บทที่ 992 จัดงานเลี้ยงขอโทษ
บทที่ 992 จัดงานเลี้ยงขอโทษ
ไม่ใช่ว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการดำเนินการเรื่องนี้ อาของนางต้องทนทุกข์ทรมานมากในทุกวันนี้และยังคงนอนอยู่บนเตียง
ทั้งยังถูกใส่ร้ายว่าหนีไปกับชายอื่นอีกด้วย
มันช่างเป็นเรื่องน่าอัปยศ
“ฮูหยินเจียง หากญาติในครอบครัวของท่านถูกคนอื่นใส่ร้าย เห็นได้ชัดว่าถูกใส่ร้ายโดยใครบางคนและทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียง ท่านคิดว่าเรื่องจะจบง่าย ๆ เช่นนี้ได้หรือ?” ในวันนี้กู้เสี่ยวหวานต้องการให้ยินหลิวเทียนฉือขอโทษกู้ฟางสี่ และต้องการให้นางถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
“แล้วเจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
หลิวเทียนฉือกัดฟันกรอด
“มันง่ายมาก ข้าจะไม่พูดเรื่องที่ท่านลักพาตัวท่านอาของข้าไป แต่เรื่องที่ท่านใส่ร้ายความบริสุทธิ์ของท่านอา ข้าไม่สามารถปล่อยมันได้อย่างง่าย ๆ การที่ท่านอาของข้าหย่าร้าง มันมีสาเหตุมาจากผู้ชายคนนั้นที่มีความเสื่อมทรามทางศีลธรรม เช่นนั้นย่อมจะโทษท่านอาของข้าไม่ได้ ท่านอาเคยโดนผู้ชายทำร้ายมาครั้งหนึ่งและยังเอาเกลือมาโรยที่บาดแผล บางทีนางอาจจะเจอคนที่จริงใจกับนางในอนาคตก็ได้ หากเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้รู้ไปถึงหูคนในอนาคตว่าครั้งหนึ่งท่านอาของข้าเคยหนีตามใครบางคนไป นี่ไม่ใช่เพียงการหนีไปด้วยกัน แต่อาจกระทบถึงชื่อเสียงของอาข้าด้วย”
กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างชอบธรรม
หลังจากที่ฮูหยินเจียงได้ยินสิ่งนี้ นางก็เต็มไปด้วยความโกรธ
ไม่ได้โกรธกู้เสี่ยวหวาน แต่โกรธหลิวเทียนฉือที่นางล้ำเส้นเกินไป
ผู้หญิงคนหนึ่งที่หย่าร้างและกำลังใช้ชีวิตอย่างสงบสุข กลับต้องถูกตราหน้าว่าหนีไปกับผู้ชาย
“หึ อาของเจ้าเป็นคนเช่นไร เจ้าก็ต้องรู้ดีกว่าข้า ถ้านางไม่ไปยุ่งกับคนผู้นั้นก่อนแต่งงาน ทำไมอาของเจ้าถึงต้องแต่งงานกับอันธพาลแบบนี้?” หลิวเทียนฉือตะคอกอย่างเย็นชาและยังคงไม่สำนึกผิด
“เทียนฉือ หุบปากเสีย!” ฮูหยินเจียงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดคำที่รุนแรง แต่เมื่อนางเห็นหลิวเทียนฉือมอง ดวงตาของอีกฝ่ายก็แสดงความโกรธที่ไม่อาจปกปิดได้
ฮูหยินเจียงรู้สึกว่าตัวเองทำเกินไป
แต่ตอนนี้หลิวเทียนฉือยังคงอยู่ในบ้านตระกูลเจียง ดังนั้นนางจึงต้องปกป้องและไม่อาจปล่อยให้ชื่อเสียงของนางเสียหายไปมากกว่านี้ได้
ชื่อเสียง ถ้าไม่ใส่ใจกับมัน มันอาจจะหายไป
ถ้าเสื่อมเสียชื่อเสียง ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งจะพังพินาศ
ฮูหยินเจียงไม่สนใจว่าหลิวเทียนฉือจะเกลียดตัวเองหรือไม่อีกต่อไป นางดึงหลิวเทียนฉือไปข้างหลังแล้วพูดกับมามาเหลิ่งว่า “พยุงคุณหนูหลิวเข้าไป อย่าปล่อยให้คุณหนูหลิวเหนื่อย”
แต่นางส่งสายตาให้ ซึ่งหมายความว่าให้มามาเหลิ่งดูแลหลิวเทียนฉือให้ดี
มามาเหลิ่งพยักหน้าและใช้แรงพยุงหลิวเทียนฉือเข้าบ้าน
หลิวเทียนฉือต้องการที่จะต่อต้าน แต่มามาเหลิ่งพูดเบา ๆ ว่า “คุณหนู ถ้าท่านต้องการยุติเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด ท่านต้องฟังนายหญิง”
หลิวเทียนฉือมองกู้เสี่ยวหวานอย่างขุ่นเคือง และปิดปากสนิท
“แม่นางกู้ โปรดคำนึงถึงผู้อื่นและยกโทษให้นางด้วย”
“ถ้าอย่างนั้น ฮูหยินเจียงโปรดให้ทางออกแก่ท่านอาของข้า นางเป็นผู้หญิงที่ถูกทอดทิ้ง และยังถูกคนอื่นใส่ร้ายว่าหนีไปกับผู้ชาย ท่านอาของข้าเคยหย่าร้างมาก่อน และยังถูกใส่ร้ายว่าอดีตสามีทุบตีเพราะนางคบชู้” กู้เสี่ยวหวานยังไม่ยอมแพ้
“เจ้า…” ฮูหยินเจียงถอนหายใจ “แล้วเจ้าจะทำอะไร?”
“ขอโทษอาของข้าต่อหน้าคนทั้งเมือง”
“ขอโทษอย่างไร?”
“จัดงานเลี้ยงสามวันในเมืองหลิวเจีย เชิญทุกคนในเมืองมา และขอโทษท่านอาของข้าในงานเลี้ยง”
ทุกคนที่มุงดูอยู่อ้าปากค้าง
จัดงานเลี้ยงสามวัน และเชิญทุกคนในเมืองมารับประทานอาหาร
ความต้องการของกู้เสี่ยวหวานนั้นยิ่งใหญ่มาก!
“แม่นางกู้ อย่าสร้างเรื่องจนเกินไป” ฮูหยินเจียงกัดฟันแน่น
“ข้าต้องการสอนบทเรียนให้แก่คุณหนูหลิว อย่าคิดว่านางจะทำอะไรก็ได้เพียงเพราะเป็นคุณหนูจากเมืองหลวง แล้วเอาชื่อเสียงของคนอื่นมาล้อเล่น”
“พูดได้ดี” คนรอบข้างปรบมือและเอ่ยชื่นชม
บางคนไม่ชอบหลิวเทียนฉือมานานแล้ว
นางเที่ยวไปตามถนนและการประพฤติตัวที่เย่อหยิ่งทำให้ผู้คนเดือดร้อน
บางคนที่ตั้งแผงลอยถูกรถม้าเหยียบ และไม่ได้รับความยุติธรรม
ทันทีที่ผู้คนในศาลาว่าการได้ยินว่าหลิวเทียนฉือกำลังนั่งรถม้าของตระกูลเจียงไปตามถนน และเหยียบข้าวของมากมายของพ่อค้าเร่เหล่านั้น ใครจะกล้าเข้าไปจัดการ
ไม่กล้าจัดการก็ไม่เป็นอะไร แต่ยังไล่คนที่เข้าไปร้องทุกข์ออกไปด้วย
ชื่อเสียงของหลิวเทียนฉือในเมืองหลิวเจียนี้คือลูกสาวของตระกูลที่ร่ำรวย
ภายนอกดูนุ่มนวลและอ่อนแอ แต่ภายในนั้นไม่ต่างจากเจียงหย่วน
ฮูหยินเจียงเห็นว่าผู้คนรอบตัวนางเริ่มปรบมือ จึงหันไปสบตาลวี่เทา
ลวี่เทาก็กำลังมีช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นกัน
เขาเป็นคนหนึ่งที่ขอให้กู้เสี่ยวหวานมาขอโทษหลิวเทียนฉือ และเขาก็ยังมาด้วยตนเอง ต่อสู้ครั้งใหญ่เพื่อทวงความยุติธรรมให้แก่หลิวเทียนฉือ และเพื่อแสดงความปรารถนาดีต่อตระกูลเจียงกับตระกูลหลิว
ตรงกันข้าม มันกลับแย่ลง
ถ้าหลิวเทียนฉือรู้สึกตัว นางจะไม่กล่าวหาว่าเขาและกู้เสี่ยวหวานร่วมมือกันกลั่นแกล้งนางหรอกหรือ?
ด้วยวิธีนี้ ดีก็คือดี อาจเปลี่ยนข้อเสียเป็นข้อดีได้
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ลวี่เทาจึงรีบก้าวไปข้างหน้าและกระซิบข้างหูฮูหยินเจียง หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของฮูหยินเจียงก็มีความสุขเช่นกัน แม้ว่าจะรู้สึกเสียดายเงิน แต่เพื่อหลิวเทียนฉือและเพื่อตระกูลเจียง นางได้แต่กัดฟันยอมรับ
นางพยักหน้าเห็นด้วย “ตกลง ข้าสัญญากับเจ้า เราต้องเตรียมการสำหรับเรื่องนี้ด้วย ตั้งแต่มะรืนนี้เป็นต้นไป เราจะจัดงานเลี้ยงติดต่อกันสามวัน เชิญชาวบ้านมาทานอาหารเย็นและขอโทษอาของเจ้าต่อหน้าสาธารณชนในงานเลี้ยง”
เมื่อเห็นว่าฮูหยินเจียงเห็นด้วยจริง ๆ ใบหน้าของหลิวเทียนฉือก็มืดลง
หากต้องขอโทษกู้ฟางสี่ต่อหน้าผู้คนมากมายในงานเลี้ยงจริง ๆ จะทำให้นางเสียหน้ามากแค่ไหน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปฏิเสธ
แต่มามาเหลิ่งก็ยื่นมือมาทันที “คุณหนูอย่าใจร้อน ฮูหยินจะไม่มีวันปล่อยให้คุณหนูเสียเปรียบ”
เมื่อเห็นว่าฮูหยินเจียงเห็นด้วยกับกู้เสี่ยวหวานแล้ว ลวี่เทาก็ลอบถอนหายใจอย่างเย็นชา แสร้งทำเป็นปลื้มปีติและพูดเสียงดังว่า “ทุกท่าน ตั้งแต่วันมะรืนนี้ ตระกูลเจียงจะจัดงานเลี้ยงสามวันในเมือง เมื่อถึงเวลา หวังว่าทุกท่านจะมาร่วมงาน”