ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 995 กู้หนิงอันสอบตก

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 995 กู้หนิงอันสอบตก

บทที่ 995 กู้หนิงอันสอบตก

กู้ฉวนลู่รู้สึกขอบคุณและต้องการให้เจียงอวิ้นหลิ่วกินข้าวด้วยกันหลายครั้ง แต่เจียงอวิ้นหลิ่วมักจะยุ่งเกินไปยกเว้นการทานอาหารร่วมกันในวันที่เขาช่วยให้กู้จือเหวินมีชื่อในรายการ ทั้งสองไม่เคยพบหน้ากันอีกเลย

ชั่วขณะหนึ่ง บ้านหลังใหญ่ของตระกูลกู้ทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยความสงบเนื่องจากกู้ฉวนลู่อารมณ์ดี

ในสวนกู้ ภายใต้การดูแลอย่างระมัดระวังของครอบครัว กู้ฟางสี่ก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

ยังเหลือตุ๊กตาอีกมากมายที่ยังไม่ได้ทำและวันส่งมอบก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เมื่อไม่มีการรบกวนจากผู้อื่นชีวิตจึงสงบขึ้นมาก

ทั้งครอบครัวกำลังทำตุ๊กตาระหว่างรอประกาศผลการสอบ

ในที่สุดเมื่อถึงเวลาที่จะประกาศรายชื่อ กู้หนิงอันก็ไปก่อนเพื่อดูรายชื่อ

มันเป็นวันที่มีความสุขมาก และกู้เสี่ยวหวานก็ตามผู้เป็นน้องชายไป

ทั้งสามคนไปที่เมืองรุ่ยเสียน พักที่ร้านจิ่นฝูหนึ่งคืนและไปรอการประกาศอันดับในวันรุ่งขึ้น

หลังจากกระดาษประกาศรายชื่อสีแดงถูกติดประกาศ กู้เสี่ยวหวานรอคอยอย่างใจจดใจต่อด้วยความตื่นเต้น แต่ท้ายที่สุดนางก็ต้องตกตะลึง

แม้แต่สวีเฉิงเจ๋อที่มาด้วยก็ยังรู้สึกประหลาดใจ

กู้จือเหวินได้อันดับแรกโดยไม่คาดคิด

ชื่อที่เขียนไว้ในแถวแรกอย่างโดดเด่นคือ กู้จือเหวิน

กู้เสี่ยวหวานดูรายชื่อทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ หากแต่ไม่มีชื่อของกู้หนิงอัน

นางค้นหาอีกครั้งก็ยังไม่มี

เมื่อมองย้อนกลับไปก็เห็นใบหน้าอันมืดมนของกู้หนิงอัน

บางคนที่เรียนมากับเขาและบางคนที่เป็นเพื่อนกับกู้จือเหวิน เมื่อเห็นว่าชื่อของกู้หนิงอันไม่ได้อยู่ในรายชื่อ แต่ชื่อของกู้จือเหวินอยู่ในอันดับต้น ๆ เขาคิดกับตัวเองว่าน่าเสียดายที่วันนี้กู้จือเหวินไม่ได้มาดูรายการ

เขาแค่ต้องการระบายความโกรธกับกู้จือเหวินและเหน็บแนมกู้หนิงอัน

“อาจารย์สวี ท่านดูสิ กู้หนิงอันคนที่ท่านให้ความสำคัญมากที่สุดไม่ได้อยู่ในรายชื่อ เหอะ ๆ ท่านอาจารย์สอนไปอย่างเสียเปล่าจริง ๆ ท่านดูสิ จือเหวินอยู่ในอันดับต้น ๆ ของรายชื่อ แต่ความรุ่งโรจน์อันยิ่งใหญ่ของหอหนังสืออวี้ล่ะ?”

