บทที่ 1012 การแสดงยังไม่น่าตื่นเต้นพอ
บทที่ 1012 การแสดงยังไม่น่าตื่นเต้นพอ
นางขอให้อีกฝ่ายจัดการกู้เสี่ยวหวาน แต่กลับได้กู้ซินเถามาแทน
แน่นอนว่านางเป็นแค่นางบำเรอที่ไร้ประโยชน์ และไม่สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดี
กู้ซินเถาเองก็มีประโยชน์ที่ไหนกัน? หากฮูหยินต้องการคนเช่นกู้ซินเถา นางสามารถหากู้ซินเถาได้อีกเป็นร้อยคน
แต่กับกู้เสี่ยวหวานนั้นต่างกัน นางเปรียบดังสมบัติอันล้ำค่า
ฮูหยินเจียงมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างเศร้าใจ ครั้นกู้เสี่ยวหวานเห็นนางกำลังจ้องมองมาที่ตนเอง ดังนั้นจึงรีบส่งยิ้มให้อีกฝ่าย หากแต่รอยยิ้มนั้นส่งไปไม่ถึงดวงตา แววตาคู่นั้นยังเจือไปด้วยความเย็นชา
ฮูหยินเจียงตัวสั่นเทาด้วยความตกใจ สายตาอันเย็นชาคู่นั้นมันน่ากลัวเหลือเกิน จากนั้นตวัดสายตามองไปที่หลิวเทียนฉือที่ดูเหมือนว่านางจะดูนิ่งสงบกว่าปกติ คนที่นางเกลียดชังที่สุดไม่ใช่กู้ซินเถา
คนที่นางเกลียดที่สุดคือ หลิวเทียนฉือ นางไม่ควรเชื่อคำอวดอ้างของหลิวเทียนฉือเสียด้วยซ้ำ
“เทียนฉือ เจ้าคิดอย่างไรกับคำพูดของใต้เท้าลวี่” ฮูหยินเจียงเรียกหานางโดยตรง และเอ่ยขอให้นางพูด
หลิวเทียนฉือรู้ว่าฮูหยินเจียงกำลังโศกเศร้าเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อยในใจ
หากแต่ไม่ใช่กลัวว่าจะทำอะไรให้ฮูหยินเจียงไม่ได้ เพียงแต่หวาดกลัวกู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานคนนี้ราวกับเป็นระเบิดเวลา นางกำลังถือสลักตัวเองไว้ในมือ และพร้อมจะพลีชีพตนเองได้ทุกเมื่อ
เมื่อหลิวเทียนฉือได้ยินฮูหยินเจียงเรียกหาตนก็รีบรุดขึ้นหน้า “ฮูหยินเจียง”
หากแต่ไม่กล้ามองไปรอบ ๆ
สายตาของนางหยุดอยู่ที่ปลายเท้าของตนเอง
เมื่อกู้ซินเถาเห็นฮูหยินเจียงยังคงนิ่งเงียบ จึงกลัวว่านางจะไม่เห็นด้วย ดังนั้นจึงเกิดอาการตื่นตระหนก รีบคลานไปหาหลิวเทียนฉือและเกาะชายกระโปรงของหลิวเทียนฉือ แล้วเอ่ยอย่างน่าสงสาร
“ท่านพี่หลิว ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย”
หลิวเทียนฉือเป็นเพียงแค่เด็กสาวคนหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นกับนางในวันนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นางหวาดกลัว
หลังจากได้ยินคำพูดของกู้ซินเถา นางเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ได้แต่เงยหน้าขึ้นมองกู้เสี่ยวหวานอีกครั้ง
ตอนนี้นางกำลังหวาดกลัว
หวาดกลัวเสียยิ่งกว่ากู้ซินเถาเสียอีก
สิ่งที่กู้ซินเถาต้องการไม่เพียงแต่ต้องการลูกชายจากครอบครัวที่ร่ำรวยในเมืองที่ห่างไกล หากแต่นางยังต้องการแต่งงาน
ต้องการฐานะอันสูงส่ง
สิ่งเหล่านี้เป็นรอยด่างที่ไม่มีวันลบได้ในชีวิตของนาง
หลิวเทียนฉือเฝ้าคิดถึงเรื่องของตัวเองด้วยความขลาดกลัว และไม่ได้แยแสต่อคำขอร้องของกู้ซินเถา
ครั้นเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนักของอีกฝ่าย กู้ซินเถาจึงคิดว่าหลิวเทียนฉือไม่เต็มใจที่จะออกหน้าแทนนาง ดังนั้นใบหน้าจึงเปลี่ยนเป็นขาวซีด และเอ่ยเสียงผะแผ่ว “ท่านพี่หลิว ชีวิตของซินเถาอยู่ในมือท่านแล้ว ซินเถาขอร้อง ได้โปรดเกลี้ยกล่อมฮูหยินเจียงให้รับข้าเข้าตระกูลเจียงด้วยเถอะนะ ท่านพี่หลิว ท่านไม่ได้บอกหรือว่า ตราบใดที่ท่านพี่หย่วนและข้าหุงข้าวสารเป็นข้าวสุก ฮูหยินเจียงจะอนุญาตให้ข้าแต่งเข้าตระกูลเจียงได้อย่างแน่นอน ข้าเชื่อฟังท่านมาตลอด และที่ข้ามาวันนี้ก็เพราะเรื่องนี้”
กู้ซินเถาเทหมดหน้าตัก
คนพูดไม่ได้ใส่ใจ แต่คำฟังกลับจำไม่ลืม
ตอนนี้หลิวเทียนฉือก็กำลังประสบปัญหา
เมื่อได้ยินคำพูดของกู้ซินเถา ดวงหน้าที่ฉายความเกลียดชังพลันเงยหน้าขึ้นฉับไว และสบกับดวงตามาดร้ายของฮูหยินเจียง สายตาดุร้ายราวกับพร้อมจะฆ่านางให้ตายทั้งเป็น แสงเย็นวาบในดวงตาคู่นั้นชวนให้ผู้คนรู้สึกเย็นเยือกราวกับตกลงไปในธารน้ำแข็ง
ฮูหยินเจียงกัดฟันกรอด อยากจะฉีกทึ้งหลิวเทียนฉือออกเป็นชิ้น และสับนางให้แหลกละเอียด
ไม่น่าแปลกใจที่นางให้กู้ซินเถามาที่นี่ ปรากฏว่าต่อหน้าทำตัวอย่างหนึ่ง ลับหลังก็ทำตัวอีกอย่างหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม…
ฮูหยินเจียงคิดว่า หลิวเทียนฉือเห็นนางให้ความสำคัญกับกู้เสี่ยวหวาน และหลิวเทียนฉือเองก็ไม่ได้ชื่นชอบกู้เสี่ยวหวาน ดังนั้นหลิวเทียนฉือจึงทำให้มันเป็นเรื่องยากสำหรับนาง
หลิวเทียนฉือกลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะสร้างผลกระทบต่อตำแหน่งภรรยาของนางในอนาคตอย่างนั้นหรือ?
ฮูหยินเจียงรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
สมองของนางมีปัญหาหรืออย่างไร? เหตุใดถึงขอให้หลิวเทียนฉือหาอนุภรรยาให้กับลูกชายของตนเอง
ขอถามสักประโยคว่า จะมีภรรยาคนไหนใจกว้างถึงขนาดเลือกอนุภรรยาที่แม่สามีชอบให้กับว่าที่สามีในอนาคตของตนเองกัน
ฮูหยินเจียงโศกเศร้ายิ่งนัก เศร้าจนแทบรอไม่ไหวที่จะทุบตีตัวเองให้ตาย ๆ ไปเสีย
แต่ความเสียใจจะมีประโยชน์อะไรในตอนนี้ อย่างที่กู้ซินเถากล่าว หุงข้าวสารเป็นข้าวสุกแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือเพียงหนทางเดียว
หลิวเทียนฉือเห็นความโกรธเคืองฉายชัดในดวงตาของฮูหยินเจียง
ฮูหยินเจียงเอ่ยขึ้นด้วยถ้อยคำเย็นชา “มามาเหลิ่ง หลังจากผ่านไปสิบวันก็ให้คนพานางไปที่ลานบ้านของนายน้อย ให้นางเป็นสาวรับใช้ไปก่อน จากนั้นเมื่อนางตั้งครรภ์ก็ค่อยแต่งนางเป็นอนุภรรยา”
นั่นหมายความว่าฮูหยินเจียงเห็นด้วย
เมื่อเห็นว่าฮูหยินเจียงเห็นด้วย กู้ซินเถาก็คำนับหัวโขกพื้นซ้ำ ๆ “ขอบคุณฮูหยิน ขอบคุณฮูหยิน”
เมื่อซุนซื่อเห็นว่าฮูหยินเจียงเห็นด้วย นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แม้ว่าในขณะนี้จะเป็นสาวใช้อยู่ แต่นางก็นับได้ว่าเข้าใกล้ประตูตระกูลเจียงอีกก้าวหนึ่ง
เพียงแค่รอให้ซินเถาตั้งครรภ์ในอนาคต สำหรับผู้หญิง การตั้งครรภ์เป็นเรื่องง่ายดาย ตำแหน่งอนุภรรยาอยู่ใกล้แค่เอื้อม
หากกู้จือเหวินประสบความสำเร็จในอนาคต สถานะของกู้ซินเถาก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
กู้เสี่ยวหวานมองกู้ซินเถาและซุนซื่อกอดคอกันร้องไห้ด้วยความปีติยินดีด้วยสายตาเย็นชา มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มดูถูกเหยียดหยาม
ข้าอยากเป็นภรรยาของตระกูลที่ยากจนมากกว่าเป็นอนุภรรยาในตระกูลสูงส่ง
และตระกูลเจียงไม่ใช่ตระกูลที่สูงส่ง มีเพียงเงินที่ได้มาอย่างไม่ทราบที่มา กู้ซินเถาก็ถือว่ามันเป็นสมบัติจริง ๆ
ฮูหยินเจียงตกลงที่จะรับกู้ซินเถาเข้ามาในฐานะสาวรับใช้ นางเดินผ่านมามาเหลิ่งและคนอื่น ๆ ออกไปด้วยความโกรธ และตอนที่จะเดินผ่านหน้ากู้เสี่ยวหวาน นางก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “แม่นางกู้ วันนี้เจ้าได้ดูการแสดงที่ดี และคงคิดว่ามันน่าสนุกสินะ”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าอย่างไร้เดียงสา “จะว่าสนุกก็ได้ เพียงแต่ว่ามันยังไม่น่าตื่นเต้นเสียเท่าไร ข้าคิดว่าฮูหยินเจียงจะยืนหยัดในความคิดของตัวเอง และบีบบังคับให้ลูกพี่ลูกน้องข้าทนไม่ไหว สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้เกิดปัญหา มันเลยดูน่าเบื่อไปเสียหน่อยน่ะ”
หลังจากพูดจบ นางก็ถอนหายใจอย่างเสียดาย
“เจ้า…” ฮูหยินเจียงหายใจติดขัด เบิกตากว้างจ้องมองกู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานคลี่ยิ้มไร้พิษสงให้ฮูหยินเจียง
ฮูหยินเจียงแทบจะกระอักเลือดด้วยความโกรธ นางกัดฟันแน่นและเดินกรีดกรายผ่านหน้ากู้เสี่ยวหวานไป
จากนั้นก็ได้ยินเสียงของกู้เสี่ยวหวานดังขึ้นจากด้านหลัง “ฮูหยินเจียง เดินทางปลอดภัย ครั้งหน้าอย่าลืมพานายน้อยเจียงและลูกพี่ลูกน้องของข้ามาทานอาหารที่นี่อีกนะ ข้ามีวัตถุดิบคุณภาพดีอยู่ในครัวของร้านนี้ หากลูกพี่ลูกน้องของข้าตั้งครรภ์ อาหารที่นี่จะเป็นยาบำรุงกำลังชั้นยอด”
————————————-