ในตอนที่วาคามิยะบอกว่า “ฉันอยากตอบแทนบุญคุณ” คำพูดเหล่านี้ก็ล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น
ยังไม่พอนะสายตาที่เธอมองมาที่ผมมันก็เย้ายวนใจซะเหลือเกิน
ราวกับว่าสิ่งเหล่านี้กำลังพยายามที่จะกลืนกินผม หากผมเผลอสักนิดละก็คงเป็นอันจบสิ้น
หากเจอคอมโบแบบนี้ไปก็ทำเอาผมอยากที่จะจำนนต่อความรู้สึกของตนเองแล้วคล้อยตามไปกับเธอ
แต่ว่านะ—
“ไม่ เธอไม่ต้องทำอะไรแบบนั้นหรอก..”
ผมพยายามพูดออกมาแบบเคร่งขรึมที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ดูเหมือนวาคามิยะจะไม่พอใจในคำตอบของผมเธอจึงทำหน้ามุ่ยออกมาเล็กน้อยแล้วพูดออกมาห้วนๆว่า
“ไม่ค่ะ ฉันจะทำ”
“อยากตอบแทนบุญคุณขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ใช่ ในเมื่อฉันได้รับมาฉันก็ต้องตอบแทนค่ะ เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอคะ”
“อืม ฉันพอจะเข้าใจแล้วละ…งั้น”
ผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูเวลาซึ่งในตอนนี้ก็เป็นเวลา 4ทุ่มครึ่งแล้ว
“เราก็คุยไปเดินไปในระหว่างที่เดินกลับบ้านดีกว่าเนอะ ถ้ายืนคุยกันที่นี่มันก็ออกจะแปลกๆด้วย”
“ทำไมอ่ะ?”
“นี่เธอไม่ได้ดูสภาพรอบๆตัวเลยรึไง!!”
หนุ่มสาวที่ยืนอยู่ด้วยกันในตรอกซอยที่มืดสลัวอีกทั้งยังเป็นกลางค่ำกลางคืนอีก
จะคิดยังไงสถานการณ์แบบนี้มันก็ไม่ดีต่อตัวผมเลย
หลังจากที่วาคามิยะเข้าใจในสิ่งที่ผมอยากจะสื่อใบหน้าของเธอก็ค่อยๆถูกย้อมไปด้วยสีแดง
“มันก็ดึกแล้วด้วยสิเราเดินไปคุยไปก็ได้เดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าเรามาทำอะไรแปลกๆกันซึ่งมันก็จะเป็นการรบกวนเธอด้วยใช่มั้ยละ”
“คุยในระหว่างทางกลับบ้านงั้นเหรอ? ไม่อ่ะ คุณไม่จำเป็นต้องมาส่งฉันที่บ้านหรอก”
ถึงเธอจะไม่ได้ปล่อยออร่าหวาดระแวงใดๆออกมาก็เถอะแต่ว่าผมก็ยังคงสังเกตเห็นว่าเธอยังมีการระมัดระวังอยู่เล็กๆน้อยๆ
–สถานที่ที่เธอควรระวังที่สุดควรจะเป็นสถานที่แบบนี้ไม่ใช่เหรอไหงถึงเป็นบ้านได้ฟะ
แต่ก็นะ..
“ช่วยเข้าใจหน่อยเถอะ วาคามิยะซัง นี่มันก็ดึกแล้วนะมันจะอันตรายด้วยถ้าเธอเดินกลับคนเดียวและอีกอย่างนะการที่เธอยืนรอในสถานที่แบบนี้มันก็เสี่ยงเหมือนกัน”
“จริงด้วย…ลืมคิดไปเลยแฮะ”
“เฮ้ออ งั้นระหว่างนี้ก็โทรไปบอกผู้ปกครองเธอด้วยเดี๋ยวพวกเขาจะเป็นห่วงเอา”
“ได้”
วาคามิยะหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาผู้ปกครองตามที่ผมบอกเธอไป มันคงจะเป็นการเสียมารยาทถ้าผมไปฟังการสนทนาของเธอผมจึงขยับออกมาเล็กน้อยและรอจนกว่าเธอจะโทรเสร็จ ดูเหมือนว่าจะมีช่วงที่วาคามิยะสะดุ้งด้วย…เธอคงจะโดนพ่อแม่สวดยับแน่ๆ
“ฉันโดนดุด้วยอ่าาา…”
“ไม่แปลกหรอก ก็เธอไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อนไงทำตัวเองทั้งนั้น”
“ไหงคุณถึงมาดุฉันด้วยเนี่ย..”
“งั้นเราไปกันเถอะ ถ้าบ้านเธออยู่ไม่ห่างจากฉันมากก็บอกนะ ฉันจะได้ไปส่ง”
ผมไม่อยากให้เธอคิดว่าผมเป็นพวกโรคจิตสตอล์กเกอร์ที่อยากรู้จักบ้านของเธอ ผมจึงพูดไปว่า ‘ถ้าบ้านอยู่ไม่ห่างกันมาก’
คำพูดแบบนี้คงจะทำให้วาคามิยะรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเพราะพวกเราไม่ค่อยสนิทกันมันคงจะเป็นเรื่องยากถ้าเธอจะเดินไปกับผม
“ฉันไม่กล้ารบกวนคุณขนาดนั้นหรอก….ก็บ้านของฉันมันค่อนข้างไกลจากที่นี่เลยน่ะสิ..”
“แล้วเธอจะกลับไง”
“ด..เดิน”
วาคามิยะตอบออกมาด้วยท่าทีงุ่มง่าม ดูจากสีหน้าของเธอแล้วเหมือนว่าเธอจะรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
อาจจะเป็นเพราะเธอบอกว่าจะเดินกลับบ้านคนเดียวทั้งๆที่มีคนพยายามจะเดินไปส่งเธอด้วยเหตุนี้ละมั้งเธอเลยรู้สึกผิด
“ถ้ายังอยู่ที่นี่จะแย่เอา…เราไปกันเถอะ”
“ค่ะ…”
วาคามิยะเดินตามผมมาด้วยใบหน้าที่ยังคงรู้สึกผิด เธอเดินเว้นระยะห่างจากผมไปเล็กน้อยแต่มันก็คงเป็นเรื่องปกติเพราะพวกเราไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้นแม้แต่เพื่อนก็ยังไม่ใช่เลย
พอเดินไปสักพักวาคามิยะก็เอ่ยปากพูดออกมาว่า
“หลังจากนี้ฉันต้องไปทางขวาค่ะจากนั้นก็เลี้ยวซ้าย”
และเมื่อเราเดินเข้ามาใกล้อพาร์ทเม้นท์ที่สูงตระหง่านที่ดูเหมือนจะเพิ่งสร้างเสร็จช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ วาคามิยะก็ได้หยุดเดิน
“เอ่อ คือ ตรงนี้ฉันเดินกลับเองได้ค่ะ ฉันอาศัยอยู่ที่อาร์ทเม้นท์ตรงนั้นแหละค่ะ”
“อ๋อ”
วาคามิยะชี้ไปทางอพาร์เม้นท์ที่สูงตระหง่านนั่น
จริงๆเธอไม่ต้องบอกก็ได้ว่าเธออาศัยอยู่อพาร์ทเม้นท์ตรงนั้น เธอควรจะระมัดระวังให้มากกว่านี้สิแล้วยิ่งเป็นคนที่เพิ่งจะเจอด้วย
แต่ว่าผมเองก็อาศัยอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ใกล้ๆแถวนี้ด้วยเดินไปอีกไม่ไกลก็ถึงแล้วละ ที่นั่นผมอาศัยอยู่กับพ่อซึ่งพ่อของผมนั้นนานๆทีจะกลับมาบ้านครั้งนึง พอเอาอพาร์ทเม้นท์ที่ผมอยู่มาเทียบกับที่วาคามิยะอยู่นั้น สภาพมันต่างกันราวฟ้ากับเหว
“วันนี้ช่วยได้มากจริงๆ ฉัน…”
“อ่า..ไม่เป็นไรหรอก ที่ฉันทำไปเพราะอยากทำน่ะ”
“แต่ถึงอย่างนั้นก็ขอขอบคุณมากนะคะ”
เธอกล่าวออกมาอย่างตรงไปตรงมาด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะและนี่ก็คงจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วสินะที่ผมจะได้ฟังมัน
เมื่อความคิดแบบนี้เข้ามาในหัวผมมันทำเอาผมไม่อยากแยกจากเธ…
“อย่างน้อยก็ขอให้ฉันได้ตอบแทน–“
“ไม่อ่ะ”
ผมพูดแทรกวาคามิยะเพราะว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“ถ้าเธอจะตอบแทนฉันเพราะตัวเองรู้สึกผิด เธอไม่ต้องทำก็ได้”
“เอ่อคือ….ฉันไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นนะคะ..”
วาคามิยะพูดออกมาด้วยความลังเลจากนั้นผมก็พูดต่อ
“ฉันบอกไปแล้วนะว่าไม่เป็นไร ฉันไม่ได้ต้องการคำขอบคุณเลยและฉันเองก็ไม่ได้ร้องขอ ฉันทำไปเพราะฉันแค่อยากทำ มันเป็นแค่ความต้องการของฉันล้วนๆ”
“อย่างนั้นเองเหรอ”
“ใช่ แต่ถ้าเธอยังยืนยันที่จะตอบแทน ฉันได้รับมามากพอแล้วละเพราะฉันได้ใช้เวลาอยู่กับสาวสวยอันดับ1ของโรงเรียน ไอ้พวกผู้ชายที่อยู่กลุ่ม D ต้องคลั่งแน่ๆถ้าพวกนั้นได้รู้เรื่องนี้แล้วเธอรู้อะไรไหม จริงๆฉันควรจะเป็นฝ่ายตอบแทนด้วยซ้ำ”
“….”
พอวาคามิยะได้ยินแบบนั้นเธอก็สตั๊นไปเลย
ผมไม่รู้เลยนะว่าทำไมเธอถึงดึงดันที่จะตอบแทนขนาดนั้นจนถึงขั้นที่ว่ายืนรอผมจนดึกดื่นหรือว่าเธอคงไม่อยากติดหนี้บุญคุณคนอื่นอะไรแบบนั้นละมั้ง
ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าจะมีคนที่ยอมทุ่มเทขนาดนี้เพื่อตอบแทนเพียงเพราะติดหนี้บุญคุณผมรู้ว่าแต่ละคนไม่เหมือนกันแต่ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะขนาดนี้
หรือว่าบางทีอาจจะมีพวกผู้ชายมาสร้างหนี้บุญคุณให้เธอเพื่อที่จะเข้าหาถ้าแบบนี้ก็ไม่แปลกหรอกเพราะวาคามิยะเป็นคนที่สวยด้วยสิแต่นี่น่ะเป็นเพียงแค่ความคิดของผมเพราะงั้น…
ผมจึงทำได้เพียงแค่พูดให้เธอไม่ต้องคิดมากประมาณว่า ‘ฉันได้รับมาแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องตอบแทน มันมากเกินไปด้วยซ้ำ’ อะไรทำนองนี้จากนั้นผมก็จะสามารถตีตัวออกห่างเธอได้
“แล้วเรื่องเมื่อตอนกลางวันละคะ? ฉันจะตอบแทนยังไงดี? ฉันไม่รู้ราคาของมันด้วยสิ วันนี้ฉันก็ไม่ได้พกเงินมาด้วยสิ เพราะงั้นถ้าหากเป็นสิ่งที่ฉันทำได้..ฉัน..”
“ม-ไม่ต้องก็ได้”
“อ่าคือ…ใช่!!..ฉันได้ใช้เวลาทานอาหารร่วมกับสาวสวยไง จากมุมของฉัน ฉันได้มามากพอแล้ว…”
“WIN-WIN ทั้งคู่สินะคะ อืมม…ถ้างั้นก็ขอบคุณมากนะคะ”
หลังจากที่วาคามิยะพึมพำออกมาเชิงรู้สึกผิดเล็กน้อย เธอก็ปรับเปลี่ยนกิริยาท่าทางแล้วมองมาที่ผม
วาคามิยะนั้นเป็นคนฉลาดดังนั้นเธอน่าจะพอเข้าใจคร่าวๆแล้วว่าผมอยากจะสื่ออะไรแต่เอาเถอะจะยังไงก็ช่าง
“ฉันเองก็ด้วย ขอบคุณมากๆเลยนะ”
ผมพูดพร้อมโค้งศีรษะอย่างสุภาพเพื่อให้ดูเหมือนว่ากำลังขอบคุณ
จากนั้นผมก็ยิ้มแล้วหันหลังให้เธอพร้อมทิ้งประโยคสั้นๆเอาไว้
“แล้วเจอกัน”
พอพูดเสร็จผมก็เดินไปทิศตรงกันข้ามกับอพาร์ทเม้นท์ของเธอ
ผมยังคงเดินต่อไปโดยไม่หันหลังกลับไปมองเพราะท้ายที่สุดความสัมพันธ์ของพวกเราก็คงจะจบลงแค่นี้ ที่พวกเราได้พบกันพูดคุยกันหรือจะเป็นการมาส่งเธอถึงที่พักอาศัยทั้งหมดนี้มันก็แค่เรื่องบังเอิญ
ผมมั่นใจว่าต่อจากนี้ไปพวกเราจะเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าเพราะงั้นผมจึงไม่มีการตั้งความหวังแปลกๆเอาไว้
ผมพูดย้ำกับตัวเองแบบนั้นอยู่หลายครั้งพอรู้ตัวสุดท้ายก็กลับมาถึงบ้านของตัวเองจนดึกดื่น
********
หลังจากที่แปลมา 3 ตอน ความรู้สึกของผมผมว่าเรื่องนี้ก็เป็นแนวเลิฟคอมทั่วๆไปไม่มีอะไรเด่น แต่ส่วนตัวผมก็ชอบแนวนี้ที่ได้เห็นตัวละครค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์หรือไปในทิศทางไหนมันชวนให้รู้สึกหงุดหงิดและเอาใจช่วยไปในตัวด้วย55