Dungeon Defense – ตอนที่ 17 ปูทาง 10 สายเพื่อรับเงินมากมาย(7)

Dungeon Defense

“……หากเรื่องนั้นเป็นจริง”

ขณะที่ผู้บริหารคนอื่นๆต่างครุ่นคิดถึงหายนะที่สามารถสร้างโรคระบาดขึ้นมาได้ มนุษย์หมาป่าก็บ่นขึ้นมา

“ดันทาเลี่ยนอาจเป็นจอมมารผู้ยิ่งใหญ่แห่งอังกอมัวร์ (Great Demon Lord of Angolmois)”

จอมมารผู้ยิ่งใหญ่แห่งอังกอมัวร์!

มันคือ ความเชื่อทางศาสนาที่ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่นในหมู่ปีศาจจนเป็นตำนาน เช่นเดียวกันกับความเชื่อเรื่องพระผู้ช่วยโลกมนุษย์

ครั้งหนึ่งมีจอมมารผู้หนึ่งสามารถผนึกเลือดและความเจ็บปวดของปีศาจทั่วทั้งผืนทวีปเป็นหนึ่ง แล้วปรากฏกายขึ้นในทวีปปีศาจโดยอยู่บนหลังมัง แล้วเรียกตนเองว่าเป็นผู้พิทักษ์โลก ผู้สามารถท่องเที่ยวไปอย่างเสรีใต้ดวงอาทิตย์

มันเป็นตำนานสุดซ้ำซาก แต่ถึงอย่างนั้นพวกปีศาจต่างก็ปรารถนาอย่างยิ่งที่จะหนีจากโลกใบนี้ อังกอร์มัวร์จึงไม่ใช่แค่ตำนานธรรมดาๆ หากแต่เป็นความปรารถนาสูงสุดของพวกมันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

“เรื่องที่ยกมาพูดมันไร้สาระยิ่ง แถมยังทำให้แย่ลงไปอีก ข้าล่ะงงจริงพวกเจ้าที่พยักหน้าเห็นด้วยกับเรื่องแบบนั้น มันก็ตั้งแต่โบราณแล้วมิใช่รึไง ไอ้การที่เรียกว่ จอมมารผู้ยิ่งใหญ่ หรือ เทพมารผู้ยิ่งใหญ่ พวกนั้นมันก็แค่เติมคำว่า ยิ่งใหญ่ สถาปนาตนเองกันทั้งนั้น แต่ละตัวหาดีไม่ได้เลย”

ก็อบลินยิ้มแผล่

“ผ่านมานับพันปี มีจอมมาร4คนที่อ้างตัวว่าเป็น อังกอร์มัวร์ ลืมกันไปแล้วหรือยังไง? พวกเจ้าควรจะอายที่ยังกล้าเรียกตัวว่า เป็นสหายของข้า เอาจริงนะ หากเป็นไปได้ข้าไม่อยากเรียกพวกเจ้าเป็นสหายด้วยซ้ำ อยากจะถามเหมือนกันว่า สมองเน่าเพราะเนื้ออีกากันไปหมดแล้วรึไร เจ้าสี่หน่อที่เหลือนี่ถ้าไม่ใช่พวกต้มตุ๋น มันก็พวกฝันเฟื่องทั้งนั้น”

ก็อบลินยืนขึ้น เขาค้ำยันตัวด้วยไม้เท้าที่สูงเป็นสองเท่า

“มีกี่คนแล้วที่ต้องเสียสละเพื่อฝันพรรค์นั้น? มีปีศาจมากแค่ไหนที่ต้องตายเหมือนกับแมงเม่าพุ่งเข้ากองเพลิง? หากวิญญาณมีจริง โลกใบนั้นมันคงเต็มไปด้วยวิญญาณคนของเรานั่นแหละ

จงฟังข้า!

หากกระโหลกพวกแกมันไม่ใช่กระป๋องกลวง ยังพอมีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง อังกอร์มัวร์ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ถูกใช้โดยจอมมารพวกนั้น”

ลูกไม้เก่าๆน่าเบื่อชะมัด ก็อบลินบ่นอุบออกมาแล้วหันหลังกลับ

แวมไพร์เฒ่าถามก็อบลินเมื่อเห็นเขากำลังจะไปจากห้องประชุม

“ทอร์เค่ล(Torkel) นั่นเจ้าจะไปไหน?”

“ข้าจะไปหาจอมมาร ที่ชื่อ ดันทาเลี่ยน หรืออะไรสักอย่างนั่น”

ก็อบลินเคาะไม้เท้าตนกับพื้น ประตูห้องประชุมที่ปิดอยู่กลับเปิดออกด้วยตัวเอง

“ข้าไม่สนใจหรอกว่า เขาจะเป็นอังกอร์มัวร์หรือไม่ แต่ความจริงก็คือ ข้อตกลงทางธุรกิจของเขานั้นมาได้ถูกเวลา

เราล้มเหลวที่จะรับรู้สิ่งนั้นและเลือกจะเพิกเฉยต่อมัน เรายังจะไม่ไปขอโทษอีกหรือไง? ให้ตายเถอะ เลิกคิดเรื่องไร้สาระได้แล้ว สิ่งที่สำคัญกว่านั้น พวกเราคือพ่อค้า”

ก็อบลินเฒ่าจากไปในทันที ผู้บริหารคนอื่นต่างยังพูดคุยกันต่อเกี่ยวกับจอมมารคนก่อนๆที่เคยอ้างตัวว่าเป็น อัลกอร์มัวร์ ก่อนจะออกจากห้องประชุมไปสามตน

เหลือเพียงแวมไพร์กับมนุษย์หมาป่าเท่านั้นที่ยังอยู่ มนุษย์หมาป่าลุกขึ้นหยิบไวน์และเทไวน์ใส่แก้วของแวมไพร์ เมื่อเทียบกับพฤติกรรมก่อนหน้านี้ เขาช่างดูสุภาพอย่างน่าเหลือเชื่อ

“เซอร์ อิวาร์(Sir Ivar) พวกเราควรทำอย่างไรดี? หากท่านเชื่อแน่ว่า ดันทาเลี่ยนจะเป็นภัยต่อพวกเรา เพียงแค่ออกคำสั่งให้ข้า ฟันข้าที่งอกขึ้นนี่มิได้มีไว้เพื่อเคี้ยวสเต็กเนื้อนุ่ม”

“นี่เจ้าไม่เคยสงสัยในความแกร่งของฟันตัวเองเลยสินะ? ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าผลีผลามอย่างนั้นหรอก จอมมารนั้นเป็นพันธมิตรกับเหล่าปีศาจ

หลักการนั้นไม่เคยเปลี่ยน จอมมารไม่มีเหตุผลที่จะมาคุกคามพวกเรา ตราบใดที่เรายังไม่หันเขี้ยวเล็บใส่พวกเขาก่อน”

จอมมารทุกตนต่างมีดันเจี้ยนตั้งอาศัยอยู่ที่โลกมนุษย์ ทั้งยังใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น

ในขณะที่เลือดเนื้อของเผ่าปีศาจจะต้องอยู่ในโลกปีศาจไปตลอด พวกเขานั่นแหละที่ประกาศว่า จะนำเหล่าปีศาจไปสู่โลกที่แตกต่างไปและทำฝันนั่นให้เป็นจริง

พวกนั้นแหละคือ จอมมาร หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือ ปีศาจไม่มีเหตุผลที่ต้องรบกับจอมมารเพื่อชิงสิทธิและผลประโยชน์ในโลกปีศาจ ก็ในเมื่อทั้งสองฝ่ายไม่ได้อยู่บนโลกเดียวกันด้วยซ้ำไป

แวมไพร์เฒ่าจิบไวน์แดง

“แต่ถึงอย่างนั้น หากจอมมารคิดแทรกแซงผลประโยชน์ของพวกเรา นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”

รอยยิ้มเย็นชาปรากฏที่ริมฝีปากของเขา

* * *

อุวะฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!

เร็วๆนี้ผมติดนิสัยหัวเราะคนเดียว ผมยิ้มเสียจนปากจะฉีกถึงหูด้วยซ้ำ

ทุกครั้งที่ผมระเบิดหัวเราะออกมา ก็อบลินของผมก็จะเอียงคอแล้วถาม

‘เกิดอะไรขึ้นกับมาสเตอร์เหรอ?’

แล้วโกเลมของผมก็จะตอบว่า

‘ไม่รู้สิ แต่เขาทำตัวน่ากลัวชะมัด’

พร้อมกับยักไหล่

ผมไม่รังเกียจหลอก แม้พวกเขาจะมองไม่เห็น แต่ผมสามารถเห็นมันได้ด้วยตาตัวเอง

ดันเจี้ยนของผมรวยแล้วววววววววว!

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

[ดันเจี้ยน: ปราสามจอมมารดันทาเลี่ยน]

ระดับ: หลังเขา(F)

วิจัยเทคโนโลยี: 0

วิจัยเวทย์มนตร์: 0

*สกิลพิเศษ: ไม่มี

*มอนสเตอร์: 0 ยูนิต

*เงิน : 20,311 โกลด์

※ปราสาทหลังนี้กำลังล่มสลาย แม้แต่เด็กแถวบ้านยังชอบใช้ที่นี่เป็นสนามเด็กเล่น! สถานที่แห่งนี้สามารถพิชิตได้ทุกเวลา เปิด ‘แถบซื้อมอนสเตอร์’ และเตรียมซื้อหน่วยของมอนสเตอร์ด้วยตัวเองได้

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

สุดยอดไปเลย! วิเศษมาก!

หลังจากผู้คนรับรู้เรื่อง กาฬโรคแล้ว โดยเฉพาะพวกชนชั้นสูงและนักบวช

จากรายงานของลาพิส ผู้คนต่างสงสัยในประสิทธิภาพของหญ้าดำในทีแรก แต่เมื่อสามารถยืนยันได้ถึงประสิทธิภาพของมันแล้ว ราคาของมันก็พุ่งสูงเช่นเดียวกับที่พวกเขาต้องการในปริมาณมาก สุดท้ายแล้วหลังจากที่ลงทุนไป 1,000 โกลด์ ผมก็ทำกำไรกลับคืนมาได้ไม่ต่ำว่า 25,000 โกลด์

สำหรับเงินที่ได้มา ผมเอาให้ลาพิส 5,000 โกลด์สำหรับเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้ฉุกเฉินที่ผมได้รับมา ก็นั่นแหละ ผมทำกำไรได้ถึง20เท่าเลย

ครั้งหนึ่งผมเคยไปที่คังวอนแลนด์ (Kangwon land casino) ผมนี่ช็อคจากการที่เห็นผู้หญิงผู้ชายวัยกลางคนดึงคันโยนสล็อตแมชชีนไม่หยุด

พวกเขาดึงคันโยกราวกับไม่อยากเสียเวลาแม้แต่วินาทีโดยเปล่าประโยชน์

ในเวลานั้นผมไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมพวกเขาต้องอุทิศชีวิตนั่งเรียงเป็นแถวอย่างนั้นด้วย แต่มาตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว เมื่อคุณได้ลิ้มรสความสำเร็จสักครั้งหนึ่ง คุณก็ไม่มีวันถอยหลังกลับไปได้อีก

‘แล้วผมจะกลับไปขุดแร่ได้ยังไงกันล่ะ ถ้าในเมื่อการหาเงินมันง่ายขนาดนี้?!”

ผมขุดแร่ได้โดยเฉลี่ย วันละ 2 โกลด์ โดยที่ขุดแบบไม่หยุดพักเลย คำนวณเพื่อให้หาเงินได้ 20,000 โกลด์เท่ากัน ต้งใช้เวลาถึง 10,000 วัน หรือประมาณ 27ปี นั่นเอง

จะบ้าไปแล้วหรือไง? กลับกันการที่ผมกู้เกิ้ลพันโกลด์มาลงทุนอย่างใจกล้า ทำให้ผมสามารถทำเงินได้ 20,000 โกลด์ในเวลาไม่ถึง สิบวันด้วยซ้ำ ผมจึงใช้เวลาทั้งวันไปกับการยิ้มอย่างมีความสุข

‘ถึงอย่างนั้นจะมาหยุดแค่นี้ไม่ได้’’

ความร่ำรวยที่ได้มานั้นมันเป็นไปเพื่อป้องกันดันเจี้ยนของผม ไม่ว่าผมจะมีโกลด์มากแค่ไหน แต่ถ้ามันไม่สามารถปกป้องผมได้ มันก็แค่เน่าอยู่ในคลังเท่านั้นแหละ พอหัวเราะเสร็จ ผมก็เปิดแถบซื้อมอนสเตอร์

แม้อยู่ๆผมจะรวยขึ้นอย่างมาก แต่การที่ดันเจี้ยนของผมยังอยู่ที่ระดับFอยู่นั้น ทำให้ผมไม่สามารถจ้างมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งเกินกว่า โกเลมระดับต่ำได้อยู่ดี

มันเป็นระบบที่จะเพิ่มความหลากหลายของมอนสเตอร์ที่ผมจะซื้อได้โดยขึ้นกับเลเวลของผม

‘หากผมขึ้นถึงระดับ A ผมอาจจะสามารถซื้อมังกรมาก็ได้’

ผมพบว่า หัวใจตัวเองเต้นแรง เมื่อเทียบกับไม่กี่วันก่อนที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าตัวเองต้องผ่านมันไปได้แน่

นี่ถ้าผมมีมังกรนะ มังกรที่มีแพสซีฟต่อต้านเวทย์และยังมีการโจมตีเป็นAOE( Area Of Effect/โจมตีหมู่)อย่างรุนแรงที่เรียกว่า ลมหายใจ จากนั้น…. เอาล่ะ นั่นมันแค่ความคิดเพ้อฝันนี่นา

หากเป็นไม่กี่วันก่อน ผมยังไม่กล้าคิดฝันด้วยซ้ำไป

จะว่าไปผมยังจดสัมผัสที่มือตอนที่กระซวกลำคอของฮอร์คได้อยู่เลย

แต่ตอนนี้น่ะ มาซื้อมอนสเตอร์ดีกว่า

การมีจำนวนมากไม่ได้เป็นคำตอบสำหรับทุกสิ่ง การมีค่าแสตทสูงก็เช่นเดียวกัน มันมีสิ่งที่สำคัญกว่านั้น ส่งผลต่อความเป็นความตายเลยล่ะ และเจ้าสิ่งที่ว่านั้นก็คือ ━━.

‘การทำงานร่วมกัน (Synergy)’

ผมตรวจสอบแถบซื้อมอนเสอตร์อย่างรอบคอบ

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

[เงินที่ใช้ได้: 20,311 โกลด์]

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

“อืมม”

ผมไม่สนใจสไลม์ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วการเคลื่อนที่ การโจมตีหรือพลังป้องกัน มันก็เป็นแค่ภาระที่ไม่ได้มีค่าสแตทไหนที่ดีเลย

พวกมันมีจุดเด่นที่ไม่ได้รับผลจากอาวุธใบมีดมีคม แต่ถึงอย่างนั้นHPมันก็ต่ำอยู่ดี ดังนั้นผมจึงไม่สนใจ แล้วผมก็เริ่มคิดระหว่างที่มองไปที่ แฟรี่ระดับต่ำสุด ก็อบลิน และโกเลมระดับต่ำสุด

“ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง F ที่จะมาที่นี่นั้น มีอย่างมากก็แค่หอกกับธนู ”

นิสัยการคุยกับตัวเองนั้นติดมาตั้งแต่ก่อนผมจะมาสู่โลกนี้ ผมรู้สึกว่า ตัวเองสมองโล่งขึ้นเมื่อได้พูดความคิดออกมาดังๆแทนที่จะปล่อยให้มันหมุนวนอยู่ในหัว ผมจึงยังคงพึมพัมต่อ

“มันอาจจะแพ้ดาเมจจากเวทย์มนตร์ แต่โกเลมก็มีข้อดีตรงสามารถต่อต้านการโจมตีทางกายภาพได้”

ตามเซตติ้งของเกมนั้น ไม่ว่าจะเป็นโกเลมระดับต่ำสุดหรือโกเลมระดับสูงสุด พวกมันต่างก็ได้รับดาเมจ 200% จากการโจมตีเวทย์มนตร์ และได้รับดาเมจ 50% จากการโจมตีกายภาพ

โกลเลมนั้นเป็นมอนสเตอร์ที่สมบูรณ์แบบมากสำหรับรับมือนักผจญภัยแร๊งFที่ไม่มีพระหรือนักเวทย์ และนี่คือ เหตุผลแรงที่ผมเลือกเอาโกเลมมา

“คงจะไม่มีนักเวทย์หลุดมาจนกว่าจะถึงแร๊งE เพราะงั้นไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่า……”

ฮอร์คได้ชี้ประเด็นในส่วนที่ผมไม่ได้คิดถึงมาก่อน ตราบใดที่นักผจญภัยสามารถโจมตีในระยะปลอดภัยแล้วก็หนีไปด้วยได้ มันมีโอกาสที่นักผจญภัยคนอื่นๆจะคิดได้เหมือนกัน ผมต้องมีมอนสเตอร์ที่ช่วยสนับสนุนโกเลม

ผมจึงซื้อ โกเลม5ตัวและ แฟรี่ 10 ตัว แผนของผมคือ โกเลมจะยืนแนวหน้าของรูปขบวน ในขณะที่เจ้าตัวเล็กและไวอย่างแฟรี่จะช่วยยิงเวทย์จากแนวหลัง เวทย์เดียวที่แฟรี่ระดับล่างใช้ได้คือ วินด์คัตเตอร์(Wind Cutter) เทคนิคที่จะบีบอัดอากาศแล้วยิงมันออกมา แต่ผมรู้วิธีว่า จะสร้างความได้เปรียบจากเจ้าสิ่งนี้ได้ยังไง

“นักผจญภัยระดับต่ำน่ะ ไม่รู้เรื่องเวทย์มนตร์เลยล่ะ ”

ผมไม่แปลกใจเลยว่า วินด์คัตเตอร์นั้นจะกลายเป็นสิ่งลี้ลับที่ไม่อาจเข้าใจได้สำหรับชาวนาที่ไม่เคยเห็นเวทย์มนตร์มาก่อนในชีวิต

พวกนักผจญภัยต้องตะใจลนลานทันทีที่เห็นเวทย์มนตร์ยิงออกมา แล้วเมื่อพวกเขาแตกตื่นกัน หน่วยโกเลมของผมที่มีค่าป้องกันสูงก็จะใช้โอกาสนั้นพุ่งชาร์จเข้าไปเป็นท๊งที่ทำดาเมจมหาศาล

หน่วยที่ประสานกันทั้งตำแหน่ง มีความสอดคล้องกัน รวมถึงบั่นทอนกำลังใจฝ่ายตรงข้าม

“เป็นหน่วยเฉพาะที่สร้างขึ้นมาเพื่อจัดการนักผจญภัยระดับต่ำเลยล่ะ”

ผมยิ้มน้อยๆ

ไม่มีใครที่จะรู้ว่า มอนสเตอร์ตัวไหนทรมานนักผจญภัยดีมากไปกว่าผมอีกแล้วล่ะ ผมเพียรพยายามอย่างมากในการเล่น Dungeon Attack

ช่วงที่ผมเป็นมือใหม่นั้นรูปแบบที่ทำให้ผมหวาดผวาได้มากสุดคือ การผสมผสานกันของโกเลมและแฟรี่ มันน่าอายที่จะยอมรับแต่ปาร์ตี้ของผมนั้นโดนกวาดล้างด้วยรูปแบบที่ว่านั้นบ่อยมาก

ผมให้โกเลม(เลเวล2)ที่ผมซื้อมาในช่วงแบบฝึกเป็นหัวหน้า แล้วผมก็วางพวกมันไว้ในอุโมงใหญ่หน้าห้องจอมมมารเพื่อที่จะได้สามารถช่วยกันขวางตอนไหนก็ได้ โกเลมนั้นยืนเรียงแถวเป็นระเบียบแล้วแสดงความเคารพผม สายตาของโกเลมทั้ง6ตัวที่เรียงแถวนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความศักดิ์ศรี

─คารู่ววว! คารูรู่ววว!

ขณะเดียวกัน แฟรี่หลายตัวก็โบยบินรอบผมไม่ยอมหยุด

การเฝ้ามองแฟรี่ขนาดเท่าฝ่ามือบินไปบินมาอย่างวุ่นวายทำให้ผมมีความสุข พวกเธอนั้นน่ารักมากๆ โกเลมกับก็อบลินก็น่ารักเหมือนกันนะ แต่ผมควรวางตำแหน่งยังไงดีล่ะ?

มันให้ความรู้สึกเหมือนผมมีลูกสาวหลายคนที่เติบใหญ่ขึ้นมาอย่างงดงาม สติผมแทบจะดับวูบตอนที่เฝ้าดูปีกของแฟรี่กระพืออย่างเริงร่าเหมือนกำลังเล่นกันอยู่

“อ้าา แม่ลูกสาวตัวน้อย!”

ผมอุ้มแฟรี่มาตัวหนึ่งแล้วมอบจูบฟอดใหญ่ ดูเหมือนแฟรี่ตัวนั้นก็ชอบเหมือนกันจึงหัวเราะคิกคักออกมาเสียงดังพอที่จะดังไปทั่วทั้งถ้ำ

แหม ลูกน้อยของผมนี่รู้จักตามใจป๊ะป๋าดีจริงๆ แทบไม่มีอะไรให้พ่อคนนี้ต้องสอนแล้วล่ะ!

─ คยารูรุ ? คยารุ?

แม้จะไม่ได้พูดภาษาเดียวกันแต่ผมก็เข้าใจได้ด้วยสัญชาตญาณในทันทีว่า เธอพูดอะไร

“แน่นอนจ้า ป้าป๊าคิดว่า พวกหนูน่ารักที่สุดเลยยย!”

─ คยารุรุ!

เหล่าแฟรี่พุ่งเข้ามาใส่ผม ตัวนึงซ่อนในเส้นผมของผมในขณะที่อีกตัวมาถูแก้ม ความสุขคือแบบนี้สินะ? ผมเคยสงสัยมาตลอดว่า เหตุใดหนอ เพื่อนผมถึงพร่ำบ่นเรื่องอยากที่จะแต่งงานและมีลูก ก็ถ้าลูกของพวกเขานั้นน่ารักเหมือนแฟรี่น้อยของผม ผมคงไม่เสียใจเลยเหมือนกัน

ผมแทบจะลืมปัญหาใดๆทั้งมวลในชีวิต เนื่องจากห้อมล้อมไปด้วยสรวงสวรรคฅ์แห่งความสุขี

“อะ-อะแฮ่ม”

ผมได้ยินเสียงใครบางคนกระแอมข้างหลัง พอผมหันไป ก็เห็นก็อบลินตัวหนึ่งที่มีหน้าผากเต็มไปด้วยรอยย่น เขาเอนตัวมาหาพร้อมกับไม้ที่มีขนาดสูงกว่าตัวเขาเสียอีก

ผมขมวดคิ้วทันที เจ้าคนนี้มันใครกันนะ?

“เป็นเกียรติที่ได้พบท่านเช่นนี้ ฝ่าบาทดันทาเลี่ยน”

ก็อบลินโค้งให้ ถึงอย่างนั้นด้วยสรีระร่างกายของก็อบลินก็ดูเหมือนเขาแค่ก้มหัว ผมไม่รับรู้ถึง เจตนาร้ายจากเขา

“คุณเป็นใคร?”

ผมพูดตอบกลับไปแบบไม่เป็นทางการ

สิ่งที่ลาพิสบอกเมื่อหลายวันก่อนเป็นเรื่องจริง มันไม่เคยเกิดมีจอมมารคนไหมพูดอย่างเป็นทางการกับปีศาจ ก็อบลินเฒ่าที่ยังโค้งอยู่นั้นเป็นได้ทำในสิ่งที่ปรกติที่สุด

“ผู้น้อยตนนี้ชื่อว่า ทอร์เค่ล(Torkel) และยังเป็นผู้บริหารแห่งบริษัทเคียนคุสก้า ผู้น้อยมาที่นี่เพราะปรารถนาที่จะพูดคุยกับฝ่าบาทเรื่อง โรคระบาด”

อาฮ่า นั่นสินะเหตุผล

ผมลดการระวังภัยให้เหลือระดับต่ำสุด เขาเป็นบุคคลที่ผมคาดไว้แล้วว่า สักวันหนึ่งจะต้องมาหา จากมุมมองของพวกเขา ผมเป็นบุคคลที่ควรจะหามาโดยตรงเพื่อเอาข้อมูลการระบาดของโรคติดเชื้อ และต่อจากนั้นพวกเขาก็จะจับมือกับผมเพื่อทำธุรกิจ

“ยินดีต้อนรับสู่ที่พำนักอันต่ำต้อยของเรา”

“ก่อนอื่นเลย ผู้น้อยขออภัยต่อการเสียมารยาท

ที่แม้ฝ่าบาทดันทาเลี่ยนนั้นจะสามารถล่วงรู้การมาถึงโรคระบาดใหญ่ได้ แต่บริษํทเรานั้นกลับดูเบา ไม่ว่าจะมองอย่างไร นั่นก็เป็นความผิดของทางเราทั้งสิ้น”

“อะไรล่ะนั่น? ไม่ว่าใครก็ทำพลาดได้ทั้งนั้นแหละ”

ก็อบลินเงยหน้าขึ้น

“ผู้น้อยขอขอบคุณในความเอื้อเฟื้อของท่านอย่างสูง ต่อจากนี้สิ่งที่ผู้น้อยอยากคุยด้วย…….”

“เดี๋ยวก่อน แล้วลาพิสไปไหน?”

ผมพูดตัดบทเขา ก็อบลินมองผมด้วยท่าทีสงสัย

“ลาพิส คนที่มารับคำสั่งตามความต้องการของผมน่ะ”

“อ้า ……ใช่ ถึงอย่างนั้นเพื่อให้อะไรเป็นไปอย่างสะดวก ในฐานะผู้บริหาร ผู้น้อยจะขอแนะนำ-”

“ไม่จำเป็น”

“อะไรนะครับ?”

ผมประทับใจกับการทำงานของลาพิสมาก และยังเชื่อด้วยว่า การทำกำไรได้ถึง 20,000 โกลด์จากเงินเริ่มเพียง1,000โกลด์นั้นไม่ใช่ว่าเพราะผมแต่ยังเนื่องจากความสามารถของเธออีกด้วย

หากไม่ได้มีลาพิสอยู่ใกล้ๆ จะเป็นไปได้อย่างไรที่ผมจะสามารถหาเงินจากความรู้ที่รู้อะไรล่วงหน้าในอนาคต? ไม่มีทางล่ะ ที่ผมทำแบบนี้ได้ก็เป็นเพราะเธอตั้งใจรับฟังและพยายามอย่างเต็มที่

ตอนที่ผมจะมอบเงินให้เธออีก 500 โกลด์เป็นเงินโบนัส ลาพิสกลับตอบว่า

‘ดิฉันเพียงทำในสิ่งที่ต้องทำค่ะ’

แล้วเธอก็ปฏิเสธอย่างชัดเจนจนผมแทบจะตกหลุมรักเธอ นี่มันสุดยอดสาวเมืองเลยนี่นา! ตอนนี้ลาพิสจึงกลายเป็นเพียงบุคคลเดียวที่ผมเชื่อใจมากที่สุดในโลกนี้

‘เธอเคยบอกว่า ถูกปฏิบัติเหมือนคนนอกคอกในที่ทำงานสินะ? เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะยกฐานะเธอขึ้นมาให้อย่างดีเลย’

ผมคิดถึงเรื่องพวกนั้นในหัว แล้วจึงพูดออกมา

“ให้มันเป็นเหมือนอย่างเคย มีเพียงลาพิสเท่านั้นที่จะตอบสนองความต้องการของเราได้”

“ตะ-แต่เด็กคนนั้นน่ะเป็นแค่เพียง พนักงานระดับ 5 ”

“และเธอยังเป็นบุคคลเดียวที่สร้างกำไรให้ผมอย่างมหาศาล ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ ส่งเธอมาที่นี่ หรือไม่ก็มาด้วยกันกับเธอ”

ผมหันหลังกลับไปเล่นกับแฟรี่ต่อ ผมบอกได้เลยว่า ก็อบลินนั่นกำลังงุนงงสับสนอย่างมาก แต่ผมไม่สนใจเขาอีกต่อไป พวกเขาต่างหากจะต้องเสียดาย หลังจากนั้น 3 นาที ก็อบลินก็ใช้เวทย์เทเลพอร์ทจากไป

“หืมม หมดคำจะพูดเลยแฮะ หมอนั่นอยากจะก้าวหน้าขึ้นมาเพราะเห็นว่าผมเป็นลูกค้าที่มีคุณค่า แล้วตอนที่ผมต้องการเงินกู้น่ะ เขาหายไปอยู่ไหนมาล่ะ? เอาจริงๆนะ พวกประเภทที่ไร้ยางอายกล้าขโมยความสำเร็จผู้ร่วมงานเนี่ย เป็นหนึ่งในคนที่ผมเกลียดที่สุดเลยล่ะ”

-เคียรุ?

“โอ้ะโอ๋ แม่หนูน่ารักทั้งหลาย! ที่ป่ะป๊าพูดมันเข้าใจยากไปใช่ไหม? ขอโทษด้วย ขอโทษด้วย มาหอมๆ แล้วเล่นกันดีกว่า!”

-เคียรุรุรุ!

ในถ้ำดังก้องไปด้วยเสียงหัวเราะร่าของแฟรี่สักพักหนึ่ง

ห่างไปหน่อย ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกผิดหวังของก็อบลินที่มีต่อผม เขาคิดว่า ‘โอ้ มาสเตอร์ของเราเป็นพวกใคร่เด็ก(pedophile)……’

ไม่ใช่เว้ย เข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดมาก มาตรฐานของผมน่ะปกตินะเออ! ว่าแต่แกไปเรียนรู้คำแย่ๆแบบนั้นมาจากไหนกันน่ะ!?

—-

จอมมารผู้ยิ่งใหญ่แห่งอังกอมัวร์(Great Demon Lord of Angolmois)”

Angolmois คือ อะไร?

Angolmois เป็นคำที่นอสตราดามุสใช้ พูดถึง ในสมุดคำทำนายที่ชื่อ Les Propheties (The Prophecies) ในช่วงยุคกลางจนถึงเรเนซองค์ ที่ทำนายเหตุการณ์ในช่วงปี 1999 ไว้

“The year 1999 seven month,

From the sky will come a great King of terror:

To bring back to life the great King of Angolmois,

Before after Mars to reign by good luck”

“ปี 1999 เจ็ดเดือน

ผืนนภานั่้นกลายเป็นราชันแห่งความกลัว

นำชีวิตราชาแห่งอังกอร์มัวร์ให้กลับคืน

ก่อน หลัง รัชสมัยของมาร์ส จะเข้าครอบครองด้วยโชค”

ซึ่งตีความ และคาดเดากันว่า เป็นการรุกรานของชาวมองโกล

Dungeon Defense

Dungeon Defense

Status: Ongoing
นักศึกษามหาลัยที่ติดเกม ซะจนกลายเป็นอันดับ 1 ของเกม ผู้ใช้ชื่อในเกมว่า Lolita ได้ข่าวว่า จะมีภาคต่อของเกม จากVenusPantie ผู้ที่คนใน DungeonAttack Fansite ต่างเดากันว่า น่าจะเป็นผู้พัฒนาเกม ได้ตอบตกลงเข้าร่วมกับภาคต่อของเกม และก็ได้เข้ามาอยู่ในเกมภาคต่ออย่างDungeon Defense โดยรับบทบาทเป็น ดันทาเลี่ยน จอมมารลำดับ 72 ที่อ่อนกากที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท