ถึงแม้การสงครามจบแล้วแต่ทุกคนก็ยังไม่ได้พัก นักรบเกราะทองแดงต่างเหนื่อยล้ามาก แต่ต้องแยกกำลังกันค้นหาทั่วภูเขาจั่งไป๋
พวกเขาเชื่อมั่นว่าราชันฟ้าที่เก้ายังมีชีวิตอยู่ ไม่แน่อาจจะได้รับบาดเจ็บและนอนพักอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของภูเขาเพื่อรอการช่วยเหลือ
ถึงทุกคนรู้ว่าโอกาสที่เขาจะรอดนั้นมีน้อยมากแต่หลังจากที่พวกเขาค้นหาทั่วหุบเขาค่ายกลดาบและไม่พบหลี่ว์ซู่ หลายคนจึงตระหนักว่าหลี่ว์ซู่อาจเจอเรื่องร้ายมากกว่าดี
การสำรวจแบบปูพรมดำเนินไปสามวันแต่ก็ไม่มีใครพบร่องรอยของหลี่ว์ซู่เลย
ถ้าพูดให้ถูกเพราะทุกคนเห็นข้อความสลักไว้บนต้นไม้ริมแม่น้ำทีจื่อว่า “ผู้ใดรุกล้ำเขตแดน ตายสถานเดียว” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋มั่นใจว่านั่นเป็นลายมือของหลี่ว์ซู่
มันต้องเป็นสิ่งที่หลี่ว์ซู่ทิ้งเอาไว้ให้กับหน่วยซุ่มจู่โจม ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่หุบเขานี้
ทุกคนเห็นหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ค่อยๆ เงียบลงและพูดน้อยลงเรื่อยๆ
เฉินจู่อานปลอบใจเสี่ยวอวี๋ด้วยความตื่นเต้น “เสี่ยวอวี๋อย่าเพิ่งคิดอะไรโง่ๆ นะ”
แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋กลับชำเลืองตามองเฉินจู่อานอย่างเย็นชา “หลี่ว์ซู่ไม่ได้ตายซะหน่อย เขาแค่ไปอีกโลกหนึ่ง”
“ใช่ๆๆ ” เฉินจู่อานพยักหน้าอย่างมั่นใจ “เขาจะอยู่ในใจพวกเราตลอดไป”
เจ้าอ้วน เสียชีวิต รวมอายุ 18 ปี
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่ถึงกับฆ่าเขาจริงๆ หรอกแค่ตบสั่งสอน หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดว่าอีกโลกหนึ่งนั้นเป็นเพราะเธอรู้ว่าหุบเขาค่ายกลดาบมีทางเข้าไปยังอีกโลกหนึ่ง ถ้าค้นหาศพของหลี่ว์ซู่ยังไม่เจอก็แสดงว่าเขาไปโลกของปรมาจารย์หุ่นเชิดแล้วยังไม่ตาย
สิ่งที่เธอหวังตอนนี้คือการตามหาปรมาจารย์หุ่นเชิดและสอบถามเรื่องให้กระจ่าง เธอเชื่อมั่นว่าคนอย่างหลี่ว์ซู่จะอยู่รอดได้ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะเป็นอย่างไร
เธออยู่กับเขามาแปดปี เธอเห็นมากับตาว่าเขาอยู่รอดในโลกที่ยากลำบากได้อย่างไร ดังนั้นหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จึงคิดว่าถ้าเขาอยากมีชีวิตต่อไปสิ่งที่ฆ่าเขาได้ก็มีเพียงตัวเขาเอง
เธอลองเรียกวิญญาณของหลี่ว์ซู่แต่ครั้งนี้ไม่มีเสียงตอบรับของแผนที่ดาราเลย
ในตอนนี้เอง เนี่ยถิงที่ดูเคร่งขรึมมาตลอดกลับเริ่มพาเหล่าสมาชิกเครือข่ายฟ้าดินนั่งอยู่บนหุบเขาระดมสมองว่าจะเปิดประตูไปยังอีกโลกหนึ่งได้อย่างไร
เมื่อก่อนเนี่ยถึงปิดผนึกที่นี่ไว้แล้วมาหน้าต่อเวรทุกเดือนก็เพราะกังวลว่าประตูบานนี้เปิดออกขึ้นเอง เพราะเขากังวลว่าสิ่งมีชีวิตและกลุ่มพลังที่อยู่หลังบานประตูนั้นจะรับมือยาก
ถ้าประตูบานนี้ไปอยู่ที่ประเทศอื่นเขาก็ไม่ตกใจหรอกแต่ทางผ่านประตูดันมาอยู่ที่ภูเขานี้
ดังนั้นเมื่อก่อนเป็นห่วงว่ามันจะเปิดเองแต่ตอนนี้กลับเป็นฝ่ายที่อยากจะเปิดประตู สมาชิกเครือข่ายฟ้าดินมากมายต่างหวังเดินทางไปอีกโลกหนึ่งเพื่อช่วยราชันฟ้าที่เก้า
ดังนั้นทุกคนจึงเห็นเนี่ยถิงยืนอยู่บนหน้าผาและตะโกน “โอเพ่น เซซามี” ใส่ท้องฟ้า เป็นภาพที่ไม่มีวันลืม…
นักรบเกราะทองแดงทุกคนรู้สึกว่าถ้าไม่ได้เห็นกับตาพวกเขาไม่มีทางเชื่อว่าเนี่ยถิงจะมีมุมไร้เดียงสาเช่นนี้ก็เพราะเหตุนี้ทุกคนจึงรู้ว่าเนี่ยถิงร้อนใจมากเพียงใด
หลี่ว์ซู่เป็นหนึ่งในผู้ที่สร้างความดีความชอบในสงครามครั้งนี้มากที่สุดแต่ตอนนี้ทุกคนกลับหาเขาไม่เจอ
หลังจากวุ่นวายกันสักพักทุกคนก็เริ่มยอมรับว่าหลี่ว์ซู่ได้เดินทางไปยังอีกโลกหนึ่ง ทุกคนไม่รู้ว่าโลกนั้นเรียกว่าอะไร ไม่รู้ว่าหลี่ว์ซู่จะเป็นอย่างไรบ้าง ไม่รู้ว่าที่นั่นมีหน้าร้อนหรือหน้าหนาวหรือไม่
ทุกคนต่างลำบากใจ เฉินจู่อานกลับถึงเมืองลั่วเฉิงแล้วก็มักจะนั่งเหม่อบ่อยๆ เฉิงชิวเฉี่ยวก็กลายเป็นเด็กโดดเรียนมานั่งเหม่อกลับเฉินจู่อานบ่อยๆ
ถ้ามีคนเผลอหลุดปากว่าราชันฟ้าที่เก้าเป็นอย่างไรบ้างก็จะเกิดความเงียบขึ้นในทันที
ภาพวาดในระเบียงทางเดินของแต่ละวิทยาลัยต่างมีภาพของหลี่ว์ซู่เข้าไปใส่ ในประวัติของราชันฟ้าที่เก้า มีข้อความเพิ่มเติมไปว่า ในสงครามป้อมปราการหลังพยัคฆ์ ราชันฟ้าที่เก้าขี่มังกรเข้าร่วมรบ หนึ่งกระบี่สังหารศัตรูนับพัน
ฮุ่นตุ้นไม่ได้ตามหลี่ว์เสี่ยวอวี๋กลับเมืองลั่วเฉิว มันอาศัยอยู่บนต้นไม้โลกแล้วไม่เชื่อฟังใครทั้งสิ้น
ฮุ้นตุ๋นเป็น “มังกรในเหตุการณ์” ที่เห็นทุกสิ่งในตอนนั้น มีคนพยายามลองสื่อสารกับมัน ในตอนแรกทุกคนกังวลว่าจะฟังภาษามันไม่เข้าใจ แต่สุดท้ายมันก็ไม่เอ่ยปากพูดอะไรเลย
เรากลับเรื่องของหลี่ว์ซู่ที่เกิดขึ้นบนหุบเขาค่ายกลดาบมีความลับอะไรซ่อนอยู่ ดังนั้นมันจึงไม่ยอมพูดอะไรเพื่อปกป้องเจ้านายแม้แต่เสียงร้องหงิงๆๆ ก็ไม่พูดออกมาเหมือนกับกำลังฝึกสมาธิปิดปาก
ส่วนคอรัล… ได้ซื้อภูเขาลูกหนึ่งในภูเขาจั่งไป๋และพาคนจากเผ่าเทพยุโรปเหนือมาสร้างบ้านอาศัยอยู่ที่นั่น
เครือข่ายฟ้าดินและเผ่าเทพยุโรปเหนือประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตร จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ทุกคนต่างรู้สึกว่าหลี่ว์ซู่ยังไม่ตาย พวกเขายอมเชื่อว่าหลี่ว์ซู่ยังไม่ตายและทุกคนต่างรอวันที่ราชันฟ้าที่เก้ากลับมา
อาณาจักรมืดล่มสลายลง หลังจากสงครามนี้หลี่เสียนอีเข้าจัดการอาณาจักรมืดของมูลนิธิ แต่ที่จริงเขารู้ดีว่าไม่มีอุดมคติอะไรที่สามารถอยู่ได้ยืนยง
วันใหม่มาเยือน การเรียนการสอนของวิทยาลัยลั่วเสินกลับมาดำเนินตามปกติแต่เหมือนมีบางอย่างแตกต่างไป
นักศึกษาทุกคนต่างถามว่าวิชาของใต้เท้าหลี่ว์จะทำอย่างไร และแล้วคำตอบของจงอวี้ถังคือจะดำเนินต่อและจะหาอาจารย์คนใหม่มาแทน
ทุกคนต่างไม่พอใจ ภูเขาหญ้าบอกว่าพ่อเขาอยากให้ไปเท้าหลี่ว์มาสอนมากกว่า เครือข่ายฟ้าดินจะต้องพาตัวเขากลับมา
ให้ตอนนี้เอง นักศึกษาหลายคนแอบลงมติเป็นเอกฉันท์ไม่ว่าใครมาสอนก็จะไม่เห็นด้วย วิชานี้ต้องให้ใต้เท้าหลี่ว์สอนเท่านั้น คนใครมาสอนได้ไม่ดีเท่า
ถึงตอนนั้นถ้ามีคนอื่นมาสอน พวกเขาก็จะโห่ร้องขับไล่!
แต่ไม่รู้ว่าใครจะมารับช่วงสอนวิชานี้ วิชาของใต้เท้าหลี่ว์จะรับสอนง่ายๆ ได้หรือ
ห้าโมงเย็น ที่ลานฝึกซ้อมมีคนมากมายล้นหลาม ทุกคนต่างรอการมาถึงของอาจารย์คนใหม่ อยากจะใช้วิธีพิเศษเพื่อรำลึกถึงราชันฟ้าที่เก้า
ที่จริงพวกนักศึกษารู้ว่าทำเช่นนี้ไม่ถูกแต่ในใจพวกเขามีอัดอั้นใจที่อยากระบาย แล้วผู้ที่เป็นแกนนำก็คือ…หลิวหลี่
เมื่อถึงเวลาห้าโมงเย็น ทุกคนต่างตกใจที่เห็นหญิงสาวที่ซูบผอมลงคนหนึ่งเดินออกมาจากฝูงชนไปทางข้างหน้า
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เดินมาข้างหน้าฝูงชนและหันหลังมามองทุกคนอย่างสงบ “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันจะมาสอนแทน แล้วจะสอนแทนไปจนกว่าหลี่ว์ซู่จะกลับมา”
นักศึกษาต่างโหวกเหวกเสียงดังขึ้นในทันที ถ้าคนอื่นมาพวกเขาก็จะประท้วงจริงๆ แต่เมื่อเป็นหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ทุกคนก็ไม่ประท้วง
ยังไม่พูดถึงคนที่เสียใจที่สุดหลังจากหลี่ว์ซู่หายตัวไป พูดถึงพลังการต่อสู้ ตอนนี้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋มีวิญญาณของหัวหน้าบาทหลวงที่มีพลังระดับ a ทุกคนจึงยอมรับและเห็นด้วยเป็นเอกฉันท์
นักศึกษาแถวหน้าอดไม่ได้จึงถามว่า “ใต้เท้าหลี่ว์ซู่จะกลับมาได้ไหม”
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ยืนอยู่ด้านหน้าฝูงชนมากมายและพูดอย่างมั่นใจว่า “จะต้องกลับมาแน่นอน”