ดินแดนภายใต้การควบคุมของจอมทัพสวรรค์ทักษิณมีกว้างมาก หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่ได้ไปที่เมืองหนานเกิงก่อน แต่ตรงไปที่เมืองอวิ๋นอานเลย
เดิมทีหลี่ว์เสี่ยวอวี๋อยากไปที่เมืองหนานเกิง แต่แล้วหลี่ว์ซู่ ปฏิเสธเสียงหนักแน่น เขากังวลว่าจะพบหลิวอี้เจาที่เมืองหนานเกิง…
ถึงแม้หลี่ว์ซู่จะหน้าตาดีแต่ไม่ถือว่าหล่อตามคติของโลกมนุษย์ ทำไมพอมาที่โลกนี้แล้วก็รู้สึกเหมือนกับโชคดีเรื่องความรัก ไม่ ไม่ใช่โชคดีเรื่องความรักแต่เป็นหายนะทางความรัก…
เมื่อทั้งสองมาถึงเมืองอวิ๋นอานก็คือสามวันให้หลัง ตามหลักหลี่ว์เสี่ยวอวี๋พาหลี่ว์ซู่ดำดินมาควรจะเร็วกว่านนี้แต่หลี่ว์ซู่ประเมินค่าความสามารถในการระบุทิศทางของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋สูงเกินไป
หลังจากลงไปใต้ดินไปแล้ว หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็บอกไว้ก่อนว่าเธอไม่สันทัดเรื่องทิศทาง ตอนนั้นหลี่ว์ซู่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อย่างน้อยเขาก็ได้เห็นว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เป็นฝ่ายมาบอกว่าเธอไม่ถนัดด้านไหน
หลังจากที่พวกเขาไปเดินผิดทางไปแปดครั้ง หลี่ว์ซู่ก็ได้มายืนอยู่นอกกำแพงเมืองและถอนถอดใจกับประตูเมืองว่า “ไหนเธอบอกว่าไม่สันทัดเรื่องทิศทาง เธอไม่มีทิศเลย …”
[ได้แต้มจากหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ +199!]
ในตอนนี้หหลี่ว์ซู่นึกถึงตอนเป็นเด็ก ครั้งแรกที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋แอบหนีออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แล้วหาบ้านหลังเล็กที่ถนนสิงสู่ไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะไปยังไง เธอจึงโทรหาหลี่ว์ซู่อย่างน่าสงสาร หลี่ว์ซู่ถามว่าเธออยู่ที่ไหน เธอบอกว่าอยู่ใต้ก้อนเมฆก้อนหนึ่ง…
แต่หลังจากคราวนั้นหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็จำได้ว่าต้องไปยังไง ดูเหมือนว่าเพราะหลี่ว์ซู่อยู่ที่นั่นเธอถึงจำทางได้
เมืองอวิ๋นอานคึกคักมาก หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็รู้สึกเหมือนเข้าไปในเมืองในภาพยนตร์ มีสถานีจอดม้าอยู่ข้างประตูเมือง มีกองม้าพักผ่อนอยู่ ดูท่าแล้วเหมือนกับเป็นขบวนพ่อค้า
หลี่ว์ซู่นับธนบัตรในกระเป๋าของเขา ก่อนหน้านี้เขาขายของขวัญจากตระกูลอวี่เพื่อแลกกับธนบัตรเหล่านี้แต่ก็มีไม่มากนัก เพียงพอที่จะใช้ไปได้ไม่กี่วันเท่านั้น
“เราต้องหาวิธีหาเงิน” หลี่ว์ซู่ถอดถอนใจ “ถ้าฉันเข้าร่วมกองทัพอู่เว่ย เธอต้องมีทุนที่จะอยู่ในเมืองอวิ๋นอานนี้ พวกเราต้องหาทางทำธุรกิจเล็กๆ กัน”
ถ้าเขาสามารถนำตราแผ่นดินออกมาได้ก็ดี แค่ของในตราแผ่นดินหยิบออกมาค้าขาย ตอนนี้เขาใช้ตราแผ่นดินไม่ได้ แม้แต่หยิบยังไม่กล้าหยิบออกมาด้วยซ้ำ
หลี่ว์ซู่มองหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ “ถ้าวิญญาณที่เธอจับมาเหมือนคนจริงก็ดี จะได้ให้วิญญาณออกหน้าเธอจะได้ไม่ต้องออกโรง ฉันถามจางเว่ยอวี่แล้ว คนในโลกจักรวาลหลี่ว์ยังคงถือเรื่องจับวิญญาณ เพราะพวกเขาเชื่อว่าวิญญาณของมนุษย์จะไม่สูญสลายและสามารถกลับมาเกิดใหม่ได้”
ถึงตอนนี้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะสูงขึ้น แต่เธอก็ยังเด็กอยู่และดูใสซื่อ เธอไม่จำเป็นต้องได้รับการปกป้องด้วยซ้ำเพราะเมืองอวิ๋นอาน เจ้าเมืองนั้นมีพลังแค่ระดับสอง ต่อให้เจ้าเมืองระดับหนึ่งของเมืองใหญ่เธอก็ไม่หวาดกลัว เธอยังปกป้องตัวเองได้เช่นเดิม
แต่ปัญหาคือบางคนเห็นว่าเธอยังเด็กก็เลยจะมารังแก ถ้าหากมียอดฝีมือคอยติดตามก็จะได้เบาใจลง
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เหลือบมองเขาแล้วเดินเข้าไปที่อับสายตาคนแล้วเรียกวิญญาณหัวหน้าบาทหลวงและจอห์นสัน จากนั้นหลี่ว์ซู่ได้เห็นกับตาว่าไข่มุกเจ็ดสีลอยออกมาจากตัวจอห์นสันแล้วเข้าไปในตัวของหัวหน้าบาทหลวง จากนั้นหัวหน้าบาทหลวงร่างดำก็ค่อยๆ จางลงและมีสีสันตามรูปลักษณ์ที่แท้จริง
หลี่ว์ซู่ได้ไข่มุกเจ็ดสีมาจากการฆ่าสายลับระดับ C ของญี่ปุ่นในโบราณสถานเป่ยหมัง หลังจากให้จอห์นสันกินลงไปแล้วเขาพบว่าไม่มีพลังเพิ่มขึ้นจึงไม่ได้สนใจมัน
หลี่ว์ซู่อึ้งไปนาน “ไข่มุกเจ็ดสีนั้นเปลี่ยนคนให้ดูเป็นจริงขึ้นแทนที่สีดำนั้นเหรอ เธอให้เขาหยุดยิ้มทื่อๆ ได้ไหม…”
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋กลอกตามองบน “ประโยคนี้ควรเป็นฉันถามนายซิ เธอให้เขาหยุดยิ้มทื่อๆ ได้ไหม”
[ได้แต้มจากหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ +399!]
ตอนนี้ใบหน้าของหัวหน้าบาทหลวงไม่ขุ่นมัวอีกต่อไปแล้ว ราวกับว่าเขาเป็นโรคพาร์คินสัน … หรือที่เรียกกันว่าอัลไซเมอร์…
ถึงหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะรู้ว่าไข่มุกวิญญาณเจ็ดสีสามารถเปลี่ยนวิญญาณให้กลายเป็นร่างจริงได้แต่เธอก็ไม่เคยได้ใช้มันก็เพราะการยิ้มทื่อๆ นี้
ต่อให้กลายเป็นคนจริงมาคอยติดตามแต่ยิ้มแบบนี้คงช่วยให้ดูน่าเกรงขามขึ้นหรอก!
ถึงเสื้อผ้าสามารถจำลองได้แต่รอยยิ้มยังไงก็ปรับไม่ได้ มันคงมีความสำคัญสูงมาก…
หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดอยู่นาน “ยังไงก็ดีกว่าไม่มี ใช้ผ้าพันคอหรืออะไรก็ได้ปิดหน้าครึ่งล่างของเขาละกัน แล้วยังช่วยลดความรู้สึกของชาวต่างชาติลงได้ … ไม่ให้บังตาเขา ปิดปากซิ…”
ครั้นแล้ว หลี่ว์เสี่ยวอวี๋และหลี่ว์ซู่จึงมีชายชราที่มีผ้าพันคอลายกระต่ายสีชมพูปิดใบหน้าติดตามอยู่ข้างหลัง… บอกยากมากว่าเขาดูน่าเกรงขามมากแค่ไหน …
หลี่ว์ซู่กำลังคิดเรื่องหนึ่งอยู่ เขาได้ไข่มุกวิญญาณจากการสังหารวิญญาณ ต่อมาเขาก็ได้ฆ่าคนไปมากมายแต่เขาก็ไม่เคยได้รับมันอีกเลย
เขาไม่รู้ว่าไข่มุกวิญญาณสามารถดึงวิญญาณของผู้ถูกหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ฆ่ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง แม้ว่าประสิทธิภาพจะต่ำมาก แต่ตอนนี้จอห์นสันก็มีพลังจุดสูงสุดของระดับสอง แต่เหมือนว่าจะมีเรื่องนี้จะมีอุปสรรค ไม่สามารถพัฒนาให้สูงกว่าระดับสองได้แล้ว
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็คิดเช่นกัน ระดับแรกคือกระบวนการผสานเข้ากับกฎแห่งธรรมชาติและกฎของโลก กฎของทุกคนแตกต่างกันไปและดวงวิญญาณบริสุทธิ์ไม่สามารถมอบกฎธรรมชาติให้ได้
แต่ถ้าฆ่าระดับหนึ่งล่ะ พลังดวงวิญญาณจอห์นสัน แอนโทนี่ที่พวกเขาดูดมาจะมีผลจากการหลอมรวมของดวงวิญญาณและกฎนั้น ทำให้พลังสูงขึ้นอันดับหนึ่งหรือไม่
จัดการฆ่าศัตรูพลังระดับหนึ่งและจับวิญญาณมาก็ได้แต่ทว่าตอนนี้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ใช้พลังธาตุดินและพลังการเสกสรรจนคล่องแล้ว เธอหวังว่าจอห์นสันและแอนโทนี่จะสามารถพัฒนาพลังต่อไปได้ผ่านการดูดซับพลังของดวงวิญญาณ
แต่ในตอนนี้ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งแอบมองหลี่ว์ซู่จากข้างทาง หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งว่าโลกนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่
จากนั้นวินาทีถัดมา มีผู้หญิงคนหนึ่งเผลอทำไม้ยันหน้าต่างตกลงมาจากหน้าต่างบานหนึ่งของอาคารสองชั้นข้างทางและตกลงตรงหน้าหลี่ว์ซู่พอดีเลย
แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋คว้าไม้ไว้ได้ก่อนที่จะตกลงพื้นแล้วขว้างกลับไป…
[ได้แต้มจากหลิวเจินฮวา +199!]
เดิมทีหลี่ว์เสี่ยวอวี๋กำลังคิดหาวิธีไม่ให้หลี่ว์ซู่ไปที่ค่ายทหารอยู่ เพราะไปที่ก็อีกนานกว่าจะได้เจอกันที ทหารคนไหนกันจะกลับบ้านได้ทุกวัน ใช่ไหม
ตอนนี้ทั้งสองคนโดดเดี่ยวและไร้ญาติขาดมิตรอยู่ในโลกจักรวาลหลี่ว์ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋หวังว่าจะได้เห็นหลี่ว์ซู่ทุกวัน
แต่ในตอนนี้จู่ๆ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็รู้สึกว่าให้หลี่ว์ซู่ไปค่ายทหารที่มีแต่ผู้ชายยังจะดีกว่า…