หลี่ว์ซู่ไม่ได้เรียกคนอื่นช่วยแต่ตัวเขาและฮุ่นตุ้นเป็นทัพหน้าไปจัดการคนคนนั้น ที่จริงเรื่องนี้หลี่ว์ซู่ค่อนข้างเห็นแก่ตัว เพราะเขาอยากแอบไปกำจัดอีกฝ่ายและไม่ต้องการให้ทุกคนซักถาม
เรื่องวิชาของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ถูกเปิดเผยเป็นเรื่องที่เขาไม่คาดคิด ทำให้เขาต้องระแวดระวัง บางอย่างไม่ได้เป็นความลับเฉพาะแค่เธอยังมีความลับของเขาที่ไม่อยากให้คนอื่นรับรู้อีกด้วย
ตอนนี้เครือข่ายฟ้าดินเป็นใหญ่ฝ่ายเดียว ดังนั้นหลี่ว์ซู่จึงมอบผลชำระกระดูกให้กับเนี่ยถิงด้วยความใจกว้าง
ก่อนหน้านั้นหลี่ว์ซู่เก็บงำเอาไว้ก็เพราะตัวเขายังไม่มีพลังพอปกป้องตัวเองแต่ตอนนี้มันต่างกัน เขาเป็นราชันฟ้าที่เก้าไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยเลยเว้นแต่ปรมาจารย์หุ่นเชิดจะลงมือเอง!
แน่นอนว่าถึงอย่างนั้นหลี่ว์ซู่ก็ไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าสามารถให้ผลไม้ล้างไขกระดูกได้ไม่จำกัด
นอกจากนี้ หลี่ว์ซู่คิดเสมอว่าเขาไม่สามารถบอกให้คนอื่นรู้เรื่องแต้มอารมณ์และความลับอีกหลายๆ เรื่อง
หลี่ว์ซู่กังวลว่าคนคนนั้นอาจรู้อะไรบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจลุยเดี่ยว ถ้ามีใครสร้างปัญหาให้เขา เขาก็จะฆ่ากำจัดคนที่สร้างปัญหาให้เขา
ถ้าคนคนนั้นรู้ความลับมากมายจริงๆ ก็ให้ความลับลงหลุมศพไปพร้อมกับอีกฝ่ายนั้นเสีย
ในเวลาเดียวกัน หู่จื่อที่อยู่เหนือสระสวรรค์เงยหน้ามองที่ต้นไม้โลกตรงหน้าและถอดถอนใจว่า “ฉันเคยคิดว่าผู้อยู่เบื้องหลังแผนการครั้งนี้คืออาร์เคน คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเจ๋อเมิ่ง ตอนนี้เขาได้แต่ซ่อนตัววางแผนอยู่เบื้องหลัง แสดงว่าเขาถูกยึดพลังไปแล้วจริง ๆ และเสี่ยวซยงสวี่ก็ได้รับพลังการสร้างฝัน”
อวิ๋นอี่เงียบไปครู่หนึ่ง “น่าเสียดายที่พลังของเจ๋อเมิ่งถูกเสี่ยวซยงสวี่เอามาขายคอยล์ซะ “
“ฮ่าๆ ฉันกลับคิดว่าไม่เห็นจะน่าเสียดายเลย เจ๋อเมิ่งก็ใช้เวลานานกว่าจะเรียนรู้วิธีสร้างความฝัน เสี่ยวซยงสวี่ก็ทำตามได้” พยัคฆ์จื๋อหัวเราะซื่อๆ “ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ถือว่าปรมาจารย์หุ่นเชิดพวกคนใหม่แล้วนะ ถึงจะเป็นแค่ซยงสวี่… แต่ฉันคาดไม่ถึงว่าเจ๋อเมิ่งที่ดูข้างนอกสุกใสไม่คิดว่าข้างในจะชั่วร้าย”
อวิ๋นอี่ส่ายหน้า “อันที่จริง พวกนายไม่รู้หรอกว่าเจ๋อเมิ่งมีปัญหาทางจิตตั้งนานแล้วแต่เรื่องนี้เอาไว้ก่อน แค่พลังของเขา ผู้ชำนาญสร้างความฝัน ผู้ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกความเป็นจริงได้สมจริง ผู้ที่เข้าใจจิตใจคนและทำให้คนตกอยู่ในความฝันจะเป็นคนธรรมดาๆ ได้อย่างไร “
“ปัญหาทางจิต” พยัคฆ์จื๋อพูดด้วยความสงสัย
“ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจนักแต่เขาสวมบทบาทชีวิตหลายรูปแบบมากและสวมบทบาทแม้กระทั่งจิตใจ ฉันเคยเห็นว่าเขาแยกแยะตัวเองไม่ออกมาตั้งนานแล้ว”
ที่จริงเจ๋อเมิ่งเป็นคนที่ชอบวางแผนและเล่นกับจิตใจคนที่สุดในบรรดาปรมาจารย์หุ่นเชิด อาจเป็นเพราะเหตุนี้ถึงกลายเป็นคนที่หักหลังได้ง่ายที่สุด
“ในตอนนี้เครือข่ายฟ้าดินเป็นใหญ่ฝ่ายเดียว โลกก็ค่อยฟื้นตัว รอจนวันที่เนี่ยถิงสามารถใช้พลังได้ เครือข่ายฟ้าดินก็จะกลายเป็นองค์กรผู้ไร้เทียมทานแม้แต่พวกเราก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไปฎ อวิ๋นอี่พูดเสียงเบาๆ “ต้องใช้เวลาซ่อนตัวอีกสักพักเพื่อรอราชากลับมา”
ทันใดนั้น ทั้งสองคนสัมผัสถึงคลื่นพลังจากหุบเขาค่ายกลดาบ!
พวกเขาสองคนไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติหุบเขาค่ายกลดาบเพราะเร่งรีบเดินทางมาข้างๆ ต้นไม้โลก ตอนนี้เห็นว่าอาร์เคนไม่อยู่แล้วจริงๆ ถึงมีเวลาสนใจสิ่งอื่น
“มีใครบางคนสัมผัสค่ายกลดาบ! “
ใบหน้าของอวิ๋นอี่หมองลง “น่าจะเป็นเจ๋อเมิ่ง หรือว่าเขาเลือก … แค่อยากกลับไปที่นั่น”
ทันใดนั้นทั้งสองคนก็คลุมร่างด้วยเสื้อคลุมสีดำอันใหญ่ หุ่นเหล็กก็บินออกมาเพื่อติดตามพวกเขาอยู่ข้างๆ “วันนี้เราจะชำระล้างสำนัก”
…
หลี่ว์ซู่ยืนอยู่บนหัวของฮุ่นตุ้น จับเขาของฮุ่นตุ้นเอาไว้แน่น … ต้องจับให้แน่นที่สุด ไม่อย่างนั้นคงปลิวไปกับสายลมเอาง่ายๆ
เขาเห็นหุบเขาค่ายกลดาบอยู่ไกลๆ พลังที่แตกออกของค่ายกลดาบหลุดออกมาเป็นแผ่นๆ เห็นชัดว่าที่ขอบหน้าผาของหุบเขาค่ายกล แต่ละคนใส่ชุดสีดำและมีรอยปักสีทองของอาณาจักรมืด
หลี่ว์ซู่ขมวดคิ้วทำไมคนจากอาณาจักรมืด
มิน่าไม่เห็นคนจากอาณาจักรมืดในสงครามเมื่อครู่ ที่แท้อีกฝ่ายลอบอ้อมป้อมปราการมาที่หุบเขาค่ายกลดาบ!
ฝ่ายนั้นไม่คิดจะเข้าร่วมสงครามตั้งแต่แรก แต่หวังว่าองค์กรใหญ่ต่างๆ จะช่วยดึงดูดความสนใจของเครือข่ายฟ้าดินและลดทอนพลังของเนี่ยถิงและเฉินไป๋หลี่ลง
และพวกเขามีจุดมุ่งหมายคือความลับของหุบเขาค่ายกลดาบมาตั้งแต่แรกแล้ว!
ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็ค้นพบว่าพลังของคู่ต่อสู้นั้นแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิด ภายใต้ความร่วมมือของทั้งห้าคน เศษชิ้นส่วนที่แตกออกของค่ายกลดาบไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้
อย่างไรเสีย พวกเขาแต่ละคนไม่ได้มีพลังแข็งแกร่งมากนัก พวกเขาต้องอาศัยพลังของทั้งห้าคนรวมกัน หลี่ว์ซู่ค่อยโล่งอกถ้าคู่ต่อสู้ไม่ใช่ระดับ Aก็จัดการพวกนั้นได้สบาย!
ในตอนนี้เอง คนหนึ่งในบรรดาพวกนั้นก็ใช้นิ้วคีบเอาเศษชิ้นส่วนชิ้นสุดท้ายของค่ายกลดาบแล้วหมุนตัวและสะบัดนิ้วออก เศษชิ้นส่วนที่แหลมคมก็พุ่งเข้าใส่หลี่ว์ซู่
หลี่ว์ซู่กระโดดลงมาจากฮุ่นตุ้นมายังด้านหน้าของคนทั้งห้า
พวกเขาสวมหมวกฮู้ดปิดใบหน้า คนที่เป็นหัวหน้าค่อยเดินออกมาและยิ้มให้หลี่ว์ซู่ “ในที่สุดนายก็มาจริงๆ “
หลี่ว์ซู่เห็นบุคคลนั้นเดินเข้ามาหาเขาอย่างโอหัง เขาก็เงียบอยู่สองวินาทีแล้วยื่นมือออกมา
เสียงดังซวบ กระบี่เฉิงอิ่งโปร่งใสพุ่งเข้าเสียบหัวใจของคนตรงหน้า…
[ได้แต้มจากเจ๋อเมิ่ง +1000!]
[ได้แต้มจากเจ๋อเมิ่ง +629!]
[ได้แต้มจากเจ๋อเมิ่ง +531!]
[ได้แต้มจากเจ๋อเมิ่ง …]
[ได้แต้มจากเจ๋อเมิ่ง …]
หลี่ว์ซู่หายใจเข้าลึกๆ นี่อาจเป็นคู่ต่อสู้ที่…ใจกว้างที่สุดเท่าที่เขาเจอมา เขาเพิ่งเคยเจอคนที่ให้แต้มอารมณ์เขามากก่อนตายขนาดนี้เป็นครั้งแรก!
อีกสี่คนที่เหลือเหมือนจะมองหลี่ว์ซู่ด้วยความตกใจ พวกเขาแทบคาดไม่ถึงว่าหลี่ว์ซู่จะลงมือรวดเร็วอย่างนี้ กำลังคุยกันอยู่ดีๆ ก็แทงกันดื้อๆ เลย
และสิ่งที่หลี่ว์ซู่คิดก็คือเพิ่งเห็นทั้งห้าคนร่วมมือกันแล้วมีพลังแข็งแกร่งมาก เขาจึงฆ่าคนหนึ่งเสียก่อน พลังของคู่ต่อสู้ก็จะอ่อนแอลงไม่ใช่หรือ
และอีกฝ่ายก็เดินมาหาเขาอย่างโอหัง ก็แสดงว่าเดินมาหาที่ตาย ไม่ฆ่าก็เสียโอกาสซิ!
หลี่ว์ซู่มองไปยังสี่คนที่เหลือ “บอกมาว่าพวกนายใครเป็นหัวหน้า ที่เหลือจะได้ตายสบายๆ หน่อย”
และในตอนนี้ ทั้งสี่คนต่างมองหน้ากันและหัวเราะ คนหนึ่งในนั้นหัวเราะและพูดว่า “ฉันเป็นหัวหน้า”
“ฉันด้วย ฉันออกความคิดตั้งเยอะ”
“คนที่ตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดคือฉัน!”
หลี่ว์ซู่เห็นคนพวกนี้ก็อึ้งไป ทำไมเหมือนพวกคนมีหลายบุคลิก เขาเคยเห็นหนังสั้นที่แนะนำผู้ป่วยโรคบุคลิกหลายบุคลิกแล้วบุคคลหลายบุคลิกในหนังสั้นก็เหมือนกับคนที่อยู่ตรงหน้า