ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 817 เจ้าของใหม่ของกระบี่ซินถิง

ตอนที่ 817 เจ้าของใหม่ของกระบี่ซินถิง

ยอดภูเขาจั่งไป๋นั้นเคยโด่งดังในหมู่ผู้มีพลังจากต่างชาติ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่กลุ่มต่อสู้หลายคนชอบไปพักผ่อน ยังมีหลายที่บนภูเขาที่เหมาะแก่การซุ่มโจมตีกลุ่มปฏิบัติการของเครือข่ายฟ้าดิน

เบื้องหลังของพวกเขาคือยอดเขาจั่งไป๋และเบื้องหน้าก็มีกำแพงกั้นด้านหน้า ช่างเป็นสถานที่ที่เหมาะอะไรอย่างนี้

หลังจากที่กลุ่มปฏิบัติการต่างชาติมาพักผ่อนกันที่นี่ พวกเขาก็ยิ่งเข้าไปในป่าได้ลึกมากขึ้น จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นค่ายที่เรียบง่ายขององค์กรใหญ่ๆ จากต่างประเทศ

ปกติเมื่อค่ำลงพวกกลุ่มปฏิบัติการต่างชาติจะมารวมตัวกันที่นี่ แต่คืนนี้คนที่เฝ้ายามที่ยอดเขากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ท้องฟ้ามืดลงแล้วแต่ยังไม่มีใครกลับมาที่ฐานเลย

เริ่มไม่ชอบมาพากลแล้ว อย่างกับว่ามีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นแหละ

ทันใดนั้นเองทุกคนในค่ายก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังอย่างกับฟ้าผ่า ทุกคนมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ทำไมถึงฟังดูอย่างกับว่ามีฝูงม้ากว่าหมื่นๆ ตัววิ่งควบเข้ามาล่ะ ว่าแต่ในป่านี้มีม้าด้วยเหรอ

แล้วก็มีคนบางคนกรีดร้องขึ้นมาจากด้านหลังของค่าย ทุกคนหันไปดูด้วยความตกใจ พวกเขาเห็นกลุ่มทหารที่อยู่ในชุดเกราะทองแดงวิ่งลงมาตามเนินเขา เกราะทองแดงนั้นช่วยรับการกระแทกขณะที่วิ่งลงมาจากความสูงขนาดนั้น เพราะฉะนั้นแนวภูเขาที่แม้แต่ผู้บำเพ็ญยังข้ามไปได้ยากจึงไม่เป็นอุปสรรคของพวกเขาแม้แต่น้อย

ระลอกทองแดงกำลังจะเข้ามาถึงปากค่ายแล้ว มีทหารในเกราะทองแดงบางส่วนเข้ามาถึงที่ค่ายก่อน จากนั้นพวกเขาก็เริ่มฆ่าทันที!

คนระดับ B จากกลุ่มฟีนิกซ์ดูมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา เขาเปิดฝ่ามือออกแล้วเล็งไปที่แนวภูเขา ทันใดนั้นอากาศที่แนวภูเขาก็เย็นลง!

หิมะและน้ำแข็งเริ่มปกคลุมแนวภูเขานั้นแล้ว เหล่าทหารในเกราะทองแดงรู้สึกหนาวมาก เหมือนกับว่าเลือดของพวกเขาจะแข็งตัวได้เลย จึงทำให้พวกเขาวิ่งกันช้าลง

ในเวลาคับขันอย่างนี้เฉินจู่อานอ้าปากของเขาและสูดหายใจเข้าไป อากาศในค่ายถูกเฉินจู่อานดูดเข้าไปจนหมด และคนระดับ B จากกลุ่มฟีนิกซ์คนนั้นก็เพิ่งรู้ตัวว่า ความสามารถธาตุของเขาโดนเฉินจู่อานดูดไปจนสิ้น!

ความสามารถของคนคนนั้นคืออะไรกันนะ ทำไมเขาถึงกินความสามารถธาตุได้ล่ะ!

เฉินจู่อานรู้สึกประหลาดใจปนดีใจ เมื่อก่อนเขาใช้ความสามารถนี้เอาไว้กินอย่างเดียว เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะดูดเอาความสามารถธาตุของศัตรูเข้าไปในท้องได้

ดูเหมือนจะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ นอกจากเพียงแค่ร่างกายเย็นลงเล็กน้อยเท่านั้น… ธาตุน้ำแข็งนั้นรวมตัวอยู่ในท้องของเขาและก็เริ่มปั่นป่วนขึ้นมา แต่เฉินจู่อานเคยดื่มน้ำยาจิตวิญญาณเข้าไปในตอนนั้น เขาต้องย่อยน้ำยาจิตวิญญาณ จึงทำให้กระเพาะของเขาแข็งแรงมาก!

เฉินจู่อานดีใจเพราะความสามารถที่เขาไม่ได้เอาไว้แค่กิน!

หรืออาจจะเป็นเพราะเขาได้เลื่อนระดับเป็นระดับ B จึงทำให้ความสามารถของเขาดีขึ้นก็ได้!

ทั้งค่ายมีเสียงร้องครวญครางดังไปทั่ว ผู้มีพลังบางคนรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถหลีกหนีทหารในชุดเกราะทองแดงนี้ได้ แต่พวกเขาสามารถต่อสู้กลับได้ ทหารในชุดเกราะทองแดงไม่ได้เร่งร้อนใดๆ พวกเขาแบ่งกลุ่มออกเป็น 6 คนต่อหนึ่งกลุ่ม ไม่ว่าผู้มีพลังพวกนี้จะโจมตีไปทางไหนก็จะเจอคนอย่างน้อยสามคนอยู่ตรงหน้า และไม่ว่าจะหนีไปทางไหนก็จะเจอแต่ขบวนรบนี้อย่างแน่นอน

ก่อนหน้านั้นตอนที่เครือข่ายฟ้าดินได้เกราะทองแดงนี้มา พวกเขาทำการวิจัยว่าจะใช้เกราะนี้ให้เต็มความสามารถที่สุดได้อย่างไร และการใช้เกราะให้มีประสิทธิภาพนี้มีเงื่อนไขอยู่สองข้อ ข้อแรกก็คือกำหนดคนสั่งการโจมตี และข้อสองก็คือทหารจะต้องฝึกฝนให้มีความแข็งแกร่งมากกว่านี้เพื่อใช้เกราะทองแดง แล้วตอนนี้เครือข่ายฟ้าดินก็ทำทั้งสองข้อสำเร็จแล้ว!

สนามรบที่เคยกินพื้นที่กว้างไปทั่วภูเขาได้ถูกจำกัดให้อยู่ในวงที่แคบลงแล้ว ตอนนี้ขบวนรบที่เครือข่ายฟ้าจัดตั้งเป็นเหมือนกับเครื่องโม่บดขยี้ผู้มีพลังจากต่างประเทศให้กลายเป็นฝุ่น!

ยอดฝีมือจากกลุ่มฟีนิกซ์เห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้ว และไม่สามารถทำให้ดีขึ้นได้ เขาพยายามจะหนีออกไปโดยการใช้หมอกสีขาวปกคลุมร่างของเขา ทหารในชุดเกราะทองแดงที่พยายามเข้าไปใกล้เขาเคลื่อนไหวได้ช้าลงเพราะอยู่ๆ อุณหภูมิก็ลดต่ำลง คนที่อยู่ใกล้ยอดฝีมือคนนั้นสามารถโดนน้ำแข็งกัดตามตัวได้เลย

ผู้มีพลังระดับ B ธรรมดาไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก คนคนนี้จึงเป็นยอดฝีมือที่กลุ่มฟีนิกซ์ส่งมาเพื่อดูแลการต่อสู้โดยเฉพาะ!

ผู้มีพลังจากต่างประเทศบางคนอยากจะหนีตามเขาไป แต่ไม่มีใครคิดว่ายอดฝีมือจากกลุ่มฟีนิกซ์คิดจะหนีไปเองโดยไม่เอาใครไปด้วย มีคนตะโกนขึ้นมา “ช่วยพวกเราด้วยครับ!”

ผู้มีพลังธาตุน้ำแข็งจากกลุ่มฟีนิกซ์คนนั้นหันหน้ากลับมาเตะผู้มีพลังคนหนึ่งออกไป “พวกแกอยู่ที่นี่และต่อสู้ไปซะ ใครอนุญาตให้พวกแกหนีกัน”

เฉินจู่อานกำลังนำทัพทหารเกราะทองแดง แต่เขาเพิ่งตระหนักว่าความสามารถใหม่ของเขานั้นสู้ความสามารถของยอดฝีมือจากกลุ่มฟีนิกซ์ไม่ได้เลย

ยอดฝีมือคนนั้นอยากจะจะบุกเข้าไปในเนินเขาทางทิศใต้ แต่เฉินจู่อานพยายามรั้งคู่ต่อสู้ไว้ และต้นไม้ใหญ่สามต้นก็โค่นลงมา!

กระบี่นั้นดูแล้วทำให้เกิดความรู้สึกระทึกใจ คมกระบี่สามารถตัดต้นไม้ออกเป็นสองท่อนได้อย่างเนียนกริบ มีใครบางคนกำลังซุ่มรออยู่ในกลุ่มต้นไม้!

เฉินจู่อานตกใจมาก เขาเคยเห็นกระบี่นี้มาก่อน แต่ราชันฟ้าเนี่ยไม่สามารถโจมตีได้อีกแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วใครกันที่หลบอยู่หลังต้นไม้ เฉินจู่อานจับพลังของเขาไม่ได้เลย

ขนาดยอดฝีมือจากกลุ่มฟีนิกซ์ยังไม่สามารถรับรู้ถึงพลังของเขาได้เช่นกัน

เมื่อกระบี่เผยตัวออกมาแล้ว ผู้เชี่ยวชาญจากกลุ่มฟีนิกซ์ก็พยายามจะสร้างกำแพงน้ำแข็งเพื่อปกป้องตัวเอง แต่กำแพงน้ำแข็งนั้นก็ต้านไม่ได้ ถ้าไม่ใช่กำแพงนั้นอ่อนแอเกินไป หรือไม่ก็กระบี่นั่นแหละที่ทรงพลังเกินไป

ร่างผอมๆ ของเฉาชิงฉือร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า จากนั้นก็มีเสียงน้ำแข็งแตกตามมา ฟังดูเหมือนจอภาพขนาดไหนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ดูเหมือนว่าการโจมตีจากกระบี่นั้นจะฉุดไว้ไม่อยู่อีกต่อไป

เฉินจู่อานประหลาดใจมากที่ในมือของเฉาชิงฉือมีกระบี่ซินถิงอยู่!

หลังจากที่เฉาชิงฉือหายไปจากเมืองลั่ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน เฉินจู่อานลองโทรหาเธอหลายครั้งแต่โทรไม่ติด เขาถามสมาชิกผู้บำเพ็ญของเครือข่ายฟ้าหลายคนแต่ก็ไม่มีใครทราบเหมือนกัน แล้วเธอกลับมาปรากฏตัวพร้อมกระบี่ซินถิง และเธอก็ใช้มันโจมตีใส่ยอดฝีมือจากกลุ่มฟีนิกซ์!

เฉาชิงฉือมองยอดฝีมือคนนั้นที่จมอยู่ในกองเลือดเงียบๆ เธอรอจนกระทั่งตาของเขาปิดลงและเธอก็หันหน้ากลับไป เธอหยิบเอาคลังเก็บของไร้รูปของยอดฝีมือคนนั้นออกมาและวิ่งกลับเข้าไปในป่าตามเดิม

เฉินจู่อานรู้สึกว่าเฉาชิงฉือทำตัวเป็นหนึ่งเดียวกับป่าโดยแท้จริง และเธอก็เป็นนักฆ่าที่ฝีมือดีที่สุด!

เมื่อระลอกทองแดงเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วพวกเขาก็ตื้นตันใจกันมาก พวกเขาไม่กล้าไปคุยกับเฉาชิงฉือ แต่เมื่อพวกเขาเห็นเธอฆ่ายอดฝีมือคนนั้นแล้วก็ทำให้ภาพนั้นติดตรึงเข้าไปในหัวใจของทุกคน

เธอถือกระบี่ซินถิงไว้ในมือ และเธอก็ดูยิ่งใหญ่เหมือนกับราชันฟ้าเนี่ย เป็นเรื่องยากที่จะเห็นเด็กสาวที่มีพลังออร่าแผ่ออกมาอย่างทรงพลังอย่างนี้

แล้วทุกคนก็เข้าใจแล้วว่าระลอกทองแดงไม่ใช่แค่คนกลุ่มเดียวที่สู้ในสงครามนี้เท่านั้น แต่ต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ของตัวเองให้รับผิดชอบ พวกเขายึดมั่นอยู่ในสิ่งเดียวกัน ก็คือใครหน้าไหนที่ล่วงเข้ามาในเขตแดนเราจะต้องตาย…

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

Status: Ongoing

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น!

ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย

ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท