หลี่เสียนอีย้อนความจำถึงเหตุการณ์ในปีนั้น “แปดชั่วโมงก่อนที่พวกนายจะมามีคนมาที่มูลนิธิและบอกว่าคนจากดินแดนในประเทศจะบุกโลก ในตอนนั้นพวกเรายังไม่ค่อยเชื่อ แต่ต่อมาได้รู้ว่าเพราะอะไรอยู่ๆ ต่างก็เชื่อกัน จนตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายใช้วิธีพูดอะไรถึงกล่อมให้พวกเราเชื่อได้ ฉันเคยคิดว่ามันเป็นการสะกดจิตอย่างหนึ่ง อีกฝ่ายมีพลังที่ทำให้พวกเราหลงกลโดยไม่รู้ตัว”
“พลังการสร้างฝันของเจ๋อเมิ่งสูงจนเชี่ยวชาญมาก ผู้ที่ตกอยู่ในความฝันไม่มีทางรู้ว่าตอนเองอยู่ในโลกแห่งความจริงหรือโลกแห่งความฝัน อาจไม่รู้แม้กระทั่งว่าเข้าไปและออกจากความฝันตั้งแต่เมื่อไหร่” อวิ๋นอี่พูดอธิบาย “แล้วนายเคยคิดไหมว่าบางทีเพื่อนอีกเจ็ดคนของนายที่จริงไม่ได้เกิดอุบัติเหตุหรือยังไม่ได้ป่วยตาย ถ้าตอนนั้นเจ๋อเมิ่งยังไม่ตาย ฉันกล้ายืนยันว่าทุกสิ่งเกิดจากพลังของเขา เขาไม่ได้ฆ่านายเป็นเพราะยังฆ่านายไม่ได้เท่านั้น”
หลี่เสียนอีนิ่งไปครู่หนึ่ง สหายที่ตายไปในปีนั้นล้วนมีพลังระดับ D บางคนระดับ E ยกเว้นเขาคนเดียวที่อยู่ระดับ B ที่จริงผู้บำเพ็ญจะตายง่ายๆ ขนาดนั้นได้อย่างไรแต่เพราะคิดว่าทุกคนสูญเสียรากฐานพลังเหมือนกับเขาตอนนั้นจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
มีบางครั้งก็คิดสงสัยว่าเป็นฝีมือปรมาจารย์หุ่นเชิดหรือเปล่า แต่ก็ไม่เคยคิดว่าในบรรดาปรมาจารย์หุ่นเชิดเองมีปัญหาอะไร
พยัคฆ์จื๋อพูดกับอวิ๋นอี่ “ตอนนี้พอจะยืนยันได้ก็คือเจ๋อเมิ่งยังไม่ตาย ดูท่าปีที่แล้วพวกเราจะเข้าใจไปผิดทาง เธอยังจำได้ไหมที่ราชาองค์เก่าเคยยึดพลังปรมาจารย์หุ่นเชิดที่เคยหักหลังเขากลับคืนมา”
หลี่ว์ซู่เสียนอีไม่เข้าใจคำพูดพวกนี้แม้แต่น้อยแต่อวิ๋นอี่กลับเข้าใจ!
เมื่อปีที่แล้วพวกเขาก็เคยสงสัยว่าเจ๋อเมิ่งยังไม่ตายแต่ทันใดนั้นก็พบว่าเสี่ยวซยงสวี่กลับมีพลังของเจ๋อเมิ่ง เดิมทีพวกเขาไม่ได้ตามหาหลี่ว์ซู่แต่เมื่อเมืองลั่วเฉิงเกิดเหตุการณ์การสร้างความฝันขนานใหญ่พวกเขาจึงเริ่มสนใจและเมืองนี้ก็เป็นเมืองที่ราชาองค์ใหม่หายตัวเมื่อสิบแปดปีก่อน และก็เป็นวิธีที่สร้างความฝันที่เป็นเอกลักษณ์ พวกเขาทั้งสองจะไม่สนใจหลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้
และก็เป็นตอนนั้นที่อวิ๋นอี่และพยัคฆ์จื๋อมั่นใจในตัวตนของหลี่ว์ซู่ คนอื่นอาจจะไม่ได้สังเกตเรื่องนี้แต่พวกเขาตามหาราชาองค์ใหม่มาสิบเจ็ดปีแล้วจะพลาดเรื่องสำคัญเช่นนี้ได้อย่างไร
การสืบทอดปรมาจารย์หุ่นเชิดทำโดยราชา เมื่อปรมาจารย์หุ่นเชิดตายลงก็จะมีปรมาจารย์หุ่นเชิดคนใหม่มาแทนที่
สองพันปีก่อนเคยมีปรมาจารย์หุ่นเชิดทรยศราชา ผลคือถูกยึดคืนพลังทุกอย่างที่ราชาแห่งทวยเทพประทานให้และประทานให้ปรมาจารย์หุ่นเชิดคนใหม่ ส่วนปรมาจารย์หุ่นเชิดคนเก่าเหลือเพียงความแข็งแกร่งดั้งเดิมแต่ต้องสูญเสียพรสวรรค์ของตัวเอง!
ตอนที่พวกเขาเห็นเสี่ยวซยงสวี่ก็คิดว่าเจ๋อเมิ่งตายแล้วจึงให้เสี่ยวซยงสวี่ที่ใกล้ชิดกับหลี่ว์ซู่มารับตำแหน่งและไม่ได้คิดถึงว่าเขาถูกเสี่ยวซยงสวี่ยึดพลังมา เพราะพวกเขาไม่ได้เข้าใจพลังของราชาแห่งทวยเทพ ดังนั้นในตอนแรกจึงสมมุติฐานว่าการยึดคืนพลังเกิดจากจิตสำนึกและในตอนนั้นหลี่ว์ซู่ไม่ได้มีสัญลักษณ์ของราชาผู้มีพลังและจนทุกวันนี้ก็ยังไม่ปรากฏ
อวิ๋นอี่และพยัคฆ์จื๋อไม่ได้บอกความจริงให้แก่หลี่เสียนอี่และคอรัลแต่พวกเขาก็รู้ดีว่าบางทีเจ๋อเมิ่งอาจจะสูญเสียพลังสร้างความฝันไปแล้ว
เคราะห์กรรมครั้งใหญ่ของโลกผู้บำเพ็ญครั้งนี้จึงเป็นที่เข้าใจกันแล้วดีไม่ดีอาจเป็นเพราะผู้เลือกฝันกำลังหาทางออกให้กับตนเอง
ผู้สร้างความฝันที่มีพลังที่สามารถทำอะไรก็ได้คนหนึ่งอยู่ๆ กลับสูญเสียพลังอันยิ่งใหญ่นั้นไป ถึงจะยังเหลือพลังเก่าอยู่แต่มันก็เหมือนกับตระกูลขุนนางเศรษฐีที่เหลือเพียงแค่เงินแต่ต้องสูญเสียอำนาจและฐานะทางสังคมไป
คนธรรมดายังคิดว่ามีเงินก็ดีแล้วแต่ครอบครัวเศรษฐีไม่ได้คิดอย่างนั้น!
ความลับนี้เมื่อปรมาจารย์หุ่นเชิดแลกเปลี่ยนกับหลี่เสียนอี่ด้วยท่าที่นิ่งเฉยเหมือนกับความจริงนี้ยังไงเสียก็ต้องถูกเปิดเผยออกมา
อวิ๋นอี่ขมวดคิ้วถ้าเป็นเจ๋อเมิ่งจริงแล้วอีกฝ่ายทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไร
แต่ก็ในตอนนี้เองทุกคนก็ได้ยินเสียงดังแคร๊ก! ขึ้นมาเหมือนกับกระจกอันมหึมากำลังเริ่มแตกร้าว
หลี่เสียนอี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงนั้นเหมือนดังก้องอยู่ในใจและไม่ได้เป็นเสียงที่มาจากโลกภายนอก
ส่วนอวิ๋นอี่และพยัคฆ์จื๋อหันกลับไปทางป้อมปราการหลังพยัคฆ์ “แย่แล้ว!”
……
แสงสีดำปรากฏขึ้นท่ามกลางท้องฟ้า
เนี่ยถิงกำลังทำสมาธิอยู่ ด้านหนึ่งเพื่อคิดหาทางออก แต่อีกด้านเพื่อสะสมพลังดาบ
เดิมทีเนี่ยถิงเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของโลกบูรพา บูรพาคำนี้ควรค่าแก่การถกเถียง ไม่ใข่เพราะโลกบูรพายังมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเนี่ยถิงแต่เป็นเพราะเขายังไม่เคยประมือกับพวกนักบุญและหัวหน้าคนอื่นๆ ดังนั้นจึงไม่แน่ใจว่าเขาคือยอดฝีมืออันดับหนึ่งของโลกหรือไม่!
พลังดาบที่สั่งสมมาถูกปล่อยออกไป หัวหน้าบาทหลวงไม่กล้าเข้าปะทะและยังพบว่าตนเองขยับแทบไม่ได้ ปราณพลังอันแข็งแกร่งขังพวกเขาอยู่ข้างใน เนี่ยถิงแม้ว่าจะลดพลังจากระดับเสินฉังจิ้นแล้ว แต่อิทธิพลของพลังนั้นยังอยู่!
หัวหน้าบาทหลวงผู้แข็งแกร่งไร้ผู้เทียมทานกลับเห็นว่าตนเองจะต้องตายภายในคมดาบนี้เสียแล้ว
ทุกคนต่างตกใจว่าการต่อสู้ระหว่างระดับ A ด้วยกันมันแตกต่างกันได้ขนาดนี้เชียวหรือ
หลายคนรอดูศึกแห่งศตวรรษครั้งนี้แต่ว่าทำไมพอลงมือโจมตีกลับทำอะไรไม่ได้เลย…ดูเหมือนกับเป็นละครเด็กเล่น
แต่ก็เพราะความรู้สึกนี้ที่ทำให้องค์กรใหญ่ต่างๆ เข้าใจในเรื่องหนึ่งว่าการถูกคนยุยงมาหาเรื่องเครือข่ายฟ้าดินเป็นเรื่องที่โง่เขลาเสียนี่กระไร!
ที่จริงมีคนจำนวนน้อยที่รู้ว่าเมื่อเนี่ยถิงถูกบีบบังคับให้ต้องลดพลังลงนั้น ความยุติธรรมของศึกครั้งนี้ก็เริ่มจะเอนเอียงลงแล้ว
นักบุญและฟรางซิสโกอยากเข้าไปช่วยหัวหน้าบาทหลวงต้านพลังดาบนี้เพราะพวกเขารู้ดีว่าถ้าให้เนี่ยถิงกำจัดระดับ A ง่ายๆ แบบนี้ไปคนหนึ่งศึกภายหลังก็ไม่ต้องสู้แล้ว!
พวกเขาไม่กำลังจะช่วยหัวหน้าบาทหลวงแต่กำลังช่วยตนเองอยู่!
ในตอนนี้เองเฉินไป๋หลี่และหุ้นตุ้นต่างบินเข้าไปหานักบุญและฟรางซิสโก เฉินไป๋หลี่ตวัดแส้นักพรตใส่นักบุญแล้วหัวเราะว่า “ศัตรูของเจ้าอยู่ทางนี้!”
ในตอนนี้ผู้อาวุโสเฉินดูฮึกเหิมอย่างมาก ถึงแม้เขาจะไม่พอใจกับการลดพลังของเนี่ยถิงแต่ตอนนี้เป็นเวลาที่เครือข่ายฟ้าดินน่าจับตาเป็นที่สุด!
ผู้อาวุโสเฉินมองหุ้นตุ้นขณะที่พวกเขายังบินไปไม่ถึงนักบุญก็ได้ยินหุ้นตุ้นตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า “หงิงๆๆ!”
ทุกคนมองมาทางหลี่ว์ซู่ เขาได้แต่ทำหน้าประหลาดใจ “พวกนายมองฉันทำไม ฉันไม่ได้สอนมันแบบนี้!”
และในตอนนี้เองก็ได้ยินเสียงร้องน่าอเนจอนาถดังขึ้นบนท้องฟ้า หัวหน้าบาทหลวงที่อยู่จุดสูงสุดของโลกผู้บำเพ็ญถูกเนี่ยถิงฟันตายลง หัวหน้าบาทหลวงเลือดอาบทั่วร่างและร่วงลงสู่พื้นราวกับว่าวที่ถูกตัดสาย
หลี่ว์ซู่อึ้งไปสักพัก “ง่ายๆ อย่างนี้เลยหรือ ตายแล้วหรือ!”
ทุกคนล้วนคิดว่าหัวหน้าบาทหลวงน่าจะต้านพลังได้สักสองสามครั้ง อย่างน้อยก็ถ่วงเวลาได้สักชั่วโมงก็ยังดี แต่กลับต้านพลังดาบแม้แต่เพียงครั้งเดียวยังไม่ได้เลย
ภาพนี้ทำให้หลี่ว์ซู่รู้สึกเหมือนกับตอนที่เขาฆ่าระดับ B คนหนึ่งได้ง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ!
เนี่ยถิงลอยอยู่ด้านบนป้อมปราการและหันหน้ามายิ้มให้เสี่ยวอวี๋ “จับวิญญาณได้ไหม”
เสี่ยวอวี๋พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “จับได้แล้ว!”