“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้ออกจากบ้านในเวลาแบบนี้…”
ผมพึมพำออกมาในขณะที่มองดูเวลาจากโทรศัพท์มือถือ
ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลา 06.45 น. เพราะปกติแล้วผมมักจะออกจากบ้านช้ากว่านี้ประมาณหนึ่งชั่วโมง
คุณนักอ่านทั้งหลายก็คงจะสงสัยสินะว่าทำไมผมถึงต้องออกจากบ้านเร็วขนาดนี้
เหตุผลก็ง่ายมาก
นั่นก็เพราะในตอนที่ผมนอนหลับอยู่ผมก็ถูกใครบางคนโทรมาปลุกตั้งแต่เช้า
พอผมตื่นขึ้นมาผมก็หันไปดูโทรศัพท์มือถือซึ่งชื่อที่แสดงในประวัติสายเรียกเข้าก็คือ วาคามิยะ ริน
หลังจากที่เห็นแบบนั้นผมก็ถอนหายใจออกมา
“นี่สินะสิ่งที่เขาเรียกว่า ปลุก พอเจอกับตัวเองแล้วก็น่ารำคาญใช่ย่อยเลย..”
ผมในตอนนี้ยังอยากเสวยสุขกับการนอนต่อหรือก็คือผมจะกลับไปนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มอีกครั้งเพราะยังไม่อยากตื่น
แต่ถึงอย่างนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาติดๆกันราวกับว่าเธอไม่ยอมให้ผมกลับไปนอน
ไหงเธอถึงรู้ได้ฟระ
“หรือเธอจะแอบติดกล้องเอาไว้ในห้อง?..”
ซึ่งในมือถือของผมก็มีเบอร์โทรอยู่แค่ไม่กี่เบอร์นั่นก็คือเบอร์ของพ่อ ของผู้จัดการงานพาร์ทไทม์ ของเคนอิจิ แล้วก็ของคนที่พยายามยัดเยียดเบอร์โทรให้ผม…วาคามิยะ ริน
มันช่วยไม่ได้นี่นา ก็เพราะพวกที่อยู่กลุ่ม D ส่วนใหญ่ก็แทบจะอยู่ในวงนอกของสังคมอยู่แล้วเพราะงั้นเลยไม่ค่อยมีใครให้คุยด้วยเยอะ ผมเลยคิดว่าเซฟเอาไว้เท่าที่จำเป็นก็พอ
ตอนแรกผมก็กะจะเซฟเอาไว้แค่นั้นละนะ(ไม่นับวาคามิยะ)
แต่ผมดันเผลอพูดอะไรบางอย่างออกไปเนี่ยสิ..
—-ย้อนกลับไปเมื่อวานนี้
“โทคิวากิซัง ฉันทำเผื่อเอาไว้ให้ตอนเช้าด้วยนะคะเพราะงั้นอย่าลืมมากินล่ะ”
“อื้ม ขอบคุณ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ถ้าฉันตื่นทันฉันจะกินนะ..”
“ตื่นทัน? หมายความว่าไงคะ?”
“ก็ฉันเป็นพวกตื่นสายน่ะ”
“…. งั้น โทคิวากิซังช่วยส่งมือถือของคุณมาให้ฉันหน่อยค่ะ”
“หือ? เธอจะเอาไปทำอะไรเหรอ…..”
พอพูดไปแบบนั้น…ผมก็กดเข้าเบราว์เซอร์อย่างรวดเร็วและกดลบประวัติ(เผื่อเอาไว้)
“อ่ะ นี่”
“ขอบคุณค่ะ”
วาคามิยะรับมาด้วยความงงงวยแต่เธอก็ไม่ได้ถามกลับมา จากนั้นเธอก็เริ่มพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปในมือถือของผม
“เสร็จแล้วค่ะ อ่ะฉันคืนให้”
“อื้ม..แล้วเธอเอาไปทำอะไรล่ะ?”
“ก็คุณบอกว่าตื่นสายไม่ใช่เหรอคะ ฉันเลยแลกเบอร์กับคุณเอาไว้เพื่อที่ฉันจะได้โทรปลุกคุณไงคะ”
“เอ๊ะ….ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ ต่อให้ฉันจะตื่นสายยังไงฉันก็จะเก็บเอาไว้กินอยู่แล้วแหละ”
ถึงปากจะบ่นไปอย่างนั้นแต่ในใจของผมคงจะกำลังกระโดดโลดเต้นดีใจดี๊ด๊าอยู่แน่ๆเพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้แลกเบอร์กับสาวสวย
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็พยายามไม่ดีใจออกนอกหน้าหรือว่าตั้งความหวังแปลกๆเอาไว้
“ฉันไม่เชื่อค่ะ”
“โหดร้าย…เชื่อกันหน่อยสิ”
“ฟังนะคะ แล้วคิดวิเคราะห์ให้ดี คุณรู้มั้ยว่าอะไรคือผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดหากฉันเชื่อคุณ”
“ห๊ะ?”
“เฮ้อออ ไม่เข้าใจจริงๆสินะคะ ประมาณว่า ฉันอุตส่าห์ตั้งใจทำอาหารให้คุณแต่ถ้าคุณดันลืมแล้วไม่ได้กินมันเลยสิ่งที่ฉันทำไปมันจะสูญเปล่าเอาได้ค่ะแล้วอาหารของฉันก็อยู่ได้ไม่ถึงอาทิตย์หรอกนะคะ”
ก็จริงแฮะ
เพราะผมเป็นพวกนอนดึกด้วยสิเลยมักจะทำให้ตัวเองตื่นสายแล้วพอตื่นสายก็ไม่ได้กินอาหารเช้า
มันเป็นแบบนั้นมาโดยตลอดเพราะปกติผมมักจะกินแค่เยลลี่ประมาณว่ากินลองท้องนิดๆหน่อยๆเป็นการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกสุขอนามัยเลย
เพราะงั้นผมเลยชินกับนิสัยแบบนี้ไปแล้วและอีกอย่างผมก็แทบจะจำไม่ได้แล้วด้วยว่าตัวเองกินอาหารเช้าครั้งล่าสุดคือเมื่อไหร่ถ้าไม่นับแซนวิชของวาคามิยะเมื่อตอนเช้า
“เพราะงั้นฉันเลยอยากให้คุณกินค่ะ นี่คือความเห็นแก่ตัวของฉันค่ะ”
“เห็นแก่ตัวเหรอ….ดะได้ฉันจะพยายาม”
“ขอโทษนะคะที่พูดเหมือนบังคับคุณ”
“ไม่เป็นไร ฉันควรพูดขอบคุณมากกว่าด้วยซ้ำ แล้วก็การที่ฉันตื่นมากินอาหารเช้ามันก็ไม่ได้เสียหายอะไรด้วย”
“ฟุฟุ ดีใจนะคะที่ได้ยินแบบนั้น”
และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดครับผม
ถึงผมอยากจะนอนต่อมากแค่ไหนแต่การที่จะปฏิเสธท่านเทพธิดาที่มักจะคอยช่วยเหลือผมมันเป็นไปไม่ได้เลย….ถึงจะเพิ่งเจอกันก็เถอะแต่ดูเหมือนว่าผมจะทำให้เธอลำบากในหลายๆเรื่องเลยละนะ
ส่วนเรื่องอาหารนั้นดูเหมือนว่าเครื่องปรุงที่เธอนำมาทำจะเป็น สาหร่ายทะเล และ น้ำซุปที่ทำจากปลาบิน
รสชาติของมันอาจจะจืดไปนิดแต่ที่เธอทำไปก็เพราะคำนึงถึงสุขภาพของผม
เมื่อเทียบกับร้านอาหารทั่วไปของที่เธอทำก็ไม่ได้น้อยหน้าเลย
“พูดตามตรงนะฉันรู้สึกมีความสุขสุดๆเลยละ…”
ผมพูดพลางขี่จักรยานไปด้วย
จากนั้นผมก็ได้มาหยุดรอสัญญาณไฟจราจรซึ่งดวงตาของผมนั้นก็ได้จับจ้องไปที่ไฟสัญญาณสีแดงอย่างเหม่อลอย
“โทคิวากิซัง?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงอันสดใสได้ลอยเข้ามาแตะหูผม
นี่สินะที่เขาว่ากันว่า [แค่ตื่นเช้าก็ได้กำไรแล้ว 3 เท่า]
(**早起きは三文の徳 เป็นสำนวนที่ว่า การตื่นเช้ามักจะทำให้พานพบแต่เรื่องดีๆหรืออีกความหมายหนึ่งก็คือตื่นเช้าแล้วได้เปรียบคนอื่น)