เจ้าสาวร้อยเล่ห์ – ตอนที่ 19 ความหลังของจิงอิ๋ง (2)

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

ซั่งกวนจิงอิ๋งวิ่งไปหาแต่กลับคว้าน้ำเหลว ซั่งกวนเจวี๋ยไม่ได้อยู่ในเรือนสดับวายุ ทว่าซั่งกวนจิงอิ๋งก็ไม่ได้ไปเสียเที่ยว มู่หรงปั๋วอวี่อยู่ในเรือนสดับวายุ

เมื่อซั่งกวนจิงอิ๋งเห็นมู่หรงปั๋วอวี่ในชั่วขณะนั้น น้ำตาแห่งความเสียใจก็ไหลพรากออกมาอย่างหยุดไม่ได้ โดยไม่สนใจว่าจะมีใครอยู่ข้างๆ มู่หรงปั๋วอวี่หรือไม่ นางก็พุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของมู่หรงปั๋วอวี่แล้วเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น ทำให้มู่หรงปั๋วอวี่รู้สึกอายมาก จะปลอบใจนางก็ไม่ใช่ จะไม่ปลอบใจนางก็ไม่เชิง…

“พี่ใหญ่มู่หรง คุณหนูผู้นี้เป็นใครกัน?” มีใครบางคนที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นในทันที “เหตุใดถึงไม่เข้าใจกฎมารยาทเลยสักนิด พุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของบุรุษเช่นนี้เลย?”

“อวี่หลัน!” ฉีอวี่ฮ่าวตำหนิคำหนึ่งด้วยเสียงที่แผ่วเบา แต่ผู้ที่พูดอย่างปวดร้าวใจคนนี้คือน้องสาวของเขาฉีอวี่หลันซึ่งเกิดจากอนุภรรยา มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับซั่งกวนหลิงหลง ฉีอวี่หลันกับมู่หรงปั๋วอวี่รู้จักกันมาก่อน ชื่นชมมู่หรงปั๋วอวี่เป็นอย่างมาก เมื่อได้ยินมาว่าพี่ชายคนโตที่เกิดจากภรรยาเอกพักอยู่ในลี่โจว และพักอยู่กับมู่หรงปั๋วอวี่ด้วย นางจึงรีบมา ฉีอวี่ฮ่าวก็รู้ว่านางชอบมู่หรงปั๋วอวี่ แต่มองว่าไม่เหมาะสม ทั้งสองคนมีฐานะแตกต่างกันค่อนข้างมาก…ถ้าไม่ใช่เพราะนางเป็นลูกสาวของอนุภรรยา บิดาฉีก็จะคุยเรื่องการแต่งงานของทั้งคู่กับตระกูลมู่หรงอย่างแน่นอน แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ต่อให้มู่หรงปั๋วอวี่จะไม่ใช่บุตรชายคนแรกของภรรยาเอก แต่เขาก็เป็นบุตรชายคนแรกของภรรยารองด้วย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะแต่งงานกับลูกสาวที่เกิดจากอนุภรรยามาตบแต่งเป็นภรรยาเอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม้ตระกูลฉีจะเป็นตระกูลขุนนางเช่นเดียวกัน แต่ก็ยังขาดความแข็งแกร่งและประวัติศาสตร์อันยาวนานเมื่อเทียบกับในหลายๆ ตระกูลอย่างมู่หรงและซั่งกวนนี้

“ไม่ใช่งั้นหรือ?” ฉีอวี่หลันเงยหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโส แม้นางจะเป็นลูกสาวของอนุภรรยา แต่นางก็ยังสูงส่งกว่า ‘จอมยุทธ์หญิง’ คนอื่นๆ ในเรือนสดับวายุ (ยกเว้นหวงเซียวเซียง) ในด้านคำพูดและอากัปกิริยาผู้หญิงเหล่านั้นก็ต้องให้ความเคารพกับนางแน่นอน ทำให้นางหลงลืมไปเล็กน้อย

“เจ้าเป็นใคร?” ซั่งกวนจิงอิ๋งโผล่ใบหน้าเล็กๆ ออกมาจากอ้อมแขนของมู่หรงปั๋วอวี่ ไม่พอใจมากที่มีคนมาหาเรื่องในเวลานี้

“แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร? ไฉนถึงโผเข้าไปในอ้อมแขนของผู้ชายอย่างไร้ยางอายในตอนกลางวันแสกๆ เช่นนี้?” ฉีอวี่หลันไม่ตอบแต่ย้อนถาม นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นซั่งกวนจิงอิ๋ง ย่อมไม่รู้จักตัวตนของกันและกัน

“ข้าชอบพี่ใหญ่มู่หรง พี่ใหญ่มู่หรงก็ชอบข้าด้วย พวกเราทำอะไรเจ้าไม่ต้องยุ่ง!” ซั่งกวนจิงอิ๋งรู้โดยสัญชาตญาณว่าผู้หญิงตรงหน้าก็คือคนที่ชอบมู่หรงปั๋วอวี่เช่นกัน ความรู้สึกอันตรายที่อธิบายไม่ถูกทำให้นางพูดอย่างไร้ยางอายเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าฝ่ายชายจะไม่เคยแสดงความชื่นชอบที่มีต่อนางอย่างชัดเจนมาก่อน การพูดเรื่องแบบนี้ออกมาไม่เหมาะสมมากเพียงใด…โดยเฉพาะต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก

“คุณหนูซั่งกวน?” มู่หรงปั๋วอวี่ขมวดคิ้ว อันที่จริงเขาชอบซั่งกวนจิงอิ๋งอยู่บ้าง แต่กลับเป็นความรักในแบบที่ไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง แต่สถานการณ์ปัจจุบันค่อนข้างยุ่งยาก หากให้เขายอมรับคำพูดของซั่งกวนจิงอิ๋ง เขาก็ไม่เต็มใจ แต่ถ้าจะพูดหักหน้าก็แข็งใจทำไม่ลง

“ข้าเชื่อว่าเจ้าชอบพี่ใหญ่มู่หรง แต่ถ้าบอกว่าพี่ใหญ่มู่หรงชอบเจ้าละก็…” ฉีอวี่หลันก็เป็นบุตรสาวที่รู้จักกันดีว่าชอบถือตัว มารดาของนางแม้จะเป็นอนุภรรยา แต่ก็ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่ได้รับการเอาใจและชื่นชอบ รวมถึงนางก็มีสถานะค่อนข้าง มากในตระกูลฉี และเนื่องจากการแข่งขันเพื่อให้เป็นที่โปรดปรานของในตระกูลอย่างต่อเนื่อง ซั่งกวนจิงอิ๋งตัวเล็กๆ จึงเป็นคู่ต่อสู้ของนาง ในขณะนี้มู่หรงปั๋วอวี่ที่ถูกมัดมือชกก็เริ่มลังเลใจเล็กน้อย นางจึงสวนขึ้นว่า “เจ้าไม่ได้มองตัวเองว่ามีมารยาทและคุณธรรมอะไรเลย พี่ใหญ่มู่หรงจะชอบเด็กสาวตัวน้อยที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมได้อย่างไร? ถ้าชอบละก็ พี่ใหญ่มู่หรงจะทำให้เจ้ารู้สึกผิด แล้วร้องไห้เหมือนพ่อแม่จะตายใช่หรือไม่?”

“แกนังหญิงสารเลว!” ซั่งกวนจิงอิ๋งไม่รู้จะสรรหาคำใดมาก่นด่า จึงได้แต่ด่าทอแบบนี้ จากนั้นหันไปหามู่หรงปั๋วอวี่ แล้วพูดว่า “พี่ใหญ่มู่หรง เจ้าไม่ชอบข้าจริงหรือ?”

มู่หรงปั๋วอวี่เวียนหัว คนที่ดูอยู่ข้างๆ ก็ปวดเศียรเวียนเกล้าเหมือนกัน นี่มีคำถามแบบนี้ด้วยหรือ? ไม่มีระดับเลยสักนิด! มีเพียงฉีอวี่หลันเท่านั้นที่หัวเราะในใจ นางช่างเป็นเด็กสาวที่ไร้เดียงสาจริงๆ!

“หุบปาก! เจ้าพูดคำไร้ยางอายแบบนี้ออกมาได้อย่างไร! หน้าตาของตระกูลซั่งกวนถูกเจ้าทำเสียป่นปี้ไปหมดแล้ว!” เสียงที่ผรุสวาทออกมาเป็นของฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลซั่งกวนทั่วป๋าซู่เยวี่ย และเป็นคนที่ไม่ชอบซั่งกวนจิงอิ๋งมากที่สุด ในสายตาของนาง ซั่งกวนจิงอิ๋งไม่ควรเกิดมา นางเกิดมาถือเป็นความผิดพลาด

“ท่านย่า? ทำไมท่านมาที่นี่?” ซั่งกวนจิงอิ๋งตกตะลึง ฮูหยินใหญ่ไม่ชอบออกไปไหนมาไหน แล้วจะมาปรากฏตัวที่เรือนสดับวายุได้อย่างไร นางยังมีซั่งกวนพิงถิงอยู่ข้างๆ อีกด้วย ซึ่งเป็นน้องสาวต่างมารดาที่อยากจะมาแทนที่นางตลอดเวลา

“ทำไมข้าถึงมาที่นี่? ถ้าข้าไม่อยู่ที่นี่ก็ไม่รู้ว่าเจ้าทำให้พ่อแม่เสียหน้าของตระกูลซั่งกวนเยี่ยงนี้!” ฮูหยินใหญ่ซั่งกวนตวาดด่า “แม่ของเจ้าสอนพวกเจ้าเช่นนี้หรือ? เจ้าบอกชอบหรือไม่ชอบต่อหน้าผู้ชายที่ไม่เกี่ยวข้องกันเช่นนี้ได้หรือ? แล้วยังถูกเขาปฏิเสธอย่างไม่ไยดีอีก?”

“พี่ใหญ่มู่หรงไม่ได้…” ซั่งกวนจิงอิ๋งไม่ได้ยินคำปฏิเสธของมู่หรงปั๋วอวี่ แม้จะกลัวฮูหยินใหญ่ซั่งกวน แต่นางก็ยังคงกล้าเถียงโต้แย้ง

“ไม่ได้อะไร? เขาเห็นแก่หน้าเจ้าจึงให้เกียรติสักครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะทั้งสองครอบครัวเป็นคนรู้จักกัน แล้วเจ้าเป็นลูกสาวจากภรรยาเอกของตระกูลซั่งกวน เขาจะไว้หน้าเจ้าหรือ?” ฮูหยินใหญ่ซั่งกวนดูเหมือนจะเจ็บใจที่หลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าไม่ได้[1]

“ฮูหยินใหญ่ หลาน…” มู่หรงปั๋วอวี่ทนเห็นซั่งกวนจิงอิ๋งถูกตำหนิเช่นนั้นไม่ได้ แสงสว่างไสวบนใบหน้าของนางหายไปแล้วด้วยเหตุผลที่เขายังไม่เข้าใจ จะทำให้นางรู้สึกถึงเงามืดของความผิดหวังในใจไม่ได้

“ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะพูดอะไร” ฮูหยินใหญ่ซั่งกวนอาศัยความเป็นผู้มีอาวุโสปฏิเสธไม่ให้มู่หรงปั๋วอวี่พูดอีกต่อไป พลางพูดกับหญิงแก่รับใช้ที่ร่างกายแข็งแรงซึ่งอยู่รอบตัวนางสองสามคนว่า “พวกเจ้างุนงงทำอะไรอยู่ ยังไม่จับเด็กที่ไม่โตคนนี้กลับ ไปให้ข้าอีก ยังอับอายขายหน้าไม่พออีกหรือ?”

“เจ้าค่ะ!” บรรดาหญิงแก่ที่เตรียมพร้อมอยู่ข้างกายนางมาก่อนแล้วต่างรับคำ รีบเข้าไปจัดการซั่งกวนจิงอิ๋ง มู่หรง ปั๋วอวี่ต้องการจะปกป้องนาง แต่ฮูหยินใหญ่ของตระกูลซั่งกวนอยู่ตรงหน้า เขาไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งก้าวก่าย

“ปล่อยข้า!” ซั่งกวนจิงอิ๋งไม่เข้าใจเลยว่าเพราะเหตุใดนางถึงถูกปฏิบัติเช่นนี้

“ข้าจะพาเด็กคนนี้ที่ไม่รู้จักมารยาทกลับไป” ฮูหยินใหญ่แห่งซั่งกวนเห็นพวกหญิงแก่ปิดปากซั่งกวนจิงอิ๋งไว้ จึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจพลางเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าล้วนเป็นลูกหลานของตระกูลขุนนาง และต่างเป็นแขกของเจวี๋ยเอ๋อร์ ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่แพร่งพรายเรื่องไร้สาระนี้ไปส่งเดช!”

เมื่อเห็นซั่งกวนจิงอิ๋งถูกพาตัวไปต่อหน้าต่อตา คนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้ขัดขวาง จึงต้องส่งคนไปหาซั่งกวนเจวี๋ย เพราะนี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของตระกูลซั่งกวน ให้เขาออกหน้าถึงจะสมเหตุสมผล

ในขณะที่ซั่งกวนเจวี๋ยรีบกลับไปที่ตระกูลซั่งกวนอย่างรวดเร็ว เรือนดอกฮุ่ยจื่อที่ฮูหยินใหญ่ซั่งกวนอาศัยอยู่ก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ซั่งกวนจิงอิ๋งถูกฮูหยินใหญ่ซั่งกวนใช้กฎของตระกูล โดนโบยตีถึงยี่สิบไม้ จนเกือบจะเป็นลม ซั่งกวนฮ่าวกับหวงฝู่เยวี่ยเอ้อที่ได้ยินข่าวก็รีบรุดมาหาฮูหยินใหญ่ซั่งกวน ซั่งกวนหลิงลี่ลูกสาวคนเล็กของพ่อบ้านใหญ่ซั่งกวนจิ่นได้โผเข้าหาซั่งกวนจิงอิ๋ง เลยถูกโบยไปด้วยหลายที และกำลังร้องไห้เสียใจอยู่ อนุภรรยาอู๋ซึ่งอยู่ข้างๆ ก็พูดกระทบกระเทียบเปรียบเปรยไปเรื่อย อนุภรรยาหนิงยังคงเกลี้ยกล่อมฮูหยินใหญ่ไม่ให้โกรธเพราะจะกระทบสุขภาพ น้องชายทั้งสองที่เกิดจากอนุภรรยากลับเป็นเด็กเฉลียวฉลาด รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก จึงหลบออกไป ส่วนซั่งกวนอิงเป็นห่วงพี่สาว จึงแตกคอทะเลาะกับซั่งกวนหลิงหลง และยังมีซั่งกวนพิงถิงที่แสร้งทำเป็นน่าเอ็นดูไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังฮูหยินใหญ่เพื่อดูความสนุกสนาน…

เมื่อเห็นซั่งกวนเจวี๋ยวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนใจ ทุกคนก็หยุดชะงักไปสักครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มทะเลาะกันอีกครั้ง…

“ลุงจิ่น ไปเชิญลุงอินมาหรือยัง?” ซั่งกวนเจวี๋ยไม่สนใจพวกเขา แต่ซักถามซั่งกวนจิ่นแล้วหันไปมองซั่งกวนจิงอิ๋งที่ข่มกลั้นความเจ็บปวดโดยไม่ร้องไห้ออกมาออย่างดื้อรั้นด้วยท่าทางห่วงใย

“ไปเชิญแล้วขอรับ!” ซั่งกวนจิ่นพูดด้วยใบหน้าเหยเก แล้วยังมีลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขาอยู่ข้างๆ อีกด้วย เขาไม่คาดคิดว่าฮูหยินใหญ่ซั่งกวนจะโหดร้ายขนาดนี้ แม้แต่เด็กอย่างหลิงลี่ก็ยังลงมือทำได้ลงคอ

ซั่งกวนเจวี๋ยรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ลุงอินที่เอ่ยออกจากปากของเขามีนามว่าอินหงหลัน เป็นหมอที่มีชื่อเสียงในใต้หล้า และเป็นแขกของตระกูลซั่งกวน หลังจาก ‘งานประลองยุทธ์’ ประจำปี เขาจะพักอยู่ที่ตระกูลซั่งกวนเป็นระยะเวลาหนึ่ง ตอนนี้เขาก็อยู่ในตระกูลซั่งกวนพอดี เมื่อเขาอยู่ที่นี่ แม้ซั่งกวนจิงอิ๋งจะต้องทนทุกข์ทรมานนิดหน่อย แต่จะไม่ทิ้งอาการแทรกซ้อนหรือรอยแผลเป็นใดๆ ไว้

“เงียบ!” ซั่งกวนเจวี๋ยตะโกนตวาดลั่น จากนั้นสายตาที่ทั้งไม่พอใจและพอใจมองดูอย่างตื่นเต้นของทุกคนล้วนมองมาที่เขา และต่างก็หุบปากเงียบกริบ…นี่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูลซั่งกวน หากฮูหยินใหญ่มีเรื่องกับลูกหลานหลายคน คำพูดของซั่งกวนฮ่าวจะถูกมองข้าม ในทางตรงกันข้าม ซั่งกวนเจวี๋ยจะมีบทบาทอย่างมาก

“ข้าไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น?” ซั่งกวนเจวี๋ยพูดอย่างเจ็บใจที่หลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าไม่ได้ “ไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านย่าถึงมาที่เรือนสดับวายุ ทำให้หลานสาวแท้ๆ ของตัวเองอับอายต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนั้น? ไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งที่ข้อเท็จจริงยังคลุมเครือ ถึงได้โบยตีจิงอิ๋งอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้? และยิ่งไม่เข้าใจว่าพวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่? พวกเจ้าใครจะให้คำอธิบายที่ชัดเจนกับข้าได้? ท่านย่า? ท่านพ่อ? ท่านแม่? หรืออนุภรรยาคนไหน?”

ทุกคนต่างกลัวหัวหดอย่างอดไม่ได้ครู่หนึ่ง ฮูหยินใหญ่ซั่งกวนรู้สึกผิดต่อการกระทำของนาง เป็นเพราะซั่งกวนฮ่าวเองที่มาไม่ทันเวลาเพื่อปกป้องลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตัวเอง เดิมทีเป็นเพราะซั่งกวนหลิงหลงนางก่อเหตุในเรื่องนี้ แล้วยังมี…

ดีมาก! ล้วนมีส่วนกันทั้งนั้น! ซั่งกวนเจวี๋ยอดเยาะเย้ยไม่ได้ เขาก็ไม่เข้าใจ จิงอิ๋งที่ไร้เดียงสาและไม่มีเล่ห์เหลี่ยมจะไปยั่วยุพวกเขาได้อย่างไร พวกนางจึงจงใจทำร้ายนางเยี่ยงนี้!

“ท่านย่า ท่านเป็นผู้อาวุโส ท่านพูดก่อนเถอะ!” ซั่งกวนเจวี๋ยมองไปที่ทั่วป๋าซู่เยวี่ยอย่างเย็นชา เขารู้ดีถึงการต่อสู้ทั้งต่อหน้าและลับหลังในระหว่างท่านย่ากับท่านแม่ และรู้ว่าพวกนางขัดแย้งกันมาตั้งนานแล้ว แต่เนื่องจากพวกนางยังนับว่ารู้จักบันยะบันยัง ไม่ดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง (อนุภรรยาสองสามคนนั้นเขาไม่ได้กังวลใจ) จึงเพิกเฉย แต่คราวนี้มันเป็นเรื่องที่ทนไม่ได้จริงๆ

“เรื่องนี้พูดแล้วก็เป็นเพราะหลิงหลงด้วย!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมองไปที่ใบหน้าเย็นเยียบของซั่งกวนเจวี๋ยที่ดูเหมือนตายไปแล้ว ในใจยังคงหวาดกลัวเล็กน้อย นางรู้ว่าหลานชายคนโตของนางคนนี้ในยามปกติเป็นคนคุยง่าย และดูเหมือนจะกตัญญูรู้คุณ แต่เมื่ออารมณ์ปะทุขึ้นมาแล้วกลับร้ายกาจกว่าซั่งกวนฮ่าวลูกชายของตัวเองเสียอีก และจะยิ่งไม่ไว้หน้าใคร…ถึงอย่างไร ไม่ว่าเขาจะอยู่ใกล้ตัวเองมากแค่ไหน ก็ไม่ได้ใกล้ชิดเท่าความรักแม่ลูกระหว่างเขากับหวงฝู่เยวี่ยเอ้อได้

ซั่งกวนหลิงหลงตกตะลึง นางเป็นคนปลุกปั่นเรื่องนี้อย่างแน่นอน นางยังบอกว่าซั่งกวนจิงอิ๋งชอบมู่หรงปั๋วอวี่ต่อหน้าฮูหยินใหญ่ จากนั้นก็ไล่ตามไปที่เรือนสดับวายุโดยไม่คำนึงถึงสถานะของตัวเอง นางดุด่าซั่งกวนจิงอิ๋งอยู่พักหนึ่งบอกว่าเป็นคำสั่งของฮูหยินใหญ่ซั่งกวน แต่นึกไม่ถึงเลยว่าฮูหยินใหญ่ซั่งกวนจะไปหาที่เรือนสดับวายุด้วยตนเอง แล้วจับซั่งกวนจิงอิ๋งกลับมา และเมื่อไม่มีใครมาปกป้องซั่งกวนจิงอิ๋งได้ทันเวลา จึงถูกลงโทษด้วยกฎของตระกูล นางก็ประหลาดใจเช่นกัน…ฮูหยินใหญ่ซั่งกวนไม่ใช่คนที่เฉียบขาด! สิ่งที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่านั้นก็คือ เมื่อมาถึงจุดนี้ ฮูหยินใหญ่ซั่งกวนผู้ซึ่งรักนางมาตลอดจะตำหนิและลงโทษนางจริงๆ

“ท่านย่า?” ซั่งกวนหลิงหลงมองไปที่ทั่วป๋าซู่เยวี่ยด้วยความเหลือเชื่อ เหตุใดนางถึงพูดแบบนี้ออกมา นี่จะไม่ทำให้บิดามารดาและพี่ชายโกรธนางหรอกหรือ?

———————————–

[1] เจ็บใจที่หลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าไม่ได้ อุปมาว่า ไม่พอใจกับคนคนนั้นที่ตั้งความหวังไว้หรือเข้มงวดเพื่อหวังว่าจะได้ดิบได้ดีมีการพัฒนาที่ดีขึ้น

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

Status: Ongoing
จากแผนการล่มงานวิวาห์คลุมถุงชนกลับต้องเปลี่ยนเป็นแผนการมัดใจว่าที่สามี เมื่อเขาคนนี้กับชายในฝันของนางคือคนเดียวกัน... 'ถึงเขาจะเจ้าชู้ที่สุดในใต้หล้า แต่เจ้าสาวอย่างข้าจะปราบให้ดู!'

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท