ไหงดาวโรงเรียนถึงชอบมาห้องของผมละเนี่ย – ตอนที่ 3 เทพธิดากับการตอบแทน

ไหงดาวโรงเรียนถึงชอบมาห้องของผมละเนี่ย

ในตอนที่วาคามิยะบอกว่า “ฉันอยากตอบแทนบุญคุณ” คำพูดเหล่านี้ก็ล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น

ยังไม่พอนะสายตาที่เธอมองมาที่ผมมันก็เย้ายวนใจซะเหลือเกิน

ราวกับว่าสิ่งเหล่านี้กำลังพยายามที่จะกลืนกินผม หากผมเผลอสักนิดละก็คงเป็นอันจบสิ้น

หากเจอคอมโบแบบนี้ไปก็ทำเอาผมอยากที่จะจำนนต่อความรู้สึกของตนเองแล้วคล้อยตามไปกับเธอ

แต่ว่านะ—

“ไม่ เธอไม่ต้องทำอะไรแบบนั้นหรอก..”

ผมพยายามพูดออกมาแบบเคร่งขรึมที่สุดเท่าที่จะทำได้

แต่ดูเหมือนวาคามิยะจะไม่พอใจในคำตอบของผมเธอจึงทำหน้ามุ่ยออกมาเล็กน้อยแล้วพูดออกมาห้วนๆว่า

“ไม่ค่ะ ฉันจะทำ”

“อยากตอบแทนบุญคุณขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ใช่ ในเมื่อฉันได้รับมาฉันก็ต้องตอบแทนค่ะ เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอคะ”

“อืม ฉันพอจะเข้าใจแล้วละ…งั้น”

ผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูเวลาซึ่งในตอนนี้ก็เป็นเวลา 4ทุ่มครึ่งแล้ว

“เราก็คุยไปเดินไปในระหว่างที่เดินกลับบ้านดีกว่าเนอะ ถ้ายืนคุยกันที่นี่มันก็ออกจะแปลกๆด้วย”

“ทำไมอ่ะ?”

“นี่เธอไม่ได้ดูสภาพรอบๆตัวเลยรึไง!!”

หนุ่มสาวที่ยืนอยู่ด้วยกันในตรอกซอยที่มืดสลัวอีกทั้งยังเป็นกลางค่ำกลางคืนอีก

จะคิดยังไงสถานการณ์แบบนี้มันก็ไม่ดีต่อตัวผมเลย

หลังจากที่วาคามิยะเข้าใจในสิ่งที่ผมอยากจะสื่อใบหน้าของเธอก็ค่อยๆถูกย้อมไปด้วยสีแดง

“มันก็ดึกแล้วด้วยสิเราเดินไปคุยไปก็ได้เดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าเรามาทำอะไรแปลกๆกันซึ่งมันก็จะเป็นการรบกวนเธอด้วยใช่มั้ยละ”

“คุยในระหว่างทางกลับบ้านงั้นเหรอ? ไม่อ่ะ คุณไม่จำเป็นต้องมาส่งฉันที่บ้านหรอก”

ถึงเธอจะไม่ได้ปล่อยออร่าหวาดระแวงใดๆออกมาก็เถอะแต่ว่าผมก็ยังคงสังเกตเห็นว่าเธอยังมีการระมัดระวังอยู่เล็กๆน้อยๆ

–สถานที่ที่เธอควรระวังที่สุดควรจะเป็นสถานที่แบบนี้ไม่ใช่เหรอไหงถึงเป็นบ้านได้ฟะ

แต่ก็นะ..

“ช่วยเข้าใจหน่อยเถอะ วาคามิยะซัง นี่มันก็ดึกแล้วนะมันจะอันตรายด้วยถ้าเธอเดินกลับคนเดียวและอีกอย่างนะการที่เธอยืนรอในสถานที่แบบนี้มันก็เสี่ยงเหมือนกัน”

“จริงด้วย…ลืมคิดไปเลยแฮะ”

“เฮ้ออ งั้นระหว่างนี้ก็โทรไปบอกผู้ปกครองเธอด้วยเดี๋ยวพวกเขาจะเป็นห่วงเอา”

“ได้”

วาคามิยะหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาผู้ปกครองตามที่ผมบอกเธอไป มันคงจะเป็นการเสียมารยาทถ้าผมไปฟังการสนทนาของเธอผมจึงขยับออกมาเล็กน้อยและรอจนกว่าเธอจะโทรเสร็จ ดูเหมือนว่าจะมีช่วงที่วาคามิยะสะดุ้งด้วย…เธอคงจะโดนพ่อแม่สวดยับแน่ๆ

“ฉันโดนดุด้วยอ่าาา…”

“ไม่แปลกหรอก ก็เธอไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อนไงทำตัวเองทั้งนั้น”

“ไหงคุณถึงมาดุฉันด้วยเนี่ย..”

“งั้นเราไปกันเถอะ ถ้าบ้านเธออยู่ไม่ห่างจากฉันมากก็บอกนะ ฉันจะได้ไปส่ง”

ผมไม่อยากให้เธอคิดว่าผมเป็นพวกโรคจิตสตอล์กเกอร์ที่อยากรู้จักบ้านของเธอ ผมจึงพูดไปว่า ‘ถ้าบ้านอยู่ไม่ห่างกันมาก’

คำพูดแบบนี้คงจะทำให้วาคามิยะรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเพราะพวกเราไม่ค่อยสนิทกันมันคงจะเป็นเรื่องยากถ้าเธอจะเดินไปกับผม

“ฉันไม่กล้ารบกวนคุณขนาดนั้นหรอก….ก็บ้านของฉันมันค่อนข้างไกลจากที่นี่เลยน่ะสิ..”

“แล้วเธอจะกลับไง”

“ด..เดิน”

วาคามิยะตอบออกมาด้วยท่าทีงุ่มง่าม ดูจากสีหน้าของเธอแล้วเหมือนว่าเธอจะรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

อาจจะเป็นเพราะเธอบอกว่าจะเดินกลับบ้านคนเดียวทั้งๆที่มีคนพยายามจะเดินไปส่งเธอด้วยเหตุนี้ละมั้งเธอเลยรู้สึกผิด

“ถ้ายังอยู่ที่นี่จะแย่เอา…เราไปกันเถอะ”

“ค่ะ…”

วาคามิยะเดินตามผมมาด้วยใบหน้าที่ยังคงรู้สึกผิด เธอเดินเว้นระยะห่างจากผมไปเล็กน้อยแต่มันก็คงเป็นเรื่องปกติเพราะพวกเราไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้นแม้แต่เพื่อนก็ยังไม่ใช่เลย

พอเดินไปสักพักวาคามิยะก็เอ่ยปากพูดออกมาว่า

“หลังจากนี้ฉันต้องไปทางขวาค่ะจากนั้นก็เลี้ยวซ้าย”

และเมื่อเราเดินเข้ามาใกล้อพาร์ทเม้นท์ที่สูงตระหง่านที่ดูเหมือนจะเพิ่งสร้างเสร็จช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ วาคามิยะก็ได้หยุดเดิน

“เอ่อ คือ ตรงนี้ฉันเดินกลับเองได้ค่ะ ฉันอาศัยอยู่ที่อาร์ทเม้นท์ตรงนั้นแหละค่ะ”

“อ๋อ”

วาคามิยะชี้ไปทางอพาร์เม้นท์ที่สูงตระหง่านนั่น

จริงๆเธอไม่ต้องบอกก็ได้ว่าเธออาศัยอยู่อพาร์ทเม้นท์ตรงนั้น เธอควรจะระมัดระวังให้มากกว่านี้สิแล้วยิ่งเป็นคนที่เพิ่งจะเจอด้วย

แต่ว่าผมเองก็อาศัยอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ใกล้ๆแถวนี้ด้วยเดินไปอีกไม่ไกลก็ถึงแล้วละ ที่นั่นผมอาศัยอยู่กับพ่อซึ่งพ่อของผมนั้นนานๆทีจะกลับมาบ้านครั้งนึง พอเอาอพาร์ทเม้นท์ที่ผมอยู่มาเทียบกับที่วาคามิยะอยู่นั้น สภาพมันต่างกันราวฟ้ากับเหว

“วันนี้ช่วยได้มากจริงๆ ฉัน…”

“อ่า..ไม่เป็นไรหรอก ที่ฉันทำไปเพราะอยากทำน่ะ”

“แต่ถึงอย่างนั้นก็ขอขอบคุณมากนะคะ”

เธอกล่าวออกมาอย่างตรงไปตรงมาด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะและนี่ก็คงจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วสินะที่ผมจะได้ฟังมัน

เมื่อความคิดแบบนี้เข้ามาในหัวผมมันทำเอาผมไม่อยากแยกจากเธ…

“อย่างน้อยก็ขอให้ฉันได้ตอบแทน–“

“ไม่อ่ะ”

ผมพูดแทรกวาคามิยะเพราะว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

“ถ้าเธอจะตอบแทนฉันเพราะตัวเองรู้สึกผิด เธอไม่ต้องทำก็ได้”

“เอ่อคือ….ฉันไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นนะคะ..”

วาคามิยะพูดออกมาด้วยความลังเลจากนั้นผมก็พูดต่อ

“ฉันบอกไปแล้วนะว่าไม่เป็นไร ฉันไม่ได้ต้องการคำขอบคุณเลยและฉันเองก็ไม่ได้ร้องขอ ฉันทำไปเพราะฉันแค่อยากทำ มันเป็นแค่ความต้องการของฉันล้วนๆ”

“อย่างนั้นเองเหรอ”

“ใช่ แต่ถ้าเธอยังยืนยันที่จะตอบแทน ฉันได้รับมามากพอแล้วละเพราะฉันได้ใช้เวลาอยู่กับสาวสวยอันดับ1ของโรงเรียน ไอ้พวกผู้ชายที่อยู่กลุ่ม D ต้องคลั่งแน่ๆถ้าพวกนั้นได้รู้เรื่องนี้แล้วเธอรู้อะไรไหม จริงๆฉันควรจะเป็นฝ่ายตอบแทนด้วยซ้ำ”

“….”

พอวาคามิยะได้ยินแบบนั้นเธอก็สตั๊นไปเลย

ผมไม่รู้เลยนะว่าทำไมเธอถึงดึงดันที่จะตอบแทนขนาดนั้นจนถึงขั้นที่ว่ายืนรอผมจนดึกดื่นหรือว่าเธอคงไม่อยากติดหนี้บุญคุณคนอื่นอะไรแบบนั้นละมั้ง

ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าจะมีคนที่ยอมทุ่มเทขนาดนี้เพื่อตอบแทนเพียงเพราะติดหนี้บุญคุณผมรู้ว่าแต่ละคนไม่เหมือนกันแต่ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะขนาดนี้

หรือว่าบางทีอาจจะมีพวกผู้ชายมาสร้างหนี้บุญคุณให้เธอเพื่อที่จะเข้าหาถ้าแบบนี้ก็ไม่แปลกหรอกเพราะวาคามิยะเป็นคนที่สวยด้วยสิแต่นี่น่ะเป็นเพียงแค่ความคิดของผมเพราะงั้น…

ผมจึงทำได้เพียงแค่พูดให้เธอไม่ต้องคิดมากประมาณว่า ‘ฉันได้รับมาแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องตอบแทน มันมากเกินไปด้วยซ้ำ’ อะไรทำนองนี้จากนั้นผมก็จะสามารถตีตัวออกห่างเธอได้

“แล้วเรื่องเมื่อตอนกลางวันละคะ? ฉันจะตอบแทนยังไงดี? ฉันไม่รู้ราคาของมันด้วยสิ วันนี้ฉันก็ไม่ได้พกเงินมาด้วยสิ เพราะงั้นถ้าหากเป็นสิ่งที่ฉันทำได้..ฉัน..”

“ม-ไม่ต้องก็ได้”

“อ่าคือ…ใช่!!..ฉันได้ใช้เวลาทานอาหารร่วมกับสาวสวยไง จากมุมของฉัน ฉันได้มามากพอแล้ว…”

“WIN-WIN ทั้งคู่สินะคะ อืมม…ถ้างั้นก็ขอบคุณมากนะคะ”

หลังจากที่วาคามิยะพึมพำออกมาเชิงรู้สึกผิดเล็กน้อย เธอก็ปรับเปลี่ยนกิริยาท่าทางแล้วมองมาที่ผม

วาคามิยะนั้นเป็นคนฉลาดดังนั้นเธอน่าจะพอเข้าใจคร่าวๆแล้วว่าผมอยากจะสื่ออะไรแต่เอาเถอะจะยังไงก็ช่าง

“ฉันเองก็ด้วย ขอบคุณมากๆเลยนะ”

ผมพูดพร้อมโค้งศีรษะอย่างสุภาพเพื่อให้ดูเหมือนว่ากำลังขอบคุณ

จากนั้นผมก็ยิ้มแล้วหันหลังให้เธอพร้อมทิ้งประโยคสั้นๆเอาไว้

“แล้วเจอกัน”

พอพูดเสร็จผมก็เดินไปทิศตรงกันข้ามกับอพาร์ทเม้นท์ของเธอ

ผมยังคงเดินต่อไปโดยไม่หันหลังกลับไปมองเพราะท้ายที่สุดความสัมพันธ์ของพวกเราก็คงจะจบลงแค่นี้ ที่พวกเราได้พบกันพูดคุยกันหรือจะเป็นการมาส่งเธอถึงที่พักอาศัยทั้งหมดนี้มันก็แค่เรื่องบังเอิญ

ผมมั่นใจว่าต่อจากนี้ไปพวกเราจะเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าเพราะงั้นผมจึงไม่มีการตั้งความหวังแปลกๆเอาไว้

ผมพูดย้ำกับตัวเองแบบนั้นอยู่หลายครั้งพอรู้ตัวสุดท้ายก็กลับมาถึงบ้านของตัวเองจนดึกดื่น

********

หลังจากที่แปลมา 3 ตอน ความรู้สึกของผมผมว่าเรื่องนี้ก็เป็นแนวเลิฟคอมทั่วๆไปไม่มีอะไรเด่น แต่ส่วนตัวผมก็ชอบแนวนี้ที่ได้เห็นตัวละครค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์หรือไปในทิศทางไหนมันชวนให้รู้สึกหงุดหงิดและเอาใจช่วยไปในตัวด้วย55

ไหงดาวโรงเรียนถึงชอบมาห้องของผมละเนี่ย

ไหงดาวโรงเรียนถึงชอบมาห้องของผมละเนี่ย

Status: Ongoing
โทคิวากิ โทวะ ที่อุทิศตัว​ถวายพลังชีวิตให้กับงานพาร์ทไทม์​แต่แล้ววันนึงเขาดันบังเอิญไปพับกบพบกับสาวสวยที่ถูกขนาดนามว่าเทพธิดาหรือชื่อของเธอคนนั้นคือ วาคามิยะ ริน เพราะความบังเอิญ​ในครั้งนั้นก็ทำให้ชีวิตประจำวันของทั้งสองได้เข้ามาพัวพัน​ซึ่งกันและกัน และนี่ก็คือเลิฟคอมระหว่างคนสองคนที่ไม่เคยรู้จักกันที่จะ[ค่อยๆ]​พัฒนา​ความสัมพันธ์​ละมั้ง และนี่ก็คือเรื่องราวของพ่อหนุ่มคลั่งพาร์ทไทม์​กับเทพธิดาสุดรั่ว

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท