ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 718 คมดาบ (กลาง)

ตอนที่ 718 คมดาบ (กลาง)

ถึงแม้​จะ​ยังคง​มึนหัว​อยู่​ ​แต่​เมื่อถึง​เวลา​ต้อง​ไป​ที่​เรือน​ซิ่ว​มู่​ยาม​อิ​๋น​ ​จิ​่น​เกอ​ก็​หลับตา​แล้ว​พยายาม​หยัด​กาย​ลุกขึ้น​นั่ง​

“​อาจิน​ ​อาจิน​…​”​ ​เขา​กุม​หัว​ตัวเอง​พลาง​ร้องเรียก​ ​“​ริน​น้ำเย็น​มา​ให้​ข้า​…​ข้า​จะ​ไป​เรือน​ซิ่ว​มู่​”

“​เจ้า​เป็น​เช่นนี้​ ​ยืน​ยัง​ยืน​ไม่​ตรง​ ​แล้วยัง​จะ​ไป​เรือน​ซิ่ว​มู่​”​ ​คนที​่​ตอบ​เขา​ไม่ใช่​อาจิน​ที่​น้ำเสียง​อ่อนโยน​และ​เชื่อฟัง​ ​แต่กลับ​เป็น​เสียง​ที่​เจือ​ความโมโห​ของ​มารดา​

จิ​่น​เกอ​ตกใจ​ ​เขา​รีบ​ลืมตา​ขึ้น​มาทัน​ที

ถึงแม้​จะ​ปวดหัว​แค่ไหน​ ​แต่​เขา​ก็​ฝืนยิ้ม​ ​“​ท่าน​แม่​ ​เหตุใด​ท่าน​ถึง​มา​อยู่​ที่นี่​ได้​เล่า​”

“​เจ้า​กลับ​เรือน​ดึก​ทุกวัน​ ​ข้า​ก็​ต้อง​มาดู​เจ้า​บ้าง​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ด้วย​ท่าทาง​นิ่ง​สงบ​ ​มอง​อารมณ์​ของ​นาง​ไม่​ออก​ ​แต่กลับ​ทำให้​จิ​่น​เกอ​ไม่สบายใจ​ ​“​ท่าน​แม่​ขอรับ​ ​วันนี้​ค่อนข้าง​พิเศษ​…​รอง​ผู้บัญชาการ​หลิน​จะ​ไปรับ​ตำแหน่ง​รอง​ผู้บัญชาการ​ที่​เทียน​จิง​แล้ว​ ​ทุกคน​จึง​ดื่ม​เฉลิมฉลอง​…​อ้อ​ใช่​ ​ท่าน​รู้จัก​รอง​ผู้บัญชาการ​หลิน​หรือไม่​ขอรับ​ ​เขา​มีนาม​ว่า​หลินจ​วิ​้น​ ​เป็น​คน​ของ​ค่าย​ใหญ่​ซี​ซาน​ ​บอกว่า​เคย​เป็น​ลูกน้อง​ของ​ท่าน​พ่อ​ ​ข้า​จึง​ดื่ม​กับ​เขา​เยอะ​หน่อย​ ​ปกติ​ข้า​ก็​ไม่ได้​เป็น​เช่นนี้​…​”

“​เอาล่ะ​ ​เอาล่ะ​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​ยืน​อยู่​หัว​เตียง​ช่วย​พูด​แก้ไข​สถานการณ์​ให้​บุตรชาย​ตัวเอง​ ​“​เรื่อง​นี้​ประเดี๋ยว​ค่อย​ว่า​กัน​ ​ข้า​ให้​คน​นำ​จดหมาย​ไป​ให้​อาจารย์​ผัง​แล้ว​ ​เจ้า​นอน​ต่อ​อีก​สัก​หนึ่ง​ชั่ว​ยาม​เถิด​ ​หลังจาก​หนึ่ง​ชั่ว​ยาม​ค่อย​ไป​เรือน​ซิ่ว​มู่​ ​รีบ​นอน​พักผ่อน​เถิด​!​”

“​ท่าน​พ่อ​ก็​อยู่​ที่นี่​ด้วย​หรือ​ขอรับ​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​พอ​เห็น​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​เบิกตา​กว้าง​ด้วย​ความ​ไม่​อยาก​เชื่อ

