริ่มไม่พอใจ
“นางกำลังพูดเรื่องอะไร? แค่นี้มันก็ยากที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อมากพอแล้วสำหรับคนที่หย่าร้าง แล้วยังจะมาดูถูกดูแคลนกันอีก ถึงไม่มีใครต้องการก็ไม่จำเป็นต้องพูดจาทำร้ายจิตใจกันแบบนี้”
“ถูกต้อง อาของแม่นางกู้หายไปก็จำเป็นต้องออกตามหา การพูดเช่นนี้ออกมาก็เหมือนดั่งมีดที่ปักลงกลางใจคนมิใช่หรือ?”
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความช่วยเหลือจากฝูงชน “ผู้หญิงคนนี้มาจากตระกูลหลิวอันสูงศักดิ์ เมืองหลิวเจียนี้เป็นสถานที่เล็ก ๆ ข้าเกรงว่าจะไม่สามารถรองรับเจ้าได้ หญิงสาวจากเมืองหลวง ข้ากลัวว่าแผ่นดินในเมืองหลิวเจียจะทำให้พื้นรองเท้าของเจ้าเปื้อน”
สิ่งที่คนผู้นี้พูดเป็นการประชดประชันและสาดซัดกลับไปยังหลิวเทียนฉือ เหมือนดังที่หลิวเทียนฉือดูถูกกู้ฟางสี่
ใบหน้าของหลิวเทียนฉือซีดลงในเวลานี้
นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าสิ่งที่ตนเองพูดเพื่อพิสูจน์ตัวเองจะก่อให้เกิดความโกรธเคืองต่อผู้คนมากมาย
สิ่งที่นางพูดมันผิดงั้นหรือ?
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินว่ามีคนประณามหลิวเทียนฉือ นางจึงรู้สึกมีความสุขและร้องไห้ออกมา
ก็แค่ร้องไห้ ใครจะร้องไม่ได้กันล่ะ?
น้ำตาของกู้เสี่ยวหวานร่วงหล่นราวกับสร้อยลูกปัดที่ด้ายขาด
นางพร่ำบ่นอย่างอย่างคับข้องใจ “อาของข้าไม่เคยมีวันแห่งความสุขเลยตั้งแต่เด็ก นางถูกพี่ชายใจร้ายและพี่สะใภ้ขายให้กับนักเลงหัวไม้เพื่อเงินสินสอดทองหมั้นมากมาย หลังจากแต่งงานก็ไม่เคยมีวันดี ๆ นางถูกทุบตีด่าทอทุกวัน แต่งงานมาสามสี่ปีเคยมีลูกสองคน แต่โชคไม่ดีที่พวกเขาไม่มีวันได้ลืมตาดูโลก ท่านอาของข้าถูกทุบตีและแท้งลูก อาเขยจิตใจต่ำตมทำให้ท่านอาของอาแท้งลูก นางนอนเลือดจมกองเลือดอยู่บนเตียงสองวันสองคืนโดยที่ไม่มีใครสนใจนาง ถ้าเพื่อนบ้านไม่ให้ขี้เถ้าธูปมากำมือหนึ่ง ท่านอาผู้น่าสงสารของข้าคงกลายเป็นก้อนดินเหลืองไปแล้ว”