“นั่นน่ะสิ ยังจะเอากู้หนิงอันมาเปรียบเทียบกับจือเหวิน หึ คนไร้ความสามารถ ไม่คู่ควรที่จะถือรองเท้าให้จือเหวินด้วยซ้ำ”

เสี่ยวหวานกำลังจะปริปากสั่งสอนเด็กเหล่านี้ หากแต่กู้หนิงอันหยุดนางไว้อย่างไม่คาดคิด

“ท่านพี่ ข้าไร้ประโยชน์ ข้าสอบไม่ผ่าน” กู้หนิงอันฝืนยิ้มเพื่อปลอบใจกู้เสี่ยวหวาน

เมื่อเห็นรอยยิ้มอันฝืดเคืองของน้องชาย กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกไม่สบายใจ

สวีเฉิงเจ๋อที่อยู่ด้านข้างปลอบเขา “ไม่ต้องเสียใจ ปีนี้ไม่ผ่าน ปีหน้าก็ยังมีอีก เราจะต้องทำได้อย่างแน่นอน”

ทว่าในใจของเขายังเต็มไปด้วยความสงสัย แต่เขาไม่ได้แสดงมันออกมา

กู้เสี่ยวหวานยังปลอบโยน “หนิงอัน ไม่ต้องกังวล อายุของเจ้าน้อยที่สุด เป็นเรื่องปกติที่เจ้าจะสอบไม่ผ่าน รอปีหน้าพวกเราจะมาใหม่ ไปกันเถอะ กลับไปที่ร้านจิ่นฝู แล้วข้าจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้เจ้าเอง”

เมื่อกลับไปที่ร้านจิ่นฝู ฉินเย่จือเห็นว่าใบหน้าของทุกคนที่กลับมานั้นดูเคร่งเครียด ดังนั้นเขาจึงเดาว่าหนิงอันอาจจะสอบไม่ผ่าน ดังนั้นจึงไม่ถามอะไรออกมาสักคำ

ครั้งกลับมาถึงเมืองหลิวเจีย อารมณ์ของทุกคนค่อนข้างขมุกขมัว

กู้เสี่ยวหวานไม่ชอบบรรยากาศเช่นนี้เลย อย่างไรก็ตาม กู้หนิงอันยังเด็ก ดังนั้นเขาจึงมีโอกาสในการสอบอีกมากมาย

แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าที่จริงจังของกู้หนิงอัน นางก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้เขามีความสุข

ข่าวรายชื่อของกู้จือเหวินโด่งดังจนเป็นที่รู้จักไปทั้งเมืองหลิวเจีย

ทุกคนล้วนได้ยินว่ากู้จือเหวินอยู่ในอันดับต้น ๆ ของรายชื่อ และบัณฑิตอีกคนก็ปรากฏตัวขึ้นทำให้เกิดคนทั้งเมืองตกตะลึง

ได้ยินมาว่ากู้ฉวนลู่จัดงานเลี้ยงในหมู่บ้านอู๋ซีเป็นเวลาสามวัน ทุกคนในหมู่บ้านทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างก็ได้กินกันอย่างถ้วนหน้า

หมูตุ๋นที่หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงกินเต็มไปด้วยน้ำมัน หลังจากเช็ดน้ำมันที่ปากเสร็จ เขาก็ตบไหล่กู้ฉวนลู่และพูดว่า “เอาล่ะ ฉวนลู่ เจ้าหลุดพ้นจากความยากลำบากแล้ว เหวินเอ๋อร์เป็นคนเก่งและตอนนี้สอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉ ในอนาคตก็จะสอบจวี่เหริน หลังจากนั้นจะเข้าสู่เมืองหลวงและกลายเป็นขุนนางระดับสูง”

หลังจากกู้ฉวนลู่ดื่มเหล้าไปสองจอก ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำ หลังจากได้รับคำชมจากหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเขาก็พอใจ

คนที่อีกฝ่ายกำลังชมคือลูกชายของตน และเขาก็มีความสุขมากกว่าคนอื่นชมเชยเขาเสียอีก

“เหวินเอ๋อร์ก็เหมือนข้า ข้าหวังว่าเขาจะไปได้ไกลกว่าข้า” กู้ฉวนลู่หน้าแดง เขามองไปที่กู้จือเหวินอย่างมีความหวัง