ตัวเอง​ไม่ได้​ทำ​อะไร​เสีย​ผิด​หน่อย​ ​ทำไม​ท่าน​พ่อ​และ​ท่าน​แม่​ต้อง​มาหา​เขา​ด้วย​เล่า

เขามอง​ไป​ที่​สือ​อี​เหนียง​ ​แล้วก็​มอง​ไป​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ด้วย​สีหน้า​ที่​เต็มไปด้วย​ความ​สับสน

“​คุณชาย​น้อย​หก​เจ้า​คะ​ ​ท่าน​เมา​มาก​ ​ท่าน​โหว​และฮู​หยิน​เลย​เป็นห่วง​ท่าน​มาก​เจ้าค่ะ​!​”​ ​อาจิน​รีบ​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​รอท่าน​ตั้งแต่​ยาม​บ่าย​เมื่อวาน​ ​ท่าน​อาเจียน​ ฮู​หยิน​ช่วย​ท่าน​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ ​ป้อน​น้ำแกง​สร่าง​เมา​ ​ ​เฝ้า​ท่าน​อยู่​ที่​หน้า​เตียง​กับ​ท่าน​โหว​ ​จนถึง​ตอนนี้​ยัง​ไม่ได้​นอน​เลย​เจ้าค่ะ​…​”

“​ท่าน​พ่อ​ ​ท่าน​แม่​ขอรับ​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​มอง​สือ​อี​เหนียง​และ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ด้วย​สายตา​ที่​ตกตะลึง​ ​เขา​ก้มหน้า​ลง​ช้าๆ​ ​“​ข้า​ ​ข้า​…​”​ ​ด้วย​ท่าที​รู้สึก​ผิด

“​เจ้า​นอน​ก่อน​เถิด​”​ ​น้ำเสียง​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ราวกับ​ละอองฝน​ที่​โปรยปราย​ ​“​มีเรื่อง​อัน​ใด​ประเดี๋ยว​เรา​ค่อย​ว่า​กัน​”​ ​จากนั้น​ก็​จับมือ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ตอนนี้​เขา​ไม่เป็นอะไร​แล้ว​ ​เจ้า​ไม่ต้อง​ห่วง​ ​เรา​ไป​พักผ่อน​กัน​เถิด​!​”​ ​เขา​จับมือ​นาง​แน่น​ ​ราวกับ​จะ​ลาก​นาง​ออก​ไป​ให้​ได้​ ​แต่กลับ​หยุดชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​แล้ว​พูด​อย่าง​ลังเล​ ​“​ฝึกฝน​ศิลปะ​การต่อสู้​ต้อง​ใช้​ความมานะ​ ​ไม่​ฝึก​วันหนึ่ง​ก็​ไม่ได้​ ​ไม่เช่นนั้น​ ​ข้า​คง​ไม่​ให้​เจ้า​นอน​ต่อ​อีก​หนึ่ง​ชั่ว​ยาม​แล้ว​ค่อย​ไป​เรือน​ซิ่ว​มู่​!

เห็นท่า​ที​ของ​จิ​่น​เกอ​ตอนนี้​ ​ให้​เขา​ไป​เรือน​ซิ่ว​มู่​คง​ไม่​เหมาะ​ ​แต่​หาก​ทำให้​การเรียน​ล่าช้า​เพราะว่า​เมา​ ​เช่นนั้น​ก็​ยิ่ง​ไม่เข้าท่า​ ​เมื่อ​เขา​คิด​ว่าการ​ยอมแพ้​นั้น​ง่ายดาย​ ​ต่อไป​หาก​เขา​เจอ​อุปสรรค​ที่​ต้อง​เอาชนะ​ ​เขา​จะ​เลือก​ยอมแพ้​หรือไม่​ ​ดังนั้น​เมื่อ​สวี​ลิ่ง​อี๋​บอกว่า​ให้​จิ​่น​เกอ​นอน​ต่อ​อีก​หนึ่ง​ชั่ว​ยาม​แล้ว​ค่อย​ไป​เรือน​ซิ่ว​มู่​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​เห็นด้วย​กับ​เขา​ ​นาง​ลุกขึ้น​ยืน

จิ​่น​เกอ​หน้าแดง​ก่ำ

เขา​ย้ายออก​มา​อยู่​ลาน​นอก​แล้ว​ ​โต​เป็นผู้ใหญ่​แล้ว​ ​แต่​ยัง​ทำให้​ท่าน​พ่อ​กับ​ท่าน​แม่​เป็นห่วง​ตัวเอง​เช่นนี้​ ​แล้วยัง​คอย​เฝ้า​ตน​ที่​เมา​ทั้งคืน​…

“​ท่าน​พ่อ​ ​ข้า​จะ​ไม่​ทำ​เช่นนี้​อีกแล้ว​ขอรับ​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​อับอาย​ ​เลิก​ผ้าห่ม​ออกกำลัง​จะ​ลุกขึ้น​ ​“​ข้า​จะ​ไป​เรือน​ซิ่ว​มู่​ประเดี๋ยวนี้​”​ ​แต่กลับ​เซ​จน​เกือบ​ล้ม​ลง

“​ตอนนี้​ไม่ใช่​เวลา​จะ​มา​ฝืน​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ประคอง​จิ​่น​เกอ​ได้​ทันเวลา​ ​เขา​ทำ​สีหน้า​ไม่พอใจ​ ​“​เรื่อง​ที่​ควร​ยอมรับผิด​ก็​ต้อง​ยอมรับผิด​ ​เรื่อง​ที่​ควร​แก้ไข​ก็​ต้อง​แก้ไข​ ​นี่​คือ​การ​เป็น​ลูกผู้ชาย​ที่​ดี​”

จิ​่น​เกอ​ยิ่ง​รู้สึก​ผิด​มากกว่า​เดิม​ ​“​ข้า​รู้​แล้ว​ขอรับ​ท่าน​พ่อ​!​”​ ​เขา​ยืน​อกผาย​ไหล่​ผึ่ง

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​แล้ว​ตบ​ไหล่เขา​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​เดิน​ออก​ไป​กับ​สือ​อี​เหนียง

ข้างนอก​ยัง​มืด​อยู่​ ​หลังจาก​มาถึง​โลก​ใบ​นี้​ ​นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​สือ​อี​เหนียง​อดหลับอดนอน​เช่นนี้​ ​เดิน​ออกมา​นาง​ก็​รู้สึก​เวียนหัว​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ประคอง​นาง​ ​“​เป็น​อะไร​หรือไม่​”​ ​เขา​พูด​เบา​ๆ​ ​“​วันนี้​เจ้า​นอน​ที่​เรือน​หน​่​วน​เก๋อ​ห้อง​หนังสือ​ลาน​นอก​เถิด​!​”

ที่นั่น​ใกล้​กับ​เรือน​ของ​จิ​่น​เกอ

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​แล้วไป​เรือน​หน​่​วน​เก๋​อกั​บส​วีลิ​่​งอี​๋​

นาง​เล่า​คำพูด​ที่​จิ​่น​เกอ​พูด​ตอน​เมา​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ฟัง​ ​“​…​ในเมื่อ​เขา​ไม่​ชอบ​ ​ไม่​สู้​ให้​เขา​รีบ​กลับ​ไป​ด่าน​หุบเขาจ​ยา​อวี​้​เถิด​เจ้าค่ะ​!​”

“​หลัง​วันที่​แปด​เดือน​สี่​ค่อย​กลับ​ไป​ดีกว่า​!​”​ ​ไม่​ค่อย​มี​ใคร​มานอ​นที​่​เรือน​หน​่​วน​เก๋อ​ ​ผ้าห่ม​จึง​เต็มไปด้วย​กลิ่น​ไม้​การบูร​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ห่ม​ผ้า​ให้​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ถึง​ตอนนั้น​ค่อย​ไป​จุด​ธูปบูชา​พระโพธิสัตว์​กับ​เขา​ที่​วัด​ ​ขอให้​พระโพธิสัตว์​ปกป้อง​เขา​ ​ให้​เดินทาง​โดยสวัสดิภาพ​”

“​หลัง​วันที่​แปด​เดือน​สี่​ค่อย​ไป​หรือ​เจ้า​คะ​…​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​เบา​ๆ​ ​“​ช้า​เกินไป​หรือไม่​ ​ท่าน​บอกว่า​จะ​ให้​จิ​่น​เกอ​อยู่​ที่​ด่าน​หุบเขาจ​ยา​อวี​้​สอง​ปี​ ​หาก​เป็น​เช่นนี้​ ​เขา​คงได้​อยู่​ที่​ด่าน​หุบเขาจ​ยา​อวี​้​เพียงแค่​หนึ่ง​ปี​ไม่ใช่​หรือ​”

“​เดิมที​ก็​ไม่ได้​อยาก​ให้​เขา​อยู่​ที่​ด่าน​หุบเขาจ​ยา​อวี​้​นาน​อยู่​แล้ว​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​ ​“​หนึ่ง​ปีก​็​หนึ่ง​ปี​เถิด​!​ ​สิ่ง​ที่​สำคัญ​คือ​เขา​จะ​สามารถ​อยู่​ที่​เขต​การทหาร​สาม​ปี​ได้​อย่างราบรื่น​หรือไม่​”

เห็นท่า​ทาง​ที่​เต็มไปด้วย​ความมั่นใจ​ของ​เขา​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​ไม่​ถาม​อะไร​อีก​ ​นาง​ตอบกลับ​เพียง​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​คิด​ว่า​อีก​ประเดี๋ยว​จะ​เกลี้ยกล่อม​จิ​่น​เกอ​ไม่​ให้​ดื่ม​สุรา​อีก​อย่างไร​ ​จากนั้น​ก็​ผล็อย​หลับ​ไป​

*****

หลังจาก​ตื่นขึ้น​มา​ ​สือ​อี​เหนียง​ไปหา​จิ​่น​เกอ​ก่อน​ ​เขา​ยัง​ไม่​กลับมา​จาก​เรือน​ซิ่ว​มู่​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​กลับ​ไป​ทานอาหาร​เช้า​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​เรือน​หน​่​วน​เก๋อ​ ​จากนั้น​ก็​ไป​คารวะ​ไท่ฮู​หยิน​ด้วยกัน​

“​เหตุใด​จิ​่น​เกอ​ถึง​ไม่​มากับ​พวก​เจ้า​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​มอง​มาที​่​พวกเขา​สอง​คน​ด้วย​สีหน้า​ที่​ผิดหวัง

“​จิ​่น​เกอ​ต้อง​ไป​ฝึก​มวย​ทุก​เช้า​”​ ฮู​หยิน​สอง​พูด​ด้วย​ยิ้ม​ ​“​ไม่ได้​ฝึก​เสร็จ​เร็ว​ขนาด​นี้​!​”

“​ใช่​สิ​ ​ข้า​ลืม​ไป​เลย​!​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​ยิ้ม​อย่าง​มีความสุข

จิ​่น​เกอ​มา​แล้ว

สีหน้า​ของ​เขา​ซีด​ขาว​ ​ไท่ฮู​หยิน​สายตา​ไม่​ค่อย​ดี​ ​นาง​รู้สึก​เพียง​ว่า​จิ​่น​เกอ​พูดจา​มี​เรี่ยวแรง​ ​นาง​ยิ้ม​แล้ว​ตบมือ​จิ​่น​เกอ​เบา​ๆ​ ​แต่ฮู​หยิน​สอง​กลับ​เหลือบมอง​จิ​่น​เกอ​อยู่​หลายครั้ง

หลังจาก​ออกมา​จาก​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ถาม​จิ​่น​เกอ​ ​“​ดีขึ้น​แล้ว​หรือยัง​”

“​ดีขึ้น​แล้ว​ขอรับ​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​ฉีก​ยิ้ม​อย่าง​เหยเก

“​เจ้า​อย่า​ดูถูก​อาการ​เมาค้าง​ ​บางครั้ง​ต้อง​ใช้เวลา​ตั้ง​สอง​สาม​วัน​กว่า​จะ​กลับมา​เป็นปกติ​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​อย่าง​อ่อนโยน​ ​“​กลับ​ไป​นอน​เอาแรง​ต่อ​เถิด​!​”

จิ​่น​เกอ​ยิ้ม​แล้ว​ขานรับ​ ​“​ขอรับ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​พูดถึง​เรื่อง​วัยเด็ก​ของ​ตัวเอง​กับ​เขา​ ​“​…​เด็ก​กว่า​เจ้า​ตั้ง​สอง​ปี​ ​สุรา​ที่​ท่าน​ลุง​โจว​ของ​เจ้า​ขโมย​มาจาก​จวน​ ​ข้า​ ​ท่าน​ลุง​โจว​ของ​เจ้า​แล้วยัง​มี​ซุ่น​อ๋อง​ ​แอบ​ดื่ม​อยู่​ที่​เรือน​หน​่​วน​ฝัง​จวน​เรา​ ​สุดท้าย​กลับ​ทำ​กระถาง​ต้น​ว่าน​สิบ​แสน​ที่​ท่าน​ปู่​ของ​เจ้า​เลี้ยง​ไว้​แตก​…​”

ในขณะที่​เขา​กำลัง​พูด​ก็​มีบ​่า​วรับ​ใช้​ถือ​เทียบ​เชิญ​สีแดง​วิ่ง​เข้ามา

“​ท่าน​โหว​ ฮู​หยิน​ ​คุณชาย​น้อย​หก​ขอรับ​”​ ​เขา​ยื่น​เทียบ​เชิญ​ให้​จิ​่น​เกอ​ด้วย​ความเคารพ​ ​“​นี่​คือ​เทียบ​เชิญ​จาก​รอง​ผู้บัญชาการ​หลิน​แห่ง​ค่าย​ใหญ่​ซี​ซาน​ขอรับ​”

จิ​่น​เกอ​อ่าน​เทียบ​เชิญ​ ​จากนั้น​ก็​อธิบาย​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​สือ​อี​เหนียง​ฟัง​ ​“​เขา​ตั้ง​เรือ​บน​แม่น้ำ​ซีย​่​วน​อวิ​้น​เหอ​ ​เชิญ​ข้า​ไป​ดื่ม​สุรา​เย็น​นี้​”​ ​จากนั้น​ก็​พูด​กับ​บ่าว​รับใช้​ ​“​เจ้า​นำ​เทียบ​เชิญ​ไป​ให้​ฉั​งอาน​ ​ให้​ฉั​งอาน​ไปรา​ยงา​นค​นที​่​มาส​่ง​เทียบ​เชิญ​ ​บอกว่า​ข้า​เมาค้าง​ ​รอ​ให้​ข้า​สร่าง​ก่อน​แล้ว​จะ​ตัดสินใจ​ว่า​จะ​ไป​หรือไม่​ไป​”​ ​พูด​จบ​ก็​ไม่ได้​ยื่น​เทียบ​เชิญ​ให้​บ่าว​รับใช้​คน​นั้น​ทันที​ ​แต่กลับ​มอง​ไป​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​สือ​อี​เหนียง​ ​ราวกับ​ถาม​พวกเขา​ว่า​ทำ​เช่นนี้​ดี​หรือไม่​

สวี​ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​ทำ​สีหน้า​พอใจ

จิ​่น​เกอ​จึง​ยื่น​เทียบ​เชิญ​ให้​บ่าว​รับใช้​คน​นั้น​

สวี​ลิ่ง​อี๋​เตือน​จิ​่น​เกอ​ ​“​เมื่อ​พวกเขา​กำลัง​เมา​ ​ให้​ฉั​งอา​นนำ​ของขวัญ​ชิ้น​ใหญ่​ไป​ให้​เขา​ ​ถือว่า​เป็น​ของขวัญ​ให้​หลินจ​วิ​้น​”

จิ​่น​เกอ​ขานรับ​ ​“​ขอรับ​”​ ​อย่าง​เชื่อฟัง

เติงฮ​วารีบ​เดิน​เข้ามา​ ​“​ท่าน​โหว​ ​ขันที​ใน​พระราชวัง​มา​ขอรับ​ ​บอกว่า​มาตาม​พระราชดำรัส​ของ​ฝ่า​บาท​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ออก​ไป​ลาน​นอก

เมื่อ​กลับมา​ทานอาหาร​เที่ยง​ ​เขา​ก็​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ฝ่า​บาท​ให้​ข้า​เข้าไป​ใน​วัง​ยาม​ซื่อ​พรุ่งนี้​”

“​มีเรื่อง​อัน​ใด​หรือ​เจ้า​คะ​”

“​ข้า​ไม่ได้​ถาม​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ต่อ​อีกว่า​ ​“​ยาม​ซื่อ​คือ​เวลา​ใกล้​จะ​เสร็จสิ้น​การ​ว่าราชการ​ ​คิด​ว่า​คงมี​เรื่อง​อยาก​จะ​ถาม​ข้า​เป็นการ​ส่วนตัว​ ​หาก​ข้า​ถาม​ขันที​คน​นั้น​ ​พวกเขา​ก็​คง​ไม่รู้​”​ ​จากนั้น​เขา​ก็​พูดว่า​ ​“​เจ้า​หยิบ​ชุด​เครื่องแบบ​ขุนนาง​ราชสำนัก​ออกมา​ให้​ข้า​เถิด​!​”

สือ​อี​เหนียง​ขานรับ​ก่อน​จะ​รีด​ชุด​เครื่องแบบ​ขุนนาง​ราชสำนัก​ด้วยตัวเอง​ ​วัน​ต่อมา​ก็​ไป​ส่ง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ออก​ไป​ก่อน​ล่วงหน้า​หนึ่ง​ชั่ว​ยาม​

*****

สวี​ลิ่ง​อี๋​เคย​เข้าไป​ใน​ห้อง​ทรงพระ​อักษร​ของ​ฮ่องเต้​หลายครั้ง​แล้ว​ ​ขันที​ที่​รับใช้​ใน​พระตำหนัก​เฉียน​ชิง​ล้วนแต่​รู้จัก​เขา​ ​พวกเขา​พูดคุย​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​รอ​ฮ่องเต้​ออกมา​จาก​ราชสำนัก

ผ่าน​ไป​ครู่หนึ่ง​ก็​มี​ขันที​วิ่ง​เข้ามา​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พึ่ง​จะ​ยืน​อยู่​หน้า​ประตู​ ​เสลี่ยง​ของ​ฮ่องเต้​ก็​มาถึง​พอดี​

“​อิง​หวามา​แล้ว​หรือ​!​”​ ​ฮ่องเต้​เรียกชื่อ​ทางการ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​อย่างสนิทสนม​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​ตรัส​กับ​เฮ่อ​กง​กง​ ​“​จัด​ที่นั่ง​ให้​พวกเขา​สอง​คน​”

จากนั้น​สวี​ลิ่ง​อี๋​ถึง​ได้​เห็น​ว่า​ใน​บรรดา​ขันที​ที่​ล้อมรอบ​ฮ่องเต้​ ​มี​ขุนนาง​ที่​ยืน​ก้มหน้า​ ​สวม​ชุด​เครื่องแบบ​ขุนนาง​สีแดง​ปัก​ลาย​นกยูง​ยืน​อยู่​คน​หนึ่ง

รูปร่าง​สูง​ปานกลาง​ ​หน้าตา​ผุดผ่อง​ ​ดูรา​วกับ​ชาย​มีอายุ​แต่​แววตา​คู่​นั้น​กลับ​ดู​เฉียบแหลม​ ​แค่​มอง​ก็​รู้​ว่า​ไม่ใช่​คน​ทั่วไป

แต่​เขา​ไม่รู้​จัก​…

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​แล้ว​พยักหน้า​ให้​เขา​อย่างใจ​กว้าง

ชาย​คน​นั้น​ก็​ยิ้ม​แล้ว​พยักหน้า​ด้วย​ท่าที​ที่​เป็นมิตร​

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​อย่าง​แผ่วเบา​ ​จากนั้น​ก็​เดิน​เข้าไป​ใน​ห้อง​ทรงพระ​อักษร

ชาย​คน​นั้น​มอง​แผ่น​หลัง​ของ​เขา​ด้วย​ท่าทาง​ครุ่นคิด​ ​จากนั้น​ก็​เดินตาม​เข้าไป

พวกเขา​สอง​คน​เอ่ย​ขอบ​พระทัย​ฮ่องเต้​ด้วย​ความเคารพ​ ​จากนั้น​ก็​นั่งลง​บน​เก้าอี้​ไท่​ซือ​ข้างๆ​

แต่​ฮ่องเต้​กลับ​ถอด​รองเท้า​ ​แล้ว​นั่งลง​บน​เตียง​เตา​ข้างหน้า​ต่าง​ตามอำเภอใจ​ ​บอก​ให้​ขันที​ยก​ชา​ปี้​หลัว​ชุน​มา​ให้​พวกเขา​ ​“​ฤดูใบไม้ผลิ​แล้ว​ ​ดื่ม​ชาเขียว​คลาย​ร้อน​กัน​เถิด​”​ ​จากนั้น​ก็​ชี้​ไป​ที่​คนที​่​อยู่​ข้าง​สวี​ลิ่ง​อี๋​แล้ว​ตรัส​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ว่า​ ​“​นี่​คือ​เฉินปั​๋​วจือ​ ​ผู้ว่าการ​กรม​ขนส่ง​เสบียงอาหาร​ ​เจ้า​เจอ​เขา​ครั้งแรก​ใช่​หรือไม่​ ​เมื่อก่อน​เขา​รับ​ตำแหน่ง​นายอำเภอ​ที่​ฉุน​อาน​ ​ตอนนั้น​น้ำท่วม​ฉุน​อาน​ ​เฉิน​เก๋อ​เหล่า​เป็น​คนแนะนำ​เขา​ ​ต่อมา​ก็​ช่วย​เรา​ขยาย​ช่อง​แม่น้ำ​ ​เป็น​ขุนนาง​คนสำคัญ​ของ​เรา​…​”

เฉินปั​๋​วจื​อลุก​ขึ้น​ยืน​ด้วย​สีหน้า​ถ่อมตัว​ ​คุกเข่า​ลง​กับ​พื้น​แล้ว​พูด​ซ้ำๆ​ ​ว่า​ ​“​ไม่กล้า​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​เอง​ก็​ลุกขึ้น​ยืน​ ​“​ยินดี​กับ​ฝ่า​บาท​ที่​ได้​ขุนนาง​ที่​มี​ความสามารถ​”​ ​เขา​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​กระหม่อม​เคย​ได้ยิน​ชื่อเสียง​ของ​ใต้เท้า​เฉิน​มานาน​แล้วแต่​แค่​ไม่เคย​มีโอกาส​พบกัน​ ​วันนี้​ได้​พบ​หน้า​ ​สม​คำ​ร่ำ​ลือ​จริงๆ​ ​เป็น​คน​มี​ความสามารถ​จริงๆ​ ​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

“​ไม่กล้า​รับคำ​ชม​ของ​หย่ง​ผิง​โหว​”​ ​เฉินปั​๋​วจื​อรีบ​พูด​ ​“​ข้า​ก็​แค่​ทำตาม​หน้าที่​ของ​ข้า​ให้​ดีที​่​สุด​…​”

เขา​ยัง​พูด​ไม่​จบ​ ​ฮ่องเต้​ก็​ตรัส​แทรก​ขึ้น​มา​ ​“​ในเมื่อ​เจ้า​รู้​ ​แล้ว​เหตุใด​ยัง​ปล่อย​ให้​บุตรชาย​ของ​เจ้า​ทำร้าย​บุตรชาย​ของ​เฉินปั​๋​วจือ​”​ ​พูด​จบ​ ​เขา​ก็​ชี้​ไป​ที่​ฎีกา​บน​โต๊ะ​ด้วย​สีหน้า​ที่​มืดมน​ ​“​นำมา​ให้​หย่ง​ผิง​โหวดู​”

ฮ่องเต้​พิโรธ​ ​ใคร​ต่าง​ก็​หวาดกลัว

สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​เฉินปั​๋​วจื​อก​้​มห​น้า​ลง

ขันที​นำ​ฎีกา​มา​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ด้วย​ท่าที​สั่นเทา

สวี​ลิ่ง​อี๋​เอ่ย​ขอรับ​โทษ​ ​จากนั้น​ก็​ยืน​อ่าน​ฎีกา​ตรงนั้น​ด้วย​ท่าทาง​ตื่นตระหนก

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท