รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 685 พ้นขวากหนามไปยังมีเส้นทางใหม่ โชคดีมาเยือนข้าแล้วหรือ?

บทที่ 685 พ้นขวากหนามไปยังมีเส้นทางใหม่ โชคดีมาเยือนข้าแล้วหรือ?

บท​ที่​ 685 พ้น​ขวากหนาม​ไป​ยังมี​เส้นทาง​ใหม่​ โชคดี​มาเยือน​ข้า​แล้ว​หรือ​?

ชางเหยา​ไม่มา มัจฉาสัต​มายา​พะวักพะวน​ เขา​รู้สึก​ว่า​ตัวเอง​อาจ​ชอบ​ชางเหยา​เข้า​แล้ว​จริง ๆ​ ความผิดหวัง​ใน​ใจจะรุนแรง​เกินไป​แล้ว​

“คิดถึง​นาง​ก็​ไปหา​นาง​สิ เอาแต่​มัว​สับสน​ที่นี่​อยู่​เพื่อ​อะไร​”

จอบ​เซียน​เดิน​ไป​อยู่​ข้าง​กาย​มัจฉาสัต​มายา​พร้อม​กล่าว​ “กล้า​ ๆ หน่อย​ จะหดหัว​อยู่​เช่นนี้​มิได้​!”

พวก​มัน​ต่าง​รู้เรื่องราว​ระหว่าง​มัจฉาสัต​มายา​และ​ชางเหยา​ คราวก่อน​ก็​เห็น​กัน​หมด​แล้ว​

“อย่างเช่น​ข้า​”

จอบ​เซียน​กล่าว​ต่อ​ “ข้า​ชอบ​น้อง​ถ้วย​ ข้า​ไม่เคย​ซ่อน​ความรู้สึก​ แสดง​ความรัก​อย่าง​อาจหาญ​ จีบ​อย่าง​กล้าหาญ​!”

“ท่าน​ชอบ​น้อง​ถ้วย​คนใด​หรือ​”

มัจฉาสัต​มายา​ถามเสียง​เบา​

“ข้า​ชอบ​…”

จอบ​เซียน​ทอด​มอง​ถ้วย​กระเบื้อง​ทั้ง​แปด​ พลัน​ไม่แน่ใจ​ขึ้น​มา

บ้า​เอ๊ย​!

ถ้วย​กระเบื้อง​ทั้ง​แปด​ใบ​เหมือนกัน​ทุก​ประการ​ ญาณศัสตรา​ภายใน​ก็​เป็น​ดวง​เดียวกัน​ เขา​ยัง​ไม่รู้​เลย​ว่า​เขา​ชอบ​ถ้วย​ไหน​

“ข้า​ชอบ​ทั้งหมด​!”

สุดท้าย​ มัน​บอก​ออก​ไป​แบบนี้​

ชอบ​ทั้งหมด​?

มัจฉาสัต​มายา​หัวเราะ​ใน​ใจไม่หยุด​ จอบ​เซียน​แยก​ไม่ได้​เห็น​ ๆ ต่างหาก​เล่า​!

ยัง​จะกล้า​บอ​กว่า​ชอบ​ทั้งหมด​อีก​!

ปากแข็ง​เท่า​นั้นแหละ​!

“จะไป​หรือไม่​”

ต้น​หลิว​มอง​มัจฉาสัต​มายา​พลาง​ถาม “ถ้าเจ้าไป​ พวกเรา​จะรอ​เจ้าอยู่​ที่นี่​”

ไป​หรือไม่​ไป​?

มัจฉาสัต​มายา​สับสน​ เขา​อยาก​ไป​ แต่​ไป​แล้​วจะ​ให้​เอื้อนเอ่ย​คำ​ใด​เล่า​

ความรู้สึก​ที่​เขา​มีต่อ​ชางเหยา​เป็น​เช่นไร​ก็​ยัง​ไม่แน่ใจ​…

ช่างเถิด​

เขา​เอ่ย​ “ไม่ไป​”

รอ​ให้​เขา​แน่ใจ​เมื่อไหร่​ ค่อย​ไปหา​ชางเหยา​ก็​ยัง​ไม่สาย​

ถึงอย่างไร​ก็​มีพี่​หลิว​อยู่​ เขา​กลับมา​ได้​ทุกเมื่อ​ หา​ได้​เสียเวลา​ไม่

“ถ้าอย่างนั้น​เรา​กลับกัน​เถิด​”

ต้น​หลิว​เอ่ย​บอก​ สร้าง​เส้น​ทางขึ้น​มา และ​กลับ​ไป​พร้อมกับ​เหล่า​ของ​วิเศษ​

เวลา​นั้น​ เจ้าหลวง​กลับ​ไป​ถึงนคร​พิศวง​ของ​จ้าว​หลาน​แล้ว​

“เฮ้อ​ พี่ใหญ่​คง​ไม่ได้​กลับมา​อีกแล้ว​!”

มัน​ถอนหายใจ​หนักหน่วง​ เอ่ย​ด้วย​ความเสียใจ​เหลือแสน​ “พี่ใหญ่​ของ​ข้า​ เป็น​เพราะ​ข้า​พา​ท่าน​ไป​เจอ​เรื่อง​ร้าย​ ๆ ทว่า​พี่ใหญ่​โปรด​วางใจ​ ข้า​จะดูแล​คน​ของ​ท่าน​เป็น​อย่าง​ดี​!”

ส่วน​เรื่อง​แก้แค้น​แทน​พี่ใหญ่​นั้น​ มัน​ไม่นึกถึง​เลย​แม้แต่น้อย​

มัน​สลัด​ความคิด​เช่นนี้​ตั้งแต่​ครานั้น​แล้ว​ เหล่า​ของ​วิเศษ​น่ากลัว​เกินไป​ ลึกล้ำ​เกิน​หยั่ง​ หาก​ยัง​คิด​แก้แค้น​อยู่​ รังแต่​จะพา​ตัวเอง​ไป​ตาย​

“ช่างเถิด​ ข้า​หนี​เอาตัวรอด​ดีกว่า​!”

เจ้าหลวง​ขบคิด​ไปมา​ รู้สึก​ว่า​อยู่​ที่นี่​ต่อ​ไม่ปลอดภัย​

เหล่า​ของ​วิเศษ​อาจ​บุก​มาหา​เพื่อ​ถอนรากถอนโคน​ของ​มัน​ ถึงอย่างไร​นี่​ก็​เป็น​ครั้ง​ที่สอง​แล้ว​ เกรง​ว่า​เหล่า​ของ​วิเศษ​คง​โมโห​กัน​แย่​

มัน​ล้มเลิก​ความคิด​ซ่องสุม​กำลัง​ใน​นคร​ของ​จ้าว​หลาน​ หาก​แต่​ปล้นสะดม​สมบัติ​ใน​นคร​ของ​จ้าว​หลาน​จน​เกลี้ยง​ แล้ว​พา​สิ่งมีชีวิต​พิศวง​ที่​เหลืออยู่​ใน​นคร​ของ​จ้าว​หลาน​ไป​จาก​ที่นี่​

“จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​!”

ระหว่าง​ที่​มัน​ได้​สนทนา​กับ​สิ่งมีชีวิต​พิศวง​ลางร้าย​ใน​นคร​ของ​จ้าว​หลาน​ มัน​ก็ได้​รับรู้​ถึงการ​มีอยู่​ของ​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​

นคร​รัตติกาล​ที่​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​สถาปนา​ขึ้น​นั้น​ยิ่งใหญ่​กว่า​นี้​ เหนือชั้นกว่า​นคร​ของ​จ้าว​หลาน​ไป​มาก​ มัน​ตัดสินใจ​ไป​ฝากตัว​เป็น​พรรคพวก​ของ​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​

ต้นไม้​ใหญ่​เป็น​ร่มโพธิ์ร่มไทร​ให้ได้​ ถึงอย่างไร​ศัตรู​ของ​มัน​ก็​เป็น​ถึงเหล่า​ของ​วิเศษ​ น่า​ประหวั่นพรั่นพรึง​ยิ่งนัก​ มัน​มิกล้า​อยู่​ตามลำพัง​

หลังจาก​ได้​เข้า​เป็น​พรรคพวก​ของ​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​ อย่าง​น้อย​ยาม​เหล่า​ของ​วิเศษ​บุก​มาหา​ ก็​ยังมี​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​คอย​ออกหน้า​แทน​มัน​

สิ่งเดียว​ที่​น่าเสียดาย​คือ​ การ​ฝากตัว​เป็น​พรรคพวก​เช่นนี้​ใช่ว่า​จะทำ​กัน​ได้​ง่าย ๆ​

อย่างเช่น​จ้าว​หลาน​ ก่อนหน้านี้​ มัน​กับ​จ้าว​หลาน​เคย​คบค้าสมาคม​กัน​มาบ้าง​ กระนั้น​ หาก​มิใช่ว่า​มัน​ยก​ของ​ที่​ได้​จาก​จ้าว​ตะเข้​ให้​หมด​ ใช่ว่า​จ้าว​หลาน​จะยอมรับ​มัน​ไว้​

จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​ยิ่ง​ทรงพลัง​เข้าไป​ใหญ่​ ย่อม​ไม่มีทาง​เห็น​หัว​คน​ต่ำต้อย​เช่น​มัน​ มัน​ต้อง​ยก​ทุกสิ่ง​ที่​ได้​จาก​จ้าว​หลาน​ให้​จึงจะพอ​

มิฉะนั้น​ จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​ก็​ไม่มีทาง​ยอมรับ​เขา​เป็น​พรรคพวก​

‘ไม่เป็นไร​ อย่าง​น้อย​ข้า​ก็​ดูดกลืน​สสาร​พิศวง​ทั้งหมด​ใน​นคร​ของ​พี่ใหญ่​แล้ว​ ไม่ขาดทุน​ ๆ!’

เจ้าหลวง​เอ่ย​ใน​ใจ

ก่อน​ไป​ มัน​ต้อง​ดูดกลืน​สสาร​พิศวง​ทั้งหมด​ใน​นคร​ของ​จ้าว​หลาน​จน​เกลี้ยง​แน่นอน​ ไม่ทิ้งขว้าง​แม้แต่น้อย​

“เวลา​! สิ่งที่​ข้า​ต้องการ​คือ​เวลา​!”

ก่อน​นี้​มัน​ดูดกลืน​สสาร​พิศวง​จาก​นคร​ของ​จ้าว​ตะเข้​ไป​ไม่น้อย​ บัดนี้​ได้​ดูดกลืน​สสาร​พิศวง​ใน​นคร​ของ​จ้าว​หลาน​อีก​ สิ่งที่​มัน​ขาดแคลน​ที่สุด​ใน​ตอนนี้​คือ​เวลา​ ทันทีที่​มัน​หลอม​สสาร​พิศวง​ทั้งหมด​ที่​มัน​ดูดกลืน​เข้าไป​ได้​แล้ว​ พลัง​ของ​มัน​จะต้อง​ยกระดับ​อย่าง​ทวีคูณ​แน่นอน​

มัน​ตัดสินใจ​แล้ว​ หลัง​จากไป​ถึงดินแดน​ของ​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​จะสงบ​เสงี่ยมเจียมตัว​ ไม่กระทำ​เรื่อง​อื่น​ จะตั้งใจ​หลอ​มสาร​พิศวง​ที่​ได้​ดูดกลืน​เข้าไป​

“รีบ​เดินทาง​ดีกว่า​!”

มัน​เร่งฝีเท้า​ไม่หยุด​ รุดหน้า​สุด​ชีวิต​ ตราบใดที่​ยัง​ไป​ไม่ถึงดินแดน​ของ​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​ มัน​ก็​มิอาจ​สบายใจ​

ด้วย​การ​เดินทาง​อย่าง​เอาเป็นเอาตาย​เช่นนี้​ พวก​มัน​ไป​ถึงดินแดน​ของ​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​อย่าง​รวดเร็ว​

สสาร​พิศวง​เข้มข้น​โลดแล่น​ ที่นี่​น่า​ครั่นคร้าม​เกิน​บรรยาย​ ทอดสายตา​มอง​ไป​ พวก​มัน​เต็มไปด้วย​ดวง​ดารา​อัน​มีขน​พิศวง​งอก​อยู่​

‘สมเป็น​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​!’

เจ้าหลวง​เอ่ย​ใน​ใจอย่า​งอด​มิได้​

ดวง​ดารา​เหล่านั้น​มีแต่​จะมีขนาดใหญ่​กว่า​นคร​พิศวง​ที่​จ้าว​หลาน​ประทับ​อยู่​ จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​รวม​ดวง​ดารา​มหึมา​มากมาย​ขนาด​นี้​เข้าด้วยกัน​ได้​ อีก​ทั้ง​ยัง​มีพลัง​พิศวง​ลางร้าย​เพียง​พอที่จะ​กัดกร่อน​ดวง​ดารา​มหึมา​เหล่านี้​ ใช่ว่า​จะทำ​กัน​ได้​ง่าย ๆ​

เทียบ​กับ​ที่นี่​แล้ว​ นคร​พิศวง​ที่​สร้าง​โดย​จ้าว​หลาน​เหมือน​เป็น​ของเด็กเล่น​ ห่าง​ชั้น​กัน​มาก​นัก​

มัน​อด​ระส่ำ​ระ​ส่าย​ขึ้น​มามิได้​ จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​จะยอมรับ​มัน​เข้าพวก​หรือ​?

มัน​รู้สึก​ว่า​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​อาจ​ไม่ชอบ​สิ่งที่​มัน​นำมา​ด้วย​ก็ได้​…

“ต้อง​ลองดู​สัก​ตั้ง​!”

มาถึงนี่​แล้ว​ มัน​ไม่มีทาง​ยอม​ไป​ง่าย ๆ​ จึงมุ่งไป​ยัง​ชายแดน​ ตะโกน​เข้าไป​ด้วย​เสียง​นอบน้อม​ว่า​ “ท่าน​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​ผู้ยิ่งใหญ่​ ข้าน้อย​มาที่นี่​เพราะ​ได้ยิน​ชื่อเสียง​ของ​ท่าน​มานาน​ หวัง​ว่า​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​จะยอมให้​ข้าน้อย​ได้​เข้าพบ​สัก​ครา​!”

ครืน​ครา​น!​

อวกาศ​ด้าน​นี้​ปั่นป่วน​อยู่​พัก​หนึ่ง​ ร่าง​ ๆ หนึ่ง​พลัน​จุติ​ลงมา​

มัน​มีรูปร่าง​สูงใหญ่​ ขน​ยาว​พิศวง​สีส้มงอก​อยู่​เต็ม​กาย​ แข็งแกร่ง​กว่า​จ้าว​หลาน​ตั้ง​ไม่รู้​กี่​เท่า​ หลังจาก​เจ้าหลวง​ได้​พบ​ ก็​คุกเข่า​กับ​พื้น​ทันที​

“สวัสดี​ ข้า​มาขอ​สมัคร​เป็น​พรรคพวก​ของ​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​!”

มัน​รีบ​บอก​ พร้อม​นำ​ทุกอย่าง​ที่​ได้​มาจาก​นคร​ของ​จ้าว​หลาน​ออกมา​ “กิตติศัพท์​ของ​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​แซ่ซ้อง​ไป​ไกล​ ข้า​อยาก​เป็นหนึ่ง​ใน​ผู้​ใต้​บัญชา​ของ​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​ วันหน้า​จะได้​ร่วม​เป็นเกียรติ​กับ​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​ หวัง​ว่า​จะยอมรับ​ข้า​ไว้​!”

“ไม่เลว​นี่​ ลุกขึ้น​เถิด​”

ใบหน้า​ของ​สิ่งมีชีวิต​พิศวง​ตน​นั้น​เผย​รอยยิ้ม​พึงใจ​ วาจา​ของ​เจ้าหลวง​ถูกคอ​มัน​มาก​ มัน​กล่าว​ต่อ​ “ทางเลือก​ของ​เจ้าถูกต้อง​แล้ว​ ใน​บรรดา​นคร​พิศวง​อัน​ยิ่งใหญ่​ นคร​อัน​มีจ้าว​แห่ง​รัตติกาล​เป็น​ผู้นำ​แข็งแกร่ง​ที่สุด​! เจ้าเลือก​เข้า​พวกเรา​นับว่า​ฉลาด​มาก​ วันหน้า​ย่อม​ไม่ลำบาก​”

มัน​สะบัดมือ​ เก็บ​ทุกอย่าง​ที่​เจ้าหลวง​นำมา​ให้​

หลังจาก​เห็น​สิ่งมีชีวิต​พิศวง​ตน​นี้​เก็บ​ของ​ไป​แล้ว​ เจ้าหลวง​ก็​โล่งอก​

ของ​เหล่านี้​อาจ​ไม่เข้าตา​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​ กระนั้น​ก็​มิได้​หมายความว่า​ไม่เข้าตา​สิ่งมีชีวิต​พิศวง​ตน​อื่น​ นี่​อย่างไร​ เข้าตา​สิ่งมีชีวิต​พิศวง​ตรงหน้า​ผู้​นี้​แล้ว​

มัน​รู้ดี​ว่า​ ไม่ว่า​เรื่อง​ใด​ก็​ต้อง​มีผลประโยชน์​แลกเปลี่ยน​จึงจะสำเร็จ​ มิฉะนั้น​ไม่มีทาง​บรรลุ​ได้​เลย​

หาก​มิใช่ว่า​มัน​ยอม​ยก​ของ​เหล่านี้​ออกมา​ก่อน​ ไม่แน่​ว่า​สิ่งมีชีวิต​พิศวง​ตน​นี้​จะยอม​พูดจา​กับ​มัน​หรือไม่​ หรือ​อาจ​ฆ่ามัน​ด้วย​ฝ่ามือ​เดียว​ก็​เป็นได้​

“ไป​เถิด​ ข้า​จะพา​เจ้าไป​พบ​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​”

สิ่งมีชีวิต​พิศวง​ตน​นี้​นำทาง​อยู่​ข้างหน้า​ จน​มาอยู่​ใน​ดวง​ดารา​ที่​ลึก​ที่สุด​

“เจ้ารอ​อยู่​ที่นี่​พอ​”

มัน​พา​เจ้าหลวง​มาอยู่​หน้า​วิหาร​โบราณ​แห่ง​หนึ่ง​ และ​สั่งให้​เจ้าหลวง​รอ​อยู่​ที่นี่​ ส่วนตัว​มัน​เดิน​เข้าไป​ใน​วิหาร​โบราณ​

“ท่าน​จ้าว​ มีคน​จาก​ด้านนอก​มาขอ​เข้าพวก​กับ​เรา​”

มัน​เข้าพบ​และ​รายงาน​ต่อ​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​

อย่าง​ที่​คิด​ มัน​ริบ​ของ​ที่​เจ้าหลวง​นำ​ออกมา​ไป​เอง​ มิได้​ส่งมอบ​ขึ้นไป​

จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​มีม่าน​แสงพิศวง​ปกคลุม​อยู่​ทั่ว​กาย​ มองไม่เห็น​ว่า​มีรูปลักษณ์​อย่างไร​

มัน​มิได้ตัว​มโหฬาร​ดังเช่น​สิ่งมีชีวิต​พิศวง​ตน​อื่น​ หาก​แต่​มีขนาด​ตัว​ไม่ต่างหาก​มนุษย์​ปกติ​มาก​นัก​

“พา​เข้ามา​สิ”

จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​เอ่ย​เสียง​เย็นชา​

จากนั้น​สิ่งมีชีวิต​พิศวง​ตน​นั้น​ก็​ออกจาก​วิหาร​โบราณ​ และ​พา​เจ้าหลวง​เข้ามา​

“ออก​ไป​ได้​”

จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​สั่งให้​สิ่งมีชีวิต​พิศวง​ตน​นั้น​ถอย​ออก​ไป​

“สวัสดี​ท่าน​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​!”

เจ้าหลวง​หวาดวิตก​ หลังจาก​เข้า​มาถึงมัน​ก็​คุกเข่า​อยู่​ภายใน​วิหาร​ หมอบ​ศีรษะ​กับ​พื้น​ มิกล้า​จ้องมอง​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​

“ไม่ต้อง​เกร็ง​”

จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​กล่าว​ “ลุกขึ้น​มาพูดจา​เถอะ​”

“ขอรับ​!”

เจ้าหลวง​รีบ​ยืน​ขึ้น​ กระนั้น​ก็​ยัง​มิกล้า​มอง​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​ กลัว​จะเป็นการ​จาบจ้วง​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​

หารู้ไม่​ จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​เดิน​เข้าไป​ ตบ​บ่า​เจ้าหลวง​อย่าง​สนิทสนม​ ก่อน​จะเอ่ย​ขึ้น​ “เห็น​เจ้าแล้ว​ชวน​ให้​ข้า​นึกถึง​บุตร​ของ​ข้า​ที่​ตาย​ไป​ เจ้าเหมือนกับ​บุตรชาย​ของ​ข้า​ที่​ตาย​ไป​แล้ว​จริง ๆ​ ไม่รู้​ว่า​เจ้าจะเต็มใจ​เป็น​บุตรบุญธรรม​ของ​ข้า​หรือไม่​?”

อะไร​นะ​!?

มีเรื่อง​ดี ๆ​ เช่นนี้​ด้วย​รึ​!

เจ้าหลวง​เต็มตื้น​จน​แทบ​อยาก​กระโดด​ลิงโลด​ เดิม​มัน​คิด​ว่า​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​ยอมรับ​มัน​เป็น​พวก​ก็​ดีมาก​แล้ว​ สุดท้าย​มัน​ยัง​ได้​เป็น​บุตรบุญธรรม​ของ​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​อีก​หรือ​?

ประเสริฐ​เกินไป​แล้ว​!

“คารวะ​ท่าน​พ่อบุญธรรม​!”

มัน​รีบ​คุกเข่า​ต่อ​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​ และ​เรียก​ท่าน​พ่อบุญธรรม​ทันที​

“ดี ๆ​ๆ นับแต่นี้ไป​ เจ้าคือ​บุตรชาย​แสน​ดี​ของ​ข้า​!”

จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​หัวเราะ​ร่วน​ “นี่​สินะ​คือ​วาสนา​ ให้​ข้า​ได้​พบ​เจ้า! เจ้าเหมือน​บุตรชาย​ของ​ข้า​ที่​ตาย​ไป​แล้ว​มาก​จริง ๆ​”

“นับ​เป็นเกียรติ​ของ​ข้า​!”

อย่า​ให้​เอ่ย​เลย​ว่า​ใน​ใจเจ้าหลวง​ปีติ​ปานใด​ ได้​เป็น​บุตรชาย​ของ​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​ วันหน้า​มัน​มีหรือ​จะไม่ยิ่งใหญ่​เกรียงไกร​?

“ข้า​สัมผัส​ได้​ว่า​ใน​ตัว​เจ้ามีสสาร​พิศวง​รวนเร​อยู่​มาก​”

จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​ตบ​บ่า​เจ้าหลวง​ พร้อม​กล่าว​ “ข้า​จะช่วย​เจ้าหลอม​รวม​ผสาน​ ให้​เจ้าได้​แข็งแกร่ง​ขึ้น​เอง​”

สิ้น​เสียง​ของ​มัน​ เจ้าหลวง​รู้สึก​ถึงพลัง​มวล​หนึ่ง​ที่​เข้าสู่​ร่าง​มัน​ใน​พริบตา​ จากนั้น​มัน​ก็​สัมผัส​ได้​ว่า​สสาร​พิศวง​ที่​มัน​ดูดกลืน​จาก​จ้าว​ตะเข้​และ​จ้าว​หลาน​กำลัง​หลอม​รวม​ผสาน​กัน​อย่าง​บ้าคลั่ง​ ก่อน​จะแปร​เปลี่ยนเป็น​พลัง​ของ​มัน​อย่าง​รวดเร็ว​

ผ่าน​ไป​ไม่นาน​ สสาร​พิศวง​เหล่านี้​ก็​กลายเป็น​พลัง​ของ​มัน​ทั้งหมด​ กำลัง​รบ​ของ​มัน​เพิ่มขึ้น​เป็น​เท่าตัว​ใน​ชั่วพริบตา​

มัน​ใน​ตอนนี้​เทียบ​กับ​จ้าว​หลาน​แล้ว​ไม่ถือว่า​ห่าง​ชั้น​กัน​มาก​นัก​

“ข้า​จะช่วย​เจ้าอีก​แรง​”

จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​ตบ​เจ้าหลวง​อีกครั้ง​ จากนั้น​เจ้าหลวง​รู้สึก​ได้​ว่า​มีสสาร​พิศวง​ที่​บริสุทธิ์​ยิ่งกว่า​หลั่งไหล​เข้ามา​ใน​ตัว​มัน​ กำลัง​รบ​ของ​มัน​คูณ​ทวี​อีกครั้ง​!

จ้าว​หลาน​มีกำลัง​รบ​ระดับ​ราชัน​แห่ง​เซียน​ ตัว​มัน​นั้น​ข้ามหน้า​จ้าว​หลาน​ไป​แล้ว​ เป็น​ถึงยอด​เซียน​ซึ่งเหนือกว่า​ราชัน​แห่ง​เซียน​!

“ขอบคุณ​ท่าน​พ่อบุญธรรม​!”

มัน​ตื้นตัน​จน​โขก​ศีรษะ​ให้​จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​อีกครั้ง​

“ไม่ต้อง​ขอบคุณ​ ใน​เมื่อ​บัดนี้​ข้า​คือ​บิดา​บุญธรรม​ของ​เจ้า ย่อม​ต้อง​อบรมสั่งสอน​เจ้าเป็น​อย่าง​ดี​ นี่​เป็น​เพียง​การ​เริ่มต้น​เท่านั้น​ ต่อไป​ ข้า​จะช่วย​ให้​เจ้าแข็งแกร่ง​ยิ่งกว่า​นี้​”

จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​บอก​ยิ้ม​ ๆ

“สสาร​พิศ​วงใน​ตัว​เจ้ารวนเร​เช่นนี้​ ดูท่า​เจ้าคง​ผ่าน​อะไร​มามาก​ เจ้าเล่า​ให้​พ่อ​ฟังที​ พ่อ​อยาก​ฟังเรื่องราว​ของ​เจ้า”

จ้าว​แห่ง​รัตติกาล​กล่าว​ต่อ​

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท