ทุกคนค่อยโล่งใจเมื่อตอนที่เนี่ยถิงลดระดับพลังลง พวกเขาไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว
แต่ตอนนี้ เนี่ยถิงก็ลดระดับพลังลงไปแล้วแต่ทำไมโลกยังจะแตกได้อยู่อีก
หลี่ว์ซู่เห็นรอยร้าวบนท้องฟ้าก็รู้สึกตกใจ ไม่แปลกใจที่ตอนที่เนี่ยถิงต่อสู้กับมังกรเฒ่าตัวนั้นที่ใต้ภูเขาคุนหลุน ปรมาจารย์หุ่นเชิดถึงได้มาปกป้องโลกเอาไว้ ที่แท้โลกอ่อนแอถึงเพียงนี้เชียว
ทำอย่างไรดีล่ะเดิมทีหลี่ว์ซู่เป็นห่วงเนี่ยถิงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการที่ทำลายรากฐานพลังตนเองที่ทำให้พลังของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็ดีขึ้นที่แผลนั้นได้สมานกันแล้ว แต่อย่างไรเสียก็ยังต้องพักฟื้นหลังจากบาดเจ็บครั้งใหญ่นี้
ดังนั้นหลี่ว์ซู่ถึงให้เนี่ยถิงบินไปทางฝูงชนนั่น ให้พวกองค์กรใหญ่ต่างๆ แบ่งเบาพลังจากการลงทัณฑ์จากสวรรค์แทนเนี่ยถิงไป เขาไตร่ตรองเรื่องนี้แทนเนี่ยถิงที่อ่อนแอไม่ได้หวังแต้มอารมณ์อะไรเลย
ตอนนี้เฉินไป๋หลี่และนักบุญต่างสู้กันบาดเจ็บทั้งสองฝ่ายและทำให้โลกเกิดรอยร้าวขึ้น พวกเขาเห็นการลงทัณฑ์จากสวรรค์จะเกิดขึ้นอีกครั้งราวกับเป็นวันสิ้นโลกใกล้จะมาเยือน
ตอนนี้อวิ๋นอี่และพยัคฆ์จื๋อมองมาทางป้อมปราการอย่างเงียบๆ หลี่เสี่ยนอีขมวดคิ้วและพูดว่า “เกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ พวกนายมีวิธีช่วยไหม”
อวิ๋นอี่และหู่จื้อมองหน้าซึ่งกัน “วิธีมันก็มีอยู่หรอกแต่มันเสียสละมากไป”
คอรัลที่อยู่ข้างๆ เงียบไปครู่หนึ่ง “ให้ฉันช่วยอะไรไหม”
หลี่เสี่ยนอีมองคอรัลด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคอรัลจึงพูดเช่นนี้”
และในตอนนี้เอง หลี่เสี่ยนอีเห็นความลังเลบนใบหน้าของอวิ๋นอี่และหู่จื้อเป็นครั้งแรก
ยามปกติ ปรมาจารย์หุ่นเชิดสองท่านนี้จะปรากฏตัวพร้อมกับแสงออร่าอันงดงาม แต่ไม่คิดว่าพวกเขาก็มีความรู้สึกลังเลเช่นนี้ด้วย
อวิ๋นอี่และพยัคฆ์จื๋อทั้งสองไม่ได้ตอบอะไร แต่ทั้งคู่ต่างล้วงเอาหุ่นเชิดสีแดงออกมาจากแขนเสื้อและกำจนแตกละเอียด
ทันใดนั้นตรงหน้าของปรมาจารย์ทั้งสองก็ปรากฏประตูสีดำขึ้นสองบาน ทั้งสองคนเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ จากนั้นประตูสีดำนั้นก็ปิดลงในทันที
หลี่เสี่ยนอีเห็นเบื้องหน้าว่างเปล่าก็ขมวดคิ้วแล้วถาม “คอรัล ทำไมเธอ…”
“ขอโทษค่ะ” คอรัลส่ายหน้า “ฉันพูดไม่ได้”
คอรัลตระหนักขึ้นได้ว่าตัวตนของหลี่ว์ซู่อาจจะไม่ได้เรียบง่าย อาจต้องใช้ความคิดใคร่ครวญให้มากกว่านี้
ใช่ วัยรุ่นที่ไม่มีใครเหมือนเช่นนี้ เป็นสิ่งที่เธอสัมผัสได้
แต่เธอไม่สามารถบอกผู้อื่นได้
…
ในความมืดมิด อวิ๋นอี่และพยัคฆ์จื๋อยังคงเงียบอยู่ แล้วก็มีเสียงหัวเราะของอาร์เคนดังขึ้น “ฉันรู้ว่าพวกนายจะต้องมา ถึงได้มารอที่นี่อยู่เสียตั้งนาน”
“มีวิธีแก้ไขปัญหาไหม” อวิ๋นอี่ถาม
“ที่จริงฉันรู้ว่านายรู้วิธีแก้ไข นั่นคือการสร้างโลกขึ้นมาใหม่” อาร์เคนหัวเราะ “แต่พวกนายต้องรู้ก่อนว่าดวงวิญญาณในต้นไม้โลกถูกราชาองค์เก่าทำลายไปแล้ว ถ้าหากตอนนี้จะให้มันมีชีวิตขึ้นมาใหม่อีก ต้องคนผสานร่างกับต้นไม้”
“ต้นไม้โลกก็เป็นพืชเหมือนกัน ทำไมแค่ปลูกลงใหม่ง่ายๆ ไม่ได้หรือ” อวิ๋นอี่เงียบไปสักพักแล้วจึงถามขึ้น ถึงเธอจะถามเช่นนี้แต่ก็รู้คำตอบอยู่แก่ใจอยู่แล้ว
ตอนที่ราชาองค์เก่าถอนรากถอนโคนต้นไม้โลกนั้นก็เจอการต่อต้านของต้นไม้โลก ราชาองค์เก่าจึงใช้กระบี่ฟันใส่ดวงวิญญาณของต้นโลก ต่อมาอยากนำมันไปปลูกอีกโลกหนึ่งก็พบว่าต้นไม้โลกที่ไม่มีดวงวิญญาณจะไม่สามารถหยั่งรากลงไปยังที่อื่นได้
ในศาสนาและตำนานหลายเรื่องล้วนเอ่ยถึงต้นไม้โลก เทพโอดินของทางยุโรปเหนือก็เคยได้กิ่งต้นไม้โลกมาอันหนึ่ง มันเป็นพืชที่ใกล้เคียงกับของดั้งเดิมมากที่สุดบนโลกนี้ หรือจะบอกว่ามันคือของดั้งเดิมก็ว่าได้
“พยัคฆ์จื๋อ” อาร์เคนวันนี้แทบไม่มีไอชั่วร้ายเหมือนอย่างก่อน เขาหัวเราะใส่พยัคฆ์จื๋อ “ฉันยังจำได้ว่า ครั้งแรกที่ราชาองค์เก่าพาอวิ๋นอี่กลับมา อวิ๋นอี่ในวัยเด็กมัดผมสองข้างแอบอยู่ข้างหลังราชาองค์เก่า สูงยังไม่ถึงครึ่งของท่านด้วย พริบตาเดียวก็ผ่านมานานขนาดนี้…”
“นายมาทีหลังเธอ จึงไม่รู้ว่าครั้งแรกที่เธอฆ่าคน เธอร้องไห้ถึงสามวันสามคืน ต้องให้พี่ใหญ่ไปปลอบจึงจะหยุดร้องไห้ลง”
พี่ใหญ่ที่อาร์เคนพูดถึงคือหัวหน้าปรมาจารย์หุ่นเชิด ตอนนี้คงจะตายไปแล้ว
“สิบแปดปีมานี้ ฉันได้แต่ทบทวนตัวเองอยู่ข้างๆ ต้นไม้โลก แต่ละครั้งที่คิดถึงการตายของพี่ใหญ่ก็ไม่เคยปลงตกเสียที ฉันอยากที่จะล้างแค้นแทนเขาเหลือเกิน ที่จริงเธอไม่รู้ว่าตอนที่ฉันฆ่าคนครั้งแรก ฉันก็ร้องไห้เหมือนกัน และคนที่ปลอบฉันก็คือพี่ใหญ่ เรื่องนี้ฉันไม่เคยบอกเธอ เพราะถ้าบอกเธอไปฉันก็ไม่ได้ล้อเธอน่ะสิ” อาร์เคนหัวเราะ
“พี่รอง” อวิ๋นอี่ลืมไปแล้วว่าตัวเองไม่ได้เรียกอาร์เคนด้วยคำสรรพนามนี้มานานเท่าไหร่ “ที่จริงตอนที่พี่ใหญ่มาปลอบฉันก็บอกว่า” ร้องไห้เป็นเรื่องปกติ พี่รองของเธอตอนที่ฆ่าคนก็ร้องไห้เหมือนกัน” ”
อาร์เคน “???”
อวิ๋นอี่หันไปมองทางพยัคฆ์จื๋อแล้วถาม “ตอนที่นายฆ่าคนครั้งแรก นายไม่ได้ร้องไห้หรือ”
“ไม่ได้ร้อง” พยัคฆ์จื๋อหัวเราะซื่อๆ “แต่ตอนที่พี่ใหญ่ชมว่าฉันใช้ได้ ก็พูดว่า ตอนนั้นอวิ๋นอี่และอาร์เคนยังร้องไห้เลย แต่เธอกลับไม่ร้อง”
อวิ๋นอี่ “……”
อาร์เคน “……”
“พี่ใหญ่ช่างปากสว่างเสียจริง…” อาร์เคนถอดถอนใจ “แต่ฉันก็ยังอยากล้างแค้นให้เขา วันหลังต้องวานพวกนายสองคนแล้ว ถ้าเห็นเจ๋อเมิ่งช่วยฆ่าเขาแทนฉันด้วย จงอย่าเมตตา แต่ตอนนี้พลังของเขาถูกยึดคืนไปแล้ว พวกนายฆ่าเขาก็คงง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ ส่วนความแค้นที่ใหญ่กว่านั้น …… นั่นไม่ใช่ศึกที่พวกนายจะไปสอดรอให้ราชาของเราไปจัดการเองเถิด”
อวิ๋นอี่เงียบไปนาน “พี่รอง เรื่องยังไม่เลวร้ายถึงขนาดนั้น”
“หลายปีมานี้ ปรมาจารย์หุ่นเชิดต่างมีภาระของตนที่ต้องรับผิดชอบ มิตรภาพในวัยเยาว์ต่างเลือนหายไปจนหมด ราชาองค์เก่าองค์เก่าก็ไม่สนเรื่องความขัดแย้งระหว่างพวกเขา พี่ใหญ่ของปรมาจารย์หุ่นเชิดก็ไม่ได้ห้ามให้พวกเขาไม่ทะเลาะกันเอง
เมื่อเวลานี้มาถึง ราวกับทุกสิ่งได้ย้อนกลับไปในวัยเยาว์
ตอนนั้นอวิ๋นอี่ตามพี่ใหญ่พี่รองร้องขอของกินและยังให้พวกเขาช่วยจับผีเสื้อให้ด้วย
“อวิ๋นอี่เอ๋ย” อาร์เคนหัวเราะ “ตอนนั้นหลังจากที่ฉันทำผิดไปและถูกขังให้สำนึกตนอยู่ข้างต้นไม้โลก ตอนนั้นฉันคิดว่าฉันทำความผิดใหญ่ขนาดนั้น แต่ทำไมราชาองค์เก่าองค์เก่าถึงไม่ฆ่าฉัน ไม่แม้แต่จะยึดคืนพลังของฉันด้วย ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วที่แท้เขาให้โอกาสฉันได้ไถ่โทษ ไม่เช่นนั้น…ทำไมเขาต้องกักขังฉันอยู่ในโลกใบนั้นอยู่ในต้นไม้โลกและประทับตราไว้ที่กลางฝ่ามือของราชาองค์ใหม่อีก นั่นเพราะเขารู้ว่าเมื่อราชาองค์ใหม่เติบโตขึ้นโลกนั้นจะไม่สามารถต้านทานพลังของราชาองค์ใหม่ แต่ฉันก็รู้สึกสงสัยใคร่รู้ ราชาองค์เก่าองค์เก่าไม่เคยทำเรื่องที่ไม่จำเป็น แต่ราชาองค์ใหม่กลับต่างออกไป แล้วยังทำเรื่องที่จริงๆ จังๆ น้อยมาก…..ฉันอยากรู้เสียจริงว่าราชาองค์ใหม่จะเป็นอย่างไร น่าเสียดายที่ฉันไม่โอกาสได้เห็นแล้ว”