บทที่ 684 ผลงานของคุณชายย่อมไม่ธรรมดา!
หมายความว่าอย่างไร?
จ้าวแห่งความพิศวงทำหน้าฉงน ไม่เข้าใจความหมายในวาจาของต้นหลิว
ทว่ามันก็ได้เข้าใจในเวลาต่อมา
ก้านหลิวเปล่งแสงมาอยู่ข้างกายของมันในชั่วพริบตา พร้อมหวดก้านกระแทกมัน
มันรู้สึกได้ทันทีว่า มีกฎระเบียบบางอย่างแทรกซึมเข้าสู่ร่างของมัน จนพลังส่วนใหญ่ในตัวถูกสะกดไว้
จากนั้นก้านหลิวก็เหินออกห่าง พลังที่พันธนาการมันไว้หายลับไป มันกลับมาเคลื่อนไหวตัวได้อีกครั้ง ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมอีก
“ไปเถิด ฆ่าพวกมันให้เกลี้ยง แล้วเจ้าจะได้ไปจากที่แห่งนี้แบบเป็น ๆ”
ต้นหลิวเอ่ยเสียงเบา “วางใจได้ ข้าไม่ลงมือช่วยเหลือแต่อย่างใด และจะรักษาคำพูดให้”
จ้าวแห่งความพิศวงมิได้โง่ หลังจากได้ยินคำกล่าวของต้นหลิว ก็ถึงคราวกระจ่างแจ้งในบัดดล
ต้นหลิวคิดจะใช้เขาขัดเกลาเหล่าของวิเศษ!
ในใจพลันรู้สึกอัปยศอย่างถึงที่สุด มันเป็นตัวตนระดับไหน เป็นถึงจ้าวแห่งความพิศวงที่ก้าวกระโดดออกจากจักรวาลโกลาหลมาได้ กลับถูกใช้เป็นเครื่องมือขัดเกลา…เครื่องใช้ชีวิตประจำวัน!
มันรู้สึกแย่มากจริง ๆ อีกทั้งยังรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ทว่ามันไม่มีสิทธิ์เลือกอันใด ได้แต่ทำตามที่สั่ง
ต้นหลิวสะกดจ้าวแห่งความพิศวงไว้กลางอากาศได้ในวาจาเดียว หวดคราเดียวก็ผนึกพลังในตัวมันไว้ได้ นี่มิใช่ผู้ที่มันสามารถต่อกรไหว ห่างชั้นกันเกินไป!
อีกฝ่ายมีความเป็นมาอย่างไรกัน?!
มันคิดในใจอย่างอดมิได้ รู้สึกอยู่เสมอว่าต้นหลิวดูมิใช่สิ่งมีชีวิตที่ถือกำเนิดในจักรวาลโกลาหลแห่งนี้
พลังโกลาหลในจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ต่ำต้อยเกินไป สิ่งมีชีวิตที่ถือกำเนิดจากพลังโกลาหลต่ำต้อยเช่นนี้ ย่อมมีศักยภาพจำกัด
ต้นหลิวกลับแข็งแกร่งน่าพรั่นพรึงถึงเพียงนี้ เทียบกับสิ่งมีชีวิตจากจักรวาลโกลาหลระดับสูงกว่าแล้วก็ยังแกร่งกล้าน่ากลัวยิ่งกว่า มันสงสัยจริง ๆ ว่าต้นหลิวเป็นสิ่งมีชีวิตภายนอก มิใช่สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นในจักรวาลโกลาหลแห่งนี้
เดี๋ยวก่อน…!
สิ่งมีชีวิตภายนอกมิใช่สิ่งมีชีวิตดั้งเดิมในอาณาจักรแห่งนี้รึ!?
มันนึกถึงผู้ที่บดขยี้ต้นบรรพจารย์เสวี่ยเทียนจนแหลกลาญขึ้นมาในบัดดล!
เป้าหมายที่มันต้องการสืบเสาะ!
พวกมันคิดว่า ท่านผู้นั้นก็มิใช่สิ่งมีชีวิตดั้งเดิมในจักรวาลโกลาหลแห่งนี้เช่นกัน น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตจากภายนอก!
ต้นหลิวก็เป็นสิ่งมีชีวิตจากภายนอก…
อีกทั้งต้นหลิวยังแข็งแกร่งจนเหลือเชื่อ!
มันรู้สึกว่าต้นหลิวน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับท่านผู้นั้น!
‘มิน่า ข้าถึงมาถึงที่นี่ได้อย่างราบรื่น ที่แท้ต้นหลิวมันก็รอข้าอยู่แล้ว!’
จ้าวแห่งความพิศวงตรึกตรองดู ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าต้นหลิวมีความเกี่ยวข้องกับคนผู้นั้น ที่คนผู้นั้นมิได้ลงมือจัดการมัน คงเพียงเพราะต้นหลิวรออยู่ที่นี่
‘อ๊ากกก เดิมคิดว่าท่านผู้นั้นมิได้สนใจจักรวาลโกลาหลผืนนี้มาก บัดนี้ดูแล้วมิใช่เลย! ท่านผู้นั้นดูเหมือนจะใส่ใจจักรวาลโกลาหลผืนนี้เป็นพิเศษ!’
มันร่ำร้องคำรามในใจ ทีแรกคิดว่านี่เป็นโอกาสอันดี ที่ไหนได้ หาใช่เช่นนั้นไม่ นี่คือเส้นทางที่ลิขิตไว้แล้วว่านำไปสู่ความตาย!
“พี่หลิว ท่านหมายความว่า?”
“พวกเราต้องสู้กับมันต่อหรือ”
เหล่าของวิเศษหันมองต้นหลิว ถามอย่างไม่เข้าใจ
“อืม”
ต้นหลิวกล่าว “พลังของพวกเจ้านั้นไร้ขอบเขต เพียงแต่ยังไม่ถูกกระตุ้นออกมาเท่านั้น ก่อนนี้พวกเจ้าอาศัยอยู่แต่ในลาน ไม่รู้ว่าพลังในตัวนั้นแข็งแกร่งปานใด วันนี้ข้าจะกระตุ้นพลังพวกเจ้าออกมาให้หมด!”
มันเหลือบมองจ้าวแห่งความพิศวง ก่อนจะกล่าวต่อ “แน่นอนว่า กระตุ้นพลังทั้งหมดของพวกเจ้าออกมามิได้หรอก มันกระจอกเกินไป”
การต่อสู้ชี้ชะตาความเป็นความตายเท่านั้นที่กระตุ้นพลังแฝงออกมาได้ง่าย เหล่าของวิเศษก่อนหน้านี้คือตัวอย่างที่ดีที่สุด
และที่มันไม่ยอมปรากฏตัวออกมาเสียทีก็เพราะเหตุผลนี้
มันต้องการกระตุ้นพลังที่แข็งแกร่งกว่านี้ของเหล่าของวิเศษออกมา
เรื่องบ้าอะไรกัน!?
พอจ้าวแห่งความพิศวงได้ยินถ้อยคำของต้นหลิว ก็โมโหจนใบหน้าบิดเบี้ยว ต้นหลิวจะบอกว่าตัวมัน…เทียบชั้นเครื่องใช้ประจำวันจำพวกนี้มิได้หรือ?
บัดซบ!
หยามเกียรติมันมากเกินไปแล้ว!
“เริ่มเลย จำไว้ว่าข้าจะไม่ลงมือช่วยพวกเจ้า”
ต้นหลิวบอกกับเหล่าของวิเศษ
“เข้าใจแล้ว!”
“ได้เลยพี่หลิว!”
เหล่าของวิเศษรู้ดีว่าต้นหลิวไม่มีทางทำร้ายพวกมัน และพวกมันล้วนต้องการแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ การต่อสู้ก่อนหน้านี้ระคายใจเกินไป พวกมันสู้ไม่ชนะจ้าวหลานผู้นั้นด้วยซ้ำ แล้วยังเกือบมีอันเป็นไปอีก พวกมันทำให้คุณชายขายหน้าเกินไปแล้ว
พวกมันเป็นผลงานของคุณชาย เปรียบเสมือนศักดิ์ศรีของคุณชายในระดับหนึ่ง พวกมันควรจะแข็งแกร่งกว่านี้จริง ๆ มิฉะนั้น ภายหน้าคงทำให้คุณชายขายหน้ากว่านี้แน่
หลังจากนั้นพวกมันก็กรูกันเข้าไป จู่โจมใส่จ้าวแห่งความพิศวง
“ฆ่า!”
จ้าวแห่งความพิศวงกลั้นน้ำโหอยู่เต็มอก เมื่อเห็นเหล่าของวิเศษบุกมาหามัน มันก็เข้าห้ำหั่นเต็มกำลัง
อนิจจา…พลังของมันที่ถูกสะกดนั้นมหาศาลเกินไป มิฉะนั้น มันกระดิกนิ้วไม่กี่ทีก็กำราบเหล่าของวิเศษได้แล้ว!
และนี่ก็เป็นความตั้งใจของต้นหลิว
หากพลังของจ้าวแห่งความพิศวงรุนแรงเกินไป เหล่าของวิเศษคงไม่ทันได้สู้ เพราะอย่างนั้น ต้นหลิวจึงจงใจสะกดพลังของจ้าวแห่งความพิศวงจนถึงระดับที่เหล่าของวิเศษรับมือไหว เช่นนี้เหล่าของวิเศษจึงจะสู้ได้ และกระตุ้นพลังแฝงออกมา
การต่อสู้เปิดฉาก จ้าวแห่งความพิศวงดุดันอย่างแท้จริง เหล่าของวิเศษถูกข่มจนสะบักสะบอม
“เท่านี้เองหรือ?!”
จ้าวแห่งความพิศวงยิ้มเย็น สำแดงวิชาพิฆาต บัดนี้มันไม่คิดมากอีกต่อไป ฆ่าได้สักตัวก็คุ้มสำหรับมันแล้ว!
มันเผยวิชาลับบางอย่าง พลังพิศวงซัดสาด ม่านหมอกประหลาดบางอย่างกระจายออกไป ปกคลุมเหล่าของวิเศษไว้ทั้งหมด
ชั่วพริบตานั้น เหล่าของวิเศษยิ่งเสียเปรียบมากขึ้น ไม่ว่าถังขยะจะส่งกลิ่นเหม็นเน่าเท่าไหร่ก็มิไหว ล้วนถูกม่านหมอกประหลาดนี้ระงับเอาไว้!
พลังแต่ละด้านของพวกมันก็ถูกกำราบ ท่ามกลางม่านหมอกพิเศษเช่นนี้ พวกมันเสมือนว่าตาบอด มองไม่เห็นสิ่งใด ประสาทสัมผัสวิญญาณถูกปิดกั้นทั้งหมด!
จ้าวแห่งความพิศวงกระโจนเข้าไปในม่านหมอกพิเศษนั้น หลอมดาบยาวสีดำเล่มหนึ่งขึ้นด้วยพลังพิศวง ภายในม่านหมอกพิเศษนี้ มันคือผู้ชี้ชะตา ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับผลกระทบอันใด กลับมีพลังเพิ่มพูนขึ้นอีกด้วย!
มันเป็นเหมือนวิญญาณที่จับตัวมิได้ ในสถานการณ์ที่ประสาทสัมผัสญาณของเหล่าของวิเศษถูกปิดกั้นทั้งหมด จะไม่อาจจับร่องรอยมันได้
มันลงมืออย่างโหดเหี้ยม ตวัดดาบคราเดียวฟันผ้าเช็ดโต๊ะผืนหนึ่งออกเป็นริ้ว ๆ แล้วเตะออกไปจนแผ่นหินเขียวปูพื้นแหลกลาญ เศษหินปลิวว่อน
“พี่หลิว จะไม่เป็นไรแน่หรือ!?”
มัจฉาสัตมายามาอยู่ข้างกายต้นหลิวถามอย่างกังวล
“ไม่เป็นไร”
ต้นหลิวตอบเสียงเบา “เหล่าของวิเศษเป็นผลงานคุณชาย ไหนเลยจะเกิดเรื่องได้ เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ต่อให้เป็นข้า หากคิดกำจัดเหล่าของวิเศษให้สิ้นซากจริง ๆ ก็ไม่มีทางทำได้”
วาจาของมันผ่านกรรมวิธีบางอย่าง จึงมีเพียงมัจฉาสัตมายาเท่านั้นที่ได้ยิน
หากเหล่าของวิเศษได้ยินด้วย มันเกรงว่าการขัดเกลาจะไม่ได้ผล
ผลงานคุณชาย ผู้ใดจะกำจัดได้?
ขนาดมันก็ยังทำไม่ได้
“ก็จริง!”
หลังจากได้ยินคำกล่าวของต้นหลิว มัจฉาสัตมายาก็สบายใจได้เสียที มันไม่กังวลอีกต่อไป
คิดแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง นี่คือสิ่งที่คุณชายใช้เป็นประจำ ไยจะถูกกำจัดได้ง่าย ๆ
เป็นไปไม่ได้!
‘แปลกจริง เหตุใดถึงไม่เห็นชางเหยา’
หลังจากหายกังวลในเรื่องเหล่าของวิเศษ มัจฉาสัตมายาก็นึกถึงชางเหยาขึ้นมา
ตามหลักแล้วไม่ควรเป็นเช่นนี้สิ
เขามาปรากฏตัวตั้งนานแล้ว ด้วยนิสัยของชางเหยา คงมาหาแล้วถึงจะถูก
ทว่าจวบจนบัดนี้ เขาก็ยังไม่เห็นเงาของชางเหยา
‘ยอมแพ้แล้วหรือ’
เขาคิดในใจ ‘ยอมแพ้แล้วก็ดี! ข้าจะได้อยู่อย่างสงบเสียที’
ชางเหยาเจอเขาทีไรเป็นต้องตัวติดกับเขาอยู่ตลอด น่าปวดหัวเป็นที่สุด เขาคิดอยู่ตลอดว่าถ้าชางเหยาเลิกทำตัวติดเขาแจเสียทีก็คงดี
ทว่าบัดนี้ ชางเหยาเลิกติดเขาแล้วจริง ๆ เขากลับรู้สึกโหวงเหวงและไม่สบายใจอย่างมาก
‘คงมิใช่ว่าข้ามีใจให้นางกระมัง!’
หัวใจของมัจฉาสัตมายากระตุกวูบ นึกในใจว่าคงมิใช่ว่าเขาชอบชางเหยาเข้าแล้วกระมัง?
‘เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้! ข้าไฉนเลยจะชอบนาง ข้าอยากให้นางอยู่ห่างจากเขาแทบแย่!’
เขารีบสลัดความคิดนั้นทิ้ง อนิจจา แม้เขาจะพูดเช่นนั้น ในใจก็ยังผิดหวังมากอยู่ดี ผิดหวังเพราะไม่ได้พบชางเหยา
‘ข้าฝักใฝ่ในวิถีแห่งเต๋า จะไขว้เขวเพราะความรักฉันหนุ่มสาวเช่นนี้ได้อย่างไร ไม่ได้ ๆ! รีบหยุดความคิดฟุ้งซ่านของเจ้าเสียที!’
ยิ่งเขาอยากสลัดความคิดนั้นทิ้ง กลับยิ่งคิดถึงชางเหยา อยากให้ชางเหยาปรากฏตัวต่อหน้าเขา เรียกเขาว่า ‘ท่านพี่ชวน’
หัวใจของเขาว้าวุ่นเหลือแสน
อีกด้าน การต่อสู้ของเหล่าของวิเศษเริ่มเปลี่ยนไป
เดิมทีเหล่าของวิเศษมีพลังไร้ขีดจำกัดอยู่แล้ว เพียงแต่เหล่าของวิเศษยังสำแดงได้ไม่เต็มที่เท่านั้น ภายใต้แรงกดดันถึงนาทีชีวิตจากจ้าวแห่งความพิศวง พลังแฝงของเหล่าของวิเศษถูกรีดเร้นออกมา เผยพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น!
ผ้าเช็ดโต๊ะที่ถูกตัดเป็นริ้วเปล่งแสงพร้อมกับสมานกลับมาเป็นผืนเดียว พุ่งไปหาจ้าวแห่งความพิศวง นี่หาใช่ผ้าเช็ดโต๊ะแต่อย่างใด เสมือนมีดคมไร้เทียมทานเสียมากกว่า จ้าวแห่งความพิศวงชูดาบใหญ่ตั้งรับ ผ้าเช็ดโต๊ะตัดดาบสะบั้นในบัดดล ซ้ำยังผ่าร่างจ้าวแห่งความพิศวงเป็นสองส่วน!
แผ่นหินเขียวปูพื้นก็หลอมรวมเข้าด้วยกันใหม่ ถล่มใส่จ้าวแห่งความพิศวง ด้วยความรุนแรงราวกับทั้งจักรวาลโกลาหลได้ถาโถมเข้าหาจ้าวแห่งความพิศวงอย่างไรอย่างนั้น จ้าวแห่งความพิศวงถูกกดทับจนแหลกละเอียด สภาพน่าสังเวชจนแทบทนดูมิได้
“ไอ้เวรตะไลนี่ รังแกน้องถ้วยหรือ ข้าจะเล่นงานเจ้าให้ตายเลย!”
จอบเซียนปะทุพลัง กดจ้าวแห่งความพิศวงไว้ที่พื้นแล้วกระหน่ำทุบ จ้าวแห่งความพิศวงกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
ของวิเศษชิ้นอื่นปะทุพลังออกมาเช่นเดียวกัน จ้าวแห่งความพิศวงอนาถจนถึงที่สุด!
“แน่จริงก็คลายผนึกพลังของข้าสิ!”
จ้าวแห่งความพิศวงคำรามด้วยความกราดเกรี้ยว โมโหจนอกจะระเบิด
มันเป็นตัวตนระดับใดกัน กลับถูกเครื่องใช้ประจำวันของปุถุชนเล่นงานจนอยู่ในสภาพเช่นนี้ ขายหน้าเกินไปแล้ว!
“ตามที่เจ้าปรารถนา”
ต้นหลิวปริปาก ส่งลำแสงออกไปคลายผนึกพลังบางส่วนของจ้าวแห่งความพิศวง
พลังปราณของจ้าวแห่งความพิศวงทวีคูณในพริบตา ข่มเหล่าของวิเศษลงได้อีกครั้ง คิดกำจัดเหล่าของวิเศษให้ได้เร็วที่สุดอย่างโหดเหี้ยม
อนิจจา เหล่าของวิเศษมิได้ธรรมดาอย่างที่มันคิด
เมื่อเหล่าของวิเศษถูกบีบคั้นจนพบเจอวิกฤตอีกครั้ง เหล่าของวิเศษสามารถรีดเร้นพลังแฝงออกมาได้ ก็ปะทุพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น จับจ้าวแห่งความพิศวงห้อยตัวแล้วกระหน่ำทุบ
ด้วยเหตุนี้ หลังจากปลดผนึกครั้งแล้วครั้งเล่า พลังที่เหล่าของวิเศษระเบิดออกมาก็ยกระดับขึ้นไม่หยุด
ท้ายที่สุด จ้าวแห่งความพิศวงก็ไม่เหลือผนึกในตัวอีกต่อไป แต่ไม่ว่าจะปะทุพลังออกมารุนแรงปานใดก็ไม่ไหว ไม่อาจกำราบเหล่าของวิเศษลงได้ ต้องถูกเหล่าของวิเศษสังหาร
ก่อนตาย อย่าให้เอ่ยเลยว่าจ้าวแห่งความพิศวงอดสูเพียงใด
มันคิดไม่ถึงเลยว่า จะตายด้วยน้ำมือพวกเครื่องใช้ประจำวัน!
นี่นับเป็นการตายที่อนาถาที่สุด!
จ้าวหลานก็ถูกเหล่าของวิเศษฆ่าไปด้วย
“ไปเถิด กลับกันได้แล้ว”
ต้นหลิวบอกเบา ๆ “คราวหน้าหากมีโอกาสแบบนี้อีก เราค่อยลุยกันต่อ”
“ได้เลย!”
“ได้สิ!”
เหล่าของวิเศษตอบเสียงตื่นเต้นดีใจ
“ยังไม่มาอีกหรือ”
มัจฉาสัตมายาหันมองไปทางที่ตั้งของจักรวรรดิชางเยว่ หวังว่าชางเหยาจะมาหาเขา
แต่น่าเสียดาย ที่นั่นมิได้มีร่างของผู้ใดเหินเข้ามา
ชางเหยายังไม่ปรากฏตัว!
‘นางจะยอมแพ้ง่าย ๆ ได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้! ต้องกำลังเล่นลูกไม้จงใจปล่อยให้โหยหาแน่นอน หวังให้ข้าเป็นฝ่ายไปหานางเองรึ! ข้าไม่ติดกับหรอก!’
มัจฉาสัตมายาคิดในใจ