กู้จือเหวินนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ เขานั่งตัวตรงด้วยท่าทางของบัณฑิตผู้สูงส่ง

“เหวินเอ๋อร์ ถ้าเจ้าประสบความสำเร็จในอนาคต อย่าลืมสหายของเจ้า ต้าเปาด้วยนะ” หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงมองเหวินเอ๋อร์อย่างมีความหวัง

เหลียงต้าเปาเป็นสมบัติล้ำค่าของเขา การที่เขาคอยสนับสนุนกู้ฉวนลู่ ไม่ใช่เพราะต้องการหาทางที่ดีสำหรับเหลียงต้าเปาในอนาคตหรอกหรือ?

กู้ฉวนลู่รีบตอบอย่างรวดเร็ว “แน่นอน แน่นอน ถ้าในอนาคตเหวินเอ๋อร์ของข้าได้ดี ข้าจะไม่ลืมต้าเปาของเจ้า”

กู้จือเหวินไม่ได้พูดอะไร เขาก้มหน้าลงและกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าเขา

ภายใต้คำแนะนำของปู่ของเขา เหลียงต้าเปาจึงไปยกจอกเหล้าให้จือเหวิน

กู้จือเหวินลืมตาขึ้น ชนจอกของเขาอย่างขอไปทีด้วยท่าทางหยิ่งยโส

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงไม่สนใจเรื่องนี้ ตราบใดที่กู้ฉวนลู่สัญญาว่าเขาจะดูแลเหลียงต้าเปาในอนาคต

เนื่องจากกู้จือเหวินสอบซิ่วไฉผ่านแล้ว แต่กู้หนิงอันสอบไม่ผ่าน กู้ซินเถาจึงภูมิใจอย่างยิ่ง

บางครั้งนางก็ไปที่สวนกู้เพื่อยั่วยุกู้เสี่ยวหวาน แต่กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจเลย และบอกกู้หนิงอันว่าได้ยินก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

แต่กู้หนิงผิงเป็นคนอารมณ์ร้อน และใช้ไม้กวาดไล่กู้ซินเถาจากภูเขาลงไปยังเชิงเขา

กู้ซินเถากัดฟันกรอด

กู้ซินเถายืนสาปแช่งที่ถนนตรงเชิงเขาและสบถไม่หยุด

ด่าว่ากู้หนิงอันเทียบพี่ชายของนางไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อกู้หนิงอันกลับมาจากเมืองรุ่ยเสียน แม้ว่าเขาจะมีรอยยิ้มจาง ๆ อยู่บนใบหน้าเสมอ แต่การแสดงออกทั้งหมดของเขาค่อนข้างเฉื่อยชาเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะรู้สึกกดดันอยู่ในใจ

กู้เสี่ยวหวานเห็นมันในดวงตาของเขา และรู้สึกกังวลใจขึ้นมา

เวลาหลังอาหารเย็น นางไม่ได้ไปเดินเล่นกับฉินเย่จือ แต่ไปกับกู้หนิงอันและบอกว่านางต้องการไปเดินเล่นที่ลานหน้าบ้าน แต่ทุกคนรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานต้องการอบรบสั่งสอนกู้หนิงอัน

เมื่อมาถึงสวนหน้าบ้าน ทั้งสองก็เดินเคียงข้างกันไปรอบ ๆ ลานหน้าบ้าน เดินวนไปวนมา

ปีที่แล้ว เมื่อฉินเย่จือออกไปทำธุระ เขาบอกว่าบังเอิญผ่านไปที่ภูเขาหมินจึงซื้อองุ่นมามากมายและขอให้คนส่งกลับมา

ตอนนี้ใกล้จะถึงฤดูร้อน และองุ่นก็แตกยอดสีเขียวออกมาแล้ว

————————————-

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท