หลังจากที่ผมทำงานเสร็จผมก็เดินกลับบ้านของตัวเองอย่างที่เคยแต่ที่แปลกไปก็คือวันนี้วาคามิยะเดินอยู่ข้างๆผม
น่าจะเป็นเพราะวันนี้เธอไม่โดนพ่อแม่ดุละมั้งเธอเลยไม่กลับ สรุปคือต้องโดนพ่อแม่ดุด่าก่อนสินะถึงจะยอม
และตอนนี้ก็เพิ่งจะ 6โมงกว่าๆซึ่งเป็นช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินเพราะงั้นท้องฟ้าจึงถูกย้อมไปด้วยสีแดงจางๆถ้าผมถ่ายรูปวาคามิยะในตอนนี้แล้วละก็ผมอาจจะได้รับรางวัลรูปภาพดีเด่นเลยก็ได้
แค่ทิวทัศน์ในตอนนี้ก็สวยมากแล้วและถ้าเอาวาคามิยะมาทำคอมโบมันก็ยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก ก็นะผู้หญิงสวยจะทำอะไรก็สวยอยู่ดีนั่นแหละ
“วันนี้ท้องฟ้าสวยจังเลยนะคะ”
“ใช่ ฉันก็ว่างั้นแหละ”
ถ้าเป็นพวกที่มีประสบการณ์แล้วละก็ในสถานการณ์แบบนี้พวกเขาคงจะพูดอะไรที่มันเสี่ยวๆกว่านี้ออกมาได้แน่
แต่ก็นะผมทำอะไรแบบนั้นไม่ได้หรอกผมจึงตอบกลับไปสั้นๆว่า “ใช่” และถ้าผมอยากจะพูดละก็ผมคงต้องใช้เวลาหลายทศวรรษในการฝึกแน่
เผลอๆอาจจะทำไม่ได้ด้วยซ้ำ พูดแล้วมันก็เศร้าเลยแฮะ
“ถึงพวกเราจะใช้ถนนเส้นนี้ด้วยกันเป็นประจำก็เถอะ แต่ว่านะ โทคิวากิซัง…บ้านของคุณอยู่ทางนี้จริงๆเหรอคะ?”
“หมายความว่าไง?”
“คือฉันแค่สงสัยว่าคุณจะใช้ข้ออ้างว่าบ้านอยู่ทางเดียวกันกับฉันเพื่อที่จะหนีการเรียนหนังสือรึเปล่า”
“ฮ่าฮ่า ไม่มีทาง ทางไปบ้านฉันก็ต้องใช้ถนนเส้นนี้เหมือนกันแหละ”
“อย่างนั้นเหรอคะ ขอโทษที่ส่งสัยไปเองค่ะ”
“เอาน่าๆ อย่ากังวลไปเลย”
หลังจากที่เห็นวาคามิยะกล่าวขอโทษ ผมเลยตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างคลุมเครือ
เพราะผมอยากจะถามให้แน่ใจอีกครั้ง ถึงผลจะออกมาแบบเดิมก็เถอะ
“วาคามิยะซัง เธอจะไปบ้านของฉันจริงๆเหรอ”
“ค่ะ”
“….แต่ฉันเป็นผู้ชายนะ”
“ค่ะ ดูก็รู้ค่ะ”
“ไม่ ไม่ ฉันไม่ได้อยากจะสื่อแบบนั้น….ฉันหมายถึงการที่เธอไปบ้านของผู้ชาย…เออ…เธอไม่คิดว่ามันอันตรายบ้างเหรอ?”
“อาาาา”
ดูเหมือนว่าวาคามิยะเพิ่งจะคิดได้ แก้มของเธอจึงค่อยๆแดงขึ้น
“ลืมคิดไปเลยค่ะ…”
“ในที่สุดเธอก็เข้าใจงั้นเรามายกเลิ–“
“มันคงเสียมารยาทสินะถ้าฉันไม่ได้เตรียมขนมอะไรไปเลย”
“ห๊ะ ขนม”
“ค่ะ ทั้งๆที่ฉันกำลังจะไปบ้านของผู้มีพระคุณแต่กลับไม่ได้เตรียมอะไรไปฝากเลย เพราะงั้นพ่อแม่ของคุณอาจจะคิดว่าฉันเป็นพวกไม่มีมารยาทได้สินะคะ”
“เพื่อ? เธอกังวลเรื่องนี้เนี่ยนะ”
“เพราะมันคือสามัญสำนึกค่ะ!!”
“มีด้วยเหรอฟร๊ะสามัญสำนึกแบบนี้ แต่เอาเถอะ…เธอไม่ต้องเตรียมอะไรไปหรอก”
“เรื่องฉันค่ะ ฉันจะเป็นคนตัดสินใจเอง”
เธอจะทำไปเพื่อไรฟระนั่นนน ที่บ้านตูไม่มีใครอยู่หรอกนะเฟ้ยยย..
ถึงกระนั้นแววตาของวาคามิยะก็ยังคงแน่วแน่ที่จะทำเห็นได้ชัดว่าถึงผมจะพูดอะไรออกไปเธอก็ไม่ฟังแล้ว
ถึงผมจะเพิ่งรู้จักเธอได้แค่3-4วันก็เถอะแต่ผมพอจะรู้แล้วละว่าวาคามิยะเป็นพวกดื้อดึงผิดคาด
หลังจากนั้นผมก็โดนวาคามิยะลากตัวไปเพื่อที่จะซื้อขนมตามที่ตั้งใจเอาไว้
และที่เธอพาผมไปก็คือร้านสะดวกซื้อสารพัดประโยชน์นั่นเอง