มีน้ำเสียงเจือความภาคภูมิใจอยู่ในคำพูดที่วูฟโฟเอตพูดออกมา มันเกือบจะเป็นเสียงที่เขาเชื่อว่า ตนเป็นหนึ่งในผู้ที่ยกระดับเมืองขึ้น
เขาเป็นคนประเภทที่มอบตัวตนให้กับบริษัทที่ทำงานด้วย แม้อาจจะดูเป็นเรื่องโง่ที่ลูกจ้างธรรมดาๆคนหนึ่งภาคภูมิใจแม้จะไม่ได้เป็นผู้บริหารระดับสูงก็ตาม แต่ผมไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนั้น
ตอนนี้วิวทิวทัศน์เมืองน่าสนใจยิ่งกว่า ความรู้สึกนึกคิดของคนอื่น
หมู่บ้านสีขาวเรียงรายจากทั้งสองข้างฟากของเนินเขา มีเสื้อผ้าหลากสีเรียงรายเชื่อมต่อหมู่บ้านราวกับใยแมงมุม ไต่ไปตามทางแคบของเขา
เสื้อผ้าและผ้าห่มตาโบกสะบัดไปตามแรงลม ทำให้ดูคล้ายกับพวกมันมาแวะพักอยู่ที่นี่หลังจากบินมาไกล เราได้เดินลงไปยังเมืองที่เป็นเหมือนเขาวงกต แล้วมาสิ้นสุดตรงที่ย่านการค้าที่กว้างใหญ่ในตัวเมือง ก็เหมือนย่านการค้าทั้งหลายที่มักจะมีปีศาจแก่ๆมานั่งพูดคุยบนม้านั่ง
“เฮ้ย! ต้อนรับแย่อะไรขนาดนี้วะห๊ะ!?”
ผมได้ยินเสียงดังมาจากมุมหนึ่งของย่านการค้า ตรงนั้นมันมีบาร์เล็กๆโทรมๆตั้งอยู่ เป็นบาร์ข้างถนนเปิดเป็นคาเฟ่ ผมจึงเห็นมนุษย์แมวแก่ๆตนหนึ่งคุกเข่าต่อหน้าชายหนุ่ม
“ผมขอโทษ ร้านของเรามันไม่ค่อยพร้อม…….”
“ไอ้แมวห่านี่ ปกติบาร์ข้างทางมันก็ไม่น่าประทับใจอยู่แล้ว แต่รู้มั้ย กูหวังว่าที่นี่มันจะให้ความรู้สึกแบบชวนให้คิดถึงอะไรที่มันลูกทุ่งบ้านๆหน่อย ห้ะ? แล้วนี่มันอะไรกันวะ? การบริการก็ดาดๆ เหล้าก็อุ่น โต๊ะก็สกปรก เสียอารมณ์หมดแล้วโว้ย”
แม้การบริการจะไม่ดี เหล้าอุ่น โต๊ะสกปรก แต่ทั้งหมดมันก็ให้บรรยากาศแบบบ้านๆ ผมแย้งอยู่ในหัว ตาแก่อาจจะคิดอย่างเดียวกันเหมือนกัน แต่ผมสัมผัสได้ถึงความเกลียดชัง อาฆาตจากชายแก่ที่เป็นเจ้าของบาร์
วูฟโฟเอตเบาเสียงแล้วกระซิบข้างหู
“……กระผมนำท่านมาผิดทาง ต้องขอประทานอภัยที่ทำให้ท่านต้องเห็นสิ่งไม่น่าดู มันคงจะดีกว่าหากท่านไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับคนๆนั้น”
“ไม่มีความจำเป็นต้องขอโทษไป ข้าเองนี่แหละที่แนะให้มาทางนี้ แต่ทำไมรึ? ชายคนนั้นเป็นผู้มีอำนาจหรือไง?”
“ยิ่งกว่าผู้มีอำนาจอีกครับ ลองดูที่หัวของเขาให้ดีสิครับ”
ขณะนั้นเองที่ผมสังเกตเห็น แม้จะสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของแมวเฒ่าแต่ผมกลับไม่สามารถสัมผัสอะไรได้จากเจ้าคนเกเรคนนั้นเลย ผมทำตามคำแนะนำของวูฟโฟเอตจึงเห็นเขาเล็กๆติดอยู่กับหัวชายคนนั้นเมื่อสังเกตอย่างดี
‘อาฮะ รู้แล้ว’
ผมเข้าใจแล้ว ผมไม่สามารถอ่านอารมณ์ของมนุษย์ นอกจากมนุษย์แล้วก็มีอีกเผ่าหนึ่งที่ผมไม่สามารถอ่านอารมณ์ได้เช่นกัน
“ผู้นั้นคือ ฝ่าบาท ลำดับ 72 จอมมาร อันโดรมาลิอุส(Rank 72nd, Demon Lord Andromalius)”
ว้าว นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอกับจอมมารตนอื่น
แต่
“อย่าเอาแต่ขอโทษด้วยคำพูดเด้ แสดงความจริงใจด้วย ความจริงใจของแกอะ! จากที่หวังไว้จากพวกมนุษย์แมว แกก็คงรู้ว่าควรจะร้องครางแบบแมวติดสัด ยังไง ใช่ไหม?”
อันโดรมาลิอุสเตะสีข้างของมนุษย์แมวแก่
……ท่าทางของเขานั้นมันไม่ต่างจากจิ๊กโก๋ข้างแถวบ้านด้วยซ้ำ
แม้ผมจะขาดความสูงส่งกับความทรนงในระดับที่น่าขายหน้าไปบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าอันโดรเมด้า เอ้ย เจ้าอันโดรมาลิอุส นี่ ดูเหมือนผมจะไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกอย่างนั้น ผมเห็นวูฟโฟเอตส่ายหน้าด้วย
“แม้จะเป็นบาร์โทรมๆแบบนี้ก็ยังมีหนึ่งหรือสององค์กรหนุนหลังพวกเขาอยู่ โดยปรกติแล้วการที่มาข่มเหงเจ้าของบาร์แบบนี้ พวกผู้สนับสนุนจะออกมาตอบโต้”
“แต่ที่ไม่ทำอะไรเพราะเขาเป็นจอมมาร?”
“ถูกต้องแล้ว”
วูฟโฟเอตส่ายหัวด้วยความผิดหวัง
“ฝ่าบาทอันโดรมาลิอุสนั้นอยู่ในเนฟเฮม และมักจะก่อเรื่องแบบนี้”
“เขาอยู่ที่นี่เหรอ? อ้าวแล้วปราสาทจอมมารล่ะ?”
“เขาทิ้งไว้ให้ลูกน้อง แล้วใช้เวลาไปกับการเที่ยวเล่นอยู่แถวนี้แทน มีข่าวลือว่า ปราสาทจอมมารของฝ่าบาทอันโดรมาลิอุสนั้นเป็นเหมือนถ่านหินขนาดใหญ่ มีก็อบลินเก็บเกี่ยวแร่เวทย์มนตร์ทำงานไม่หยุดและเขาก็ใช้เงินนั่นเพื่อทำให้ตัวเองอยู่อย่างสุขสบายกินอยู่หรูราในเนฟเฮมแห่งนี้”
โอ้ พระเจ้า พวกชั่วแบบคลาสสิก มีจอมมารแบบเขาด้วย
“เขามีความสุขไปกับคาสิโน ได้ยินว่า เขาผลาญเงิน10,000 โกลด์ภายในไม่กี่วัน แล้วก็อบลินในดันเจี้ยนของเขาก็จะขุดเหมืองทั้งวันทั้งคืนแล้วทำเงิน 10,000 โกลด์คืนมาให้”
“เศษขยะของขยะอีกทีจริงๆ”
“ประโยคนั้นคู่ควรกับเขาจริงๆ”
ในเกม , อันโดรมาลิอุสนั้นปรากฏตัวในแบบฝึกเล่น เขามีบทบาทที่จะถูกฟันตายใต้คมดาบตัวเอก เขามีเพียงก็อบลินอ่อนแอกลุ่มหนึ่งเป็นลูกน้อง และเขาถูกกำจัดโดยฮีโร่ เลเวล 1 แต่เอาจริงๆแล้ว เขาก็มีปูมหลังเนื้อเรื่องแบบนี้ด้วย ผมคิดว่า ผมเป็นจอมมารที่อ่อนแอที่สุดแล้ว แต่ดูเหมือนอย่างน้อยผมก็ยังเป็นชนชั้นสูงคนหนึ่ง
ถ้าเขายังมีชีวิต เขาก็จะให้ค่าประสบการณ์ฟรีๆกับฮีโร่ ดังนั้นไม่ดีกว่าหรือถ้าผมฆ่าเขาทิ้งก่อน? อีเว้นท์ของอันโดรมาลิแุสที่จะไปปลุกศักยภาพตัวเอกในฐานะฮีโร่จะได้ไม่เกิดขึ้น
‘สเตตัส’
ผมตัดสินใจเช็คสเตตัสของเขาดู
‘ฟุ ฮ่า!’
เขาแม่งอ่อนชิบหายเลย!
โอ้ ให้ตายเถอะ โกเลมระดับต่ำ เลเวล 1 ยังมีค่าสแตท 7/5/5 (HP/โจมตี/ป้องกัน) เพื่อให้เข้าใจง่าย อันโดรมาลิอุสนั้นต่ำกว่า โกเลมระดับต่ำเสียอีก แม้เขาจะเป็นจอมมาร ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม พลเมืองชาวเนฟเฮมถึงปล่อยให้ไอ้ระยำนี่ทำตามใจตัวเองได้แบบนั้น
“นี่ ทำไมพวกนายถึงปล่อยไอ้แมลงสาบแบบนั้นไว้ล่ะ?”
“ขอประทานอภัยนะครับ ฝ่าบาท แต่ถึงอย่างนั้นฝ่าบาทอันโดรมาลิอุสก็ยังคงเป็นจอมมาร”
“สิ่งที่ข้าจะสื่อก็คือ แม้จะเอาไอ้โง่ไปวางบนแท่นแบบนั้น เพียงเพราะเป็นจอมมารน่ะหรือ ไม่ว่าจะราชาหรือชาวบ้าน ก็ควรจะพิสูจน์คุณค่าตัวเองได้ ไอ้หมอนี่มันไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าขยะสารเลวที่ไม่ควรค่าต่อชื่อ จอมมารด้วยซ้ำ”
วูฟโฟเอฟเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
“……ท่านพูดถูกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น โดยธรรมชาติ เราชาวปีศาจไม่อาจต่อต้านจอมมารได้”
“โดยธรรมชาติ?”
“กระผมว่า ท่านคงไม่ตระหนักถึงเรื่องนั้น แต่ทันทีที่ปีศาจพยายามคุกคามจอมมาร พวกเขาจะได้รับประสบการณ์ที่เจ็บปวดอย่างมาก และความเจ็บปวดพวกนั้นรุนแรงจนขยับนิ้วยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”
ห้ะ อะไรนะ?
ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึง นั่นหมายความว่า จอมมารจะไม่ถูกห้ามในโลกปีศาจเลยสินะ? ไม่เพียงแต่มนุษย์ที่ไม่มีทางบุกเข้ามาโลกปีศาจ ต่อให้ทำแบบนั้นได้ ก็ยากที่เขาจะมาไกลเพื่อยึดเนฟเฮมนี่ได้
พูดง่ายๆคือ จอมมารที่แทบจะเป็นราชสกุลสูงส่งในหมู่โลกปีศาจ นี่ มีเซตติ้งแบบนี้ด้วยเหรอ? ขนาดผมเป็นแฟนตัวยง ยังไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย
‘อ้า……เดี๋ยวนะเหมือนผมนึกอะไรบางอย่างออก’
มีช่วงกลางๆท้ายๆบทของ มีอีเว้นท์หนึ่งที่ลูกน้องจอมมาร เข้าร่วมกับปาร์ตี้ตัวละครหลัก ซึ่งก็ค่อนข้างจะซ้ำซากอะนะ ที่มาตกหลุมรักตัวเอกขณะต่อสู้กัน แล้วลูกน้องคนนั้นก็สวยเสียด้วย
มันมีฉากที่ลูกน้องจอมมารคนนั้นร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสารแล้วบอกว่า
‘ร่างกายของฉันนี้ไม่อาจต่อต้านจอมมารได้’
ถึงอย่างนั้น ฮีโร่เองก็ใช้ตราทาสที่ทรงพลังเพื่อให้ลูกน้องคนนั้นเชื่อฟังคำสั่งเขาแต่ผู้เดียว หลังจากนั้นก็ อืม นั่นแหละ คนๆนั้นก็มอบร่างกายให้กับฮีโร่มีอะไรด้วย
‘นั่นคือ เหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงไม่สามารถขัดขืนสินะ’
เดิมผมเคยคิดง่ายๆว่า มันไม่น่าเชื่อนะว่าจะมีคำสาปอะไรที่ป้องกันไม่ให้ตัวเธอนั้น ตั้งตนเป็นศัตรูกับจอมมาร
ถึงเธอจะเป็นเพียงนางเอกระดับรอง ที่ผมไม่ได้ใส่ใจมากมายนัก แต่พอมามองย้อนกลับไปแล้ว นี่เป็นพล็อตสำคัญที่ซ่อนอยู่ในอีเว้นท์ของเธอเลย
‘อ๋อ อย่างนี้คือเองที่เป็นเหตุผลว่า ทำไมเผ่าก็อบลินถึงไม่สามารถขัดขืนผมได้เลย!’
ตอนที่ผมปราบปรามเผ่าก็อบลินรอบๆหมู่บ้านเกษตรกร พวกก็อบลินก็ล้มลงทันที ผมคิดว่าเป็นเพราะพวกโกเลมผมแข็งแกร่ง แต่ความจริงเป็นเพราะพวกมันไม่อาจขัดขืนเพราะผมเป็นจอมมาร
นี่เป็นข้อมูลที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นในหัว จำนวนแผนมากมายที่สามารถใช้ได้เพิ่มขึ้นทันที ตัวอย่างเช่น ถ้าหากเป็น เผ่าก็อบลิน ผมสามารถข่มขู่ให้ก็อบลิน ไปจู่โจมหมู่บ้านที่สั่งไว้ ยิ่งต่อต้านคำสั่งผม มันก็ยังโดนความเจ็บปวดบีบรัด มันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากรับฟังผมเพื่อเลี่ยงความเจ็บปวด
ฮ่าชชช ผมมาเมืองนี้เพื่อมาพักฟื้นตัวแต่ดูเหมือนผมจะได้ชิ้นส่วนข้อมูลที่สำคัญมากมาด้วย
“แม้แต่แมวเจ้าของบาร์นั้น ก็ยังมีพละกำลังที่เหนือกว่าฝ่าบาทอัลโดรมาลิอุส แต่ถึงอย่างนั้นเขาไม่มีทางเลือกนอกจากคุกเข่าลงและร้องขอการให้อภัย จอมมารเป็นตัวตนที่โหดร้ายเช่นนั้น ”
ผมสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังจากวูฟโฟเอต
ผมก็เช่นกัน ความรู้สึกอยากทำร้ายของมนุษย์แมวเฒ่าที่เข้ามา มากยิ่งกว่าทีผมมีต่ออันโดรมาลิอุส มันเป็นปกติที่ผมจะเฝ้ารอและสังเกตการณ์อย่างใจเย็น แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นไอ้สวะในหมู่สวะแบบนี้ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะต้องระงับอารมณ์ตัวเอง
“ข้าสงสัยน่ะ มีทางไหมที่ปีศาจจะต้องต่อต้านจอมมาร??”
“ในกรณีนี้ มีแค่ทางเลือก ผู้เดียวที่จะสามารถต่อต้านทำร้ายจอมมารได้มีเพียงจอมมารคนอื่น โอ้ แต่มนุษย์ผู้ต่ำต้อยก็สามารถที่จะทำร้ายฝ่าบาทได้เช่นกัน”
วูฟโฟเอตหัวเราะขึ้นมาใกล้เคียงกับการยิ้มเย้ยหยัน
“…….”
ผมครุ่นคิดอยู่สักครู่
จอมมารอันโดรมาลิอุสนั้นเป็นพวกตัวประกอบขยะที่โผล่มาในช่วงแบบฝึกของ เขานำกองกำลังทหารก็อบลินที่ไร้ความกลัวจู่โจมหมู่บ้านตัวเอกเข้า ผลที่ได้คือ พ่อแม่ และน้องสาวของตัวเอกโดนฆ่าล้างกันหมดหมู่บ้าน
นับเป็นโชคร้ายอย่างมากที่ตัวเอกของหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับดันเจี้ยนของแอนโดรมาลิอุส
นั่นเป็นอีเว้นท์ที่จะเกิดขึ้นก่อนเริ่มก่อน พูดอีกอย่างคือ เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกประมาณ 3 ปี ต่อจากนี้ หลังจากสูญเสียครอบครัวและหมู่บ้านไปกะทันหัน ตัวเอกก็ได้รับตัวมาจากปาร์ตี้ที่ชื่อว่า
『ปีกขาว』 และเขาได้รับการเลี้ยงดู ให้เติบโตขึ้นมาเป็นสมาชิกของปาร์ตี้ และมีพรรคพวก
7ปีต่อมา เขาได้บุกเข้าไปยังดันเจี้ยนจอมมารอันโดรมาลิอุส ตอนนั้นอันโดรมาลิอุสก็ไม่ต่างจากม็อบกากๆ แล้วก็โดนกำจัดไปโดยง่ายแบบนั้น
“วูฟโฟเอต จอมมารอันโดรมาลิอุสนั้นอยู่ใต้การคุ้มครองของฝ่ายไหนหรือเปล่า?”
“ไม่เลยครับ เขาไม่ได้รับการคุ้มครอง เช่นเดียวกับฝ่าบาทดันทาเลี่ยน บริษัทเคียนคุสก้าเคยให้กับสนับสนุนเขาช่วงหนึ่งแต่ตอนนี้พวกเราก็ได้เพิกถอนการสนับสนุนไปแล้ว”
หืมมม
“แล้วมีจอมมารตนอื่นที่ชื่นชอบหรือสนิทสนมกับอันโดรมาลิอุสไหม?”
“ไม่มีครับ แม้แต่ในหมู่จอมมารด้วยกัน อันโดรมาลิอุสนั้นเป็นจุดด่างพร้อย อย่างที่ฝ่าบาทดันทาเลี่ยนแสดงความเห็นก่อนหน้า เขาเป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่ง แต่ฝ่าบาท”
วูฟโฟเอตเอียงคอ
“อาจเป็นการไม่เคารพฝ่าบาทที่ถามเช่นนี้ แต่กระผมอยากทราบว่า เหตุใดฝ่าบาทถึงได้ถามเช่นนั้น?”
“ไม่มีอะไรพิเศษหรอก”
ผมหัวเราะเอิ้กอ้าก
“ข้าแค่คิดว่า คงน่าขันดีที่ได้รู้ว่า เจ้านั่นแม้จะหายไปก็ไม่มีใครสนใจอยู่ดี”
“……ฝ่าบาท”
เสียงของวูฟโฟเอตสูงขึ้นหนึ่งระดับด้วยความประหลาดใจ
“อย่าบอกนะขอรับว่า……?”
“เฮ้ย มองอะไรอยู่วะ! อ้าว นั่นมันลูกกระจ๊อกของหัวหน้าแก่ๆ บริษัทเคียนคุสก้าที่ยิ่งใหญ่นี่หว่า”
ณ ขณะนั้นเอง เสียงของอันโดรมาลิอุสก็ตรงมาหาเรา ความจริงทื่ว่าเราสองคนกระซิบกระซาบกันมันกวนใจเขา อันโดรมาลิอุสเตะหัวแมวเฒ่า ด้วยเท้ขวาก่อนจะลากเท้าเดินเข้ามาหาเรา
วูฟโฟเอตโค้งคำนับให้
“ขอทักทาย ฝ่าบาทอันโดรมาลิอุส”
“แกยังคงพูดแบบเป็นทางการจนน่ารังเกียจเลยว่ะ หา? มันคงลำบากมากสินะที่ต้องคอยตามตูดค้างคาวระยำนั่นทั้งวันทั้งคืนน่ะ
พอลองมาคิดๆดูแล้ว แกก็ค้างคาวระยำเหมือนกันนี่หว่า ใช่ไหม!?
แหม แหม แหม๋ ข้าลืมไปเลยว่ะ โทษ’ที พอพูดถึงแวมไพร์ที่มีนิสัยแบบค้างคาวระยำพวกนั้น แผลในใจแกคงปริแหละ ให้อภัยความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆนี่เนอะ? เนอะ?”
โว้ว ผมสัมผัสได้ถึงอารมณ์อันคุกรุ่นจากข้างๆผม วูฟโฟลเอตตอนนี้เดือดเป็นหม้อต้มน้ำที่เปิดไฟทิ้งไว้ทั้งชั่วโมงแล้ว
“……แน่นอนขอรับ ฝ่าบาท กระผมจะกล้าไปโต้แย้งต่อฝ่าบาทว่าทำผิดได้อย่างไรกัน”
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่สีหน้าก็แทบไม่เปลี่ยนไปเลยด้วยซ้ำ อย่างที่คาดหวังจากพ่อค้า ลาพิสก็เป็นเหมือนกันนี่นะ ที่เป็นพนักงานของเคียนคุสก้ามักจะสามารถควบคุมการแสดงออกทางสีหน้าได้ดี
เอ้ะ แต่เดี๋ยวก่อน ลาพิสไม่แสดงทางสีหน้ามาตั้งแต่แรกแล้วนี่
(TTL : ปากคอเราะร้ายนะ พรี่ดัน!)
“ช่าย ช่ายยยย ชีวิตมันก็เป็นแบบนั้นแหละ ฮะฮะ ? แกไม่ควรจะดูหมิ่นผู้อื่นเพียงเพราะมีอำนาจแค่เล็กน้อยนะ ไอ้ค้างคาวเฮงซวย ข้าก็จับตาดูแกมาสักพักแล้ว บุคลิกแกก็เน่าเฟะ แถมยังหยิ่งอีกต่างหาก นี่แกคิดจะดูถูกจอมมารเพียงเพราะมีเงินมีทองนิดๆหน่อยๆงั้นเรอะ? ห๊ะะะะ?”
“……กระผมจะจดจำไว้ขึ้นใจ”
อารมณ์ของวูฟโลเอตเปลี่ยนจากกาน้ำกลายเป็นหม้อต้มขนาดใหญ่
“แล้วไอ้หนุ่มข้างๆแกนั่นมันใครวะ? รูปร่างเหมือนไม้เสียบผี แถมยังสีหน้าหดหู่อีก ข้างในก็คงกลวงๆสินะ? หน้าตาเหมือนไอ้ฉลาดไหนสักตัว”
“นี่คือ ฝ่าบาทดันทาเลี่ยน เขาได้ท่องเที่ยวมาเพื่อร่วมงานราตรีวัลพูกีสที่จะถึงนี้ครับ”
“อะไรนะ? ฝ่าบาทเรอะ?”
ดวงตาของอัลโดนมาลิอุสเผยความระมัดระวังออกมาทันที เขารีบหันทั้งตัวมาหาผม แล้วส่งมือมาให้จับ
“อะแฮ่ม ต้องขออภัยด้วย ที่ข้าทำอะไรไม่สุภาพไป”
วิธีพูดเปลี่ยนไปทันที ผมอ่านอารมณ์เขาไม่ออกแต่บอกได้ว่า เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
อันโดรมาลิอุสนั้นเป็นจอมมาระดับต่ำที่สุด เขากลัวที่จะไปก่อเรื่องหน้าอายวุ่นวายให้กับจอมมารที่มีระดับสูงกว่าเขา
ผมจึงยิ้มและจับมือด้วย
“ไม่ต้องคิดมาก ข้าก็อยากพบท่านนานแล้ว ท่านอันโดรมาลิอุส แม้จะได้ยินชื่อเสียงของท่านอยู่บ่อยครั้ง แต่ข้าก็ดีใจที่ได้เจอกับท่านเช่นนี้”
“ชื่อเสียงแบบไหนกันน่ะ? เอ่อม ต้องขออภัย แต่……ข้าขอถามได้ไหม ว่าท่านอยู่ระดับไหน ท่านดันทาเลี่ยน ? คือข้าไม่ค่อยได้สนใจเรื่องของเพื่อนเผ่าเดียวกันสักเท่าไหร่ก็จริงแ ต่ข้ากลับจำท่านไม่ได้เลย ท่านดันทาเลี่ยน”
เอาจริงสิ? แม้ดูเหมือนเขาจะจำชื่อ พวกวงศ์วานเดียวกันไม่ได้ทั้งที่มีเพียง71ตน แต่ก็น่าประทับใจที่ยังมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนี้ หรือบางทีเพราะเขาเอาแต่อู้อยู่ที่ เนฟเฮมแล้วไม่กลับไปโลกมนุษย์เพราะรู้เรื่องนี้ก็ได้
“ช่างน่าอาย ระดับของข้านั้นอยู่ที่ 71.”
“อะไรนะ? ระดับ71?”
สีหน้าของอัลโดรมาลิอุสนั้นบิดเบี้ยว เพราะเขาเพิ่งรู้ว่า จอมมารอย่างผมนั้นอยู่เหนือเขาขึ้นไปเพียงระดับเดียว ท่าทางเลยเปลี่ยนไปโดยทันที
“ห้ะ แกก็แค่ขยะนี่หว่า!”