ในคืนเดียว กลุ่มโจรละแวกเมืองอวิ๋นอานต่างล่มสลาย ชาวบ้านไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มีข่าวแพร่กระจายในบรรดาทาสของขุนนาง หมู่บ้านชิงหลงกวาดล้างโจรก๊กอื่นจนหมดสิ้นในคราวเดียว
มีคนจํานวนน้อยที่รู้ว่าการล่มสลายของก๊กโจร 10 กว่าก๊กในวันนั้น ผู้บัญชาการทัพอู่เว่ย เยี่ยเสี่ยวหมิงกลับมาแล้วมีอาการสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
มีคนคาดเดาว่าเขาอาจจะได้ต่อสู้กับหัวหน้าหมู่บ้านชิงหลงคนใหม่และพ่ายแพ้!
น่าตกใจมากที่ผู้แพ้คือเยี่ยเสี่ยวหมิงที่มีพลังระดับ 2 แล้วหัวหน้าหมู่บ้านคนใหม่นั่นจะมีพลังระดับไหน
หลังจากที่เยี่ยเสี่ยวหมิงกลับมาก็เก็บเนื้อเก็บตัว ขุนนางและนายทาสที่มาเยี่ยมเพื่อสืบข่าวต่างไม่ได้ให้เข้าพบ มีคนสังเกตว่าเยี่ยเสี่ยวหมิงได้ส่งคนออกไปนอกเมือง ทุกคนคิดว่าเขาจะขอกำลังทหารมาช่วยแต่คนที่ออกไปนั้นกลับตายอยู่ที่นอกเมือง
เพียงชั่วพริบตา หมู่บ้านชิงหลงกลายเป็นคำต้องห้ามในบรรดาขุนนาง ทุกคนล้วนไม่อยากวู่วามเคลื่อนไหวได้แต่รอดูสถานการณ์
ไม่ว่าทัพอู่เว่ยหรือหมู่บ้านชิงหลงก็ดี ฝ่ายไหนที่มีความเคลื่อนไหวก็จะมีผลกระทบต่อเมืองอวิ๋นอานอย่างมาก
ในเวลาเดียวกัน ชาวหมู่บ้านชิงหลงกำลังยุ่งตัวเป็นเกลียว หลี่เฮยทั่นพาคนพร้อมกับกล่องสบู่กล่องแล้วกล่องเล่าเข้าๆ ออกๆ เมืองอวิ๋นอานไม่ขาดสาย…
ร้านค้าจำนวนมากก็เริ่มกลัวว่าเพิ่งจะเก็บค่าคุ้มครองไปทำไมมาอีกแล้วแต่ต่อมามีข่าวออกมาว่า หมู่บ้านชิงหลงเปลี่ยนหัวหน้าคนใหม่แล้ว
ทุกคนจึงเข้าใจว่าเมื่อเปลี่ยนหัวหน้าคนใหม่ก็ต้องมาเก็บค่าคุ้มครองครั้งหนึ่งเพื่อเป็นการแสดงบารมี ใครไม่ให้ก็จะถูกเชือดไก่ให้ลิงดู
ด้วยพลังของหัวหน้าหมู่บ้านตอนนี้ยังเป็นปริศนากับคนอื่น ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาคิดจะทำอะไร
ต่อมาพบว่าหมู่บ้านชิงหลงต้องการทำการค้ากับทุกคนจริงๆ …
หลี่เฮยทั่นพาคนขนกล่องสบู่เข้าเมือง จากนั้นก็พูดกับเถ้าแก่ร้านค้าทุกท่านว่า “สบู่ของเราเป็นของดี หัวหน้าเราบอกว่าของสิ่งนี้เป็นของจำเป็นในชีวิตประจำวัน พวกคุณจะไม่เสียใจที่ซื้อมัน”
หลี่ว์ซู่มั่นใจในสินค้าของเขา คนทั่วไปต้องการความสะดวกสบายในชีวิต เมื่อใดใช้สบู่ที่ล้างมือสะอาดแล้วก็จะต้องติดใจ
มันเป็นสินค้าที่เข้ากับยุค ดังนั้นหลี่ว์ซู่จึงคิดว่าเขาแค่เปิดโอกาสแล้วเงินทองก็จะไหลมาเทมาหาเขา
ไม่นานนัก เหล่าขุนนางก็เริ่มเข้าใจว่าหมู่บ้านชิงหลงกำลังทำอะไรอยู่และเอาสบู่มาศึกษา พวกเขาอยากรู้ว่าเจ้าสิ่งนี้มีความมหัศจรรย์อย่างไรหรือว่าเป็นลูกเล่นของหมู่บ้านชิงหลง
จากนั้นทุกคนก็พบว่า…มันก็ใช้งานได้ดีจริงๆ!
แต่ราคาสบู่ของหมู่บ้านชิงหลงค่อนข้างแพง ชาวบ้านธรรมดาซื้อไม่ไหว แต่ภายใน 7 วันสบู่ก็กลายเป็นสินค้าแฟชั่นในหมู่ลูกหลานขุนนางเพราะลูกสาวขุนนางและนายทาสบางคนพบว่าสบู่นี้สามารถสระผมได้สะอาดมาก
ยุคที่ทุกคนใช้ใบไม้สระผมได้ผ่านไปแล้ว เมืองอวิ๋นอานได้เปิดยุคแห่งสบู่อย่างเป็นทางการ
ถ้าเป็นสินค้าธรรมดาไม่มีทางเป็นที่รู้จักได้รวดเร็วขนาดนี้เพราะหมู่บ้านชิงหลงใช้วิธีการเก็บค่าคุ้มครองในการขายสินค้า…
เหล่าขุนนางจึงรู้สึกประหลาดใจเมื่อก่อนโจรก็เคยใช้วิธีขายของเก็บค่าคุ้มครองแต่นั่นเป็นของไร้ประโยชน์พวกหินพวกกิ่งไม้
พวกเขาเพิ่งเคยเห็นโจรขายสินค้าจริงจังและใช้งานได้ดีแบบนี้เป็นครั้งแรก…
พริบตาผ่านไปครึ่งเดือน ทุกคนต่างเคยชินกับภาพการส่งสบู่ของหมู่บ้านชิงหลง พวกเขาพบว่าหมู่บ้านชิงหลงไม่ได้ขายให้ทุกร้าน อย่างน้อยเขาก็ใช้หลักความสมัครใจในการซื้อ
ทันใดนั้น ชาวบ้านก็เริ่มมีทัศนคติที่ดีกับหมู่บ้านชิงหลงถึงขั้นรู้สึกว่าหมู่บ้านชิงหลงเป็นโจรนิสัยดี แต่มีคนมาบอกว่าหมู่บ้านชิงหลงเปลี่ยนธงแล้ว ไม่ใช้ผดุงความยุติธรรมแทนสวรรค์แต่เป็นหลุดพ้นความยากจนมุ่งสู่ความร่ำรวย…
ในช่วงนี้มีคนออกนอกเมืองไปเยี่ยมญาติ เมื่อกลับมาในเมืองแล้วได้พูดกับคนในเมืองว่าเจอคนจากหมู่บ้านชิงหลงขวางทางไว้ ทุกคนเป็นห่วงและถามว่า “พวกเขาทำร้ายนายไหม”
เมื่อก่อนชาวบ้านประสบเหตุการณ์โจรข่มขู่ระหว่างทางจนชินตา ถึงขั้นถูกฆ่ายกครัวก็มีให้เห็นแต่ตอนนี้เหมือนไม่เป็นแบบนั้นแล้ว
คนนั้นบอกว่า “พวกเขาไม่ได้ปล้นแต่ยัดสบู่ในซองกระดาษอย่างดีมาให้ ให้ฉันเอาไปให้ญาติแต่ฉันต้องบอกญาติด้วยว่าเป็นของมาจากหมู่บ้านชิงหลง…”
คนข้างๆ สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ โจรพวกนี้นับวันไม่เหมือนโจรเข้าไปทุกที!
ที่จริงชาวหมู่บ้านชิงหลงรับรู้เรื่องนี้ได้ดีที่สุด ด้วยเงินที่หามาในครึ่งเดือนนี้มากพอกับรายได้ทั้งปีในอดีต เมื่อก่อนมีก๊กโจร10 กว่าที่ ตอนนี้มีเพียงหมู่บ้านชิงหลงแห่งเดียว นอกจากแบ่งกำไรให้ผู้บัญชาการทัพอู่เว่ย 10% รายได้ที่เหลือทั้งหมดจึงเป็นของหมู่บ้านชิงหลง
แต่หลี่ว์ซู่ไม่พอใจยอดขายแค่นี้ นอกจากหลี่เฮยทั่นที่ไปส่งของที่เมือง คนอื่นๆ ต้องผลิตสบู่
เมืองอวิ๋นอานเล็กเกินไปไม่เหมือนกับเมืองหนึ่งเมืองของโลก
จากการคำนวณของหลี่ว์ซู่ ประชากรเมืองอวิ๋นอานทั้งหมดยังไม่ถึงหนึ่งแสนคนแต่ก็เป็นจำนวนที่ไม่น้อยแล้วเพราะว่าเมืองนี้ถูกทหารอู่เว่ยทรมานมาหลายปี
แต่ในจำนวนแสนคนมีคนที่ซื้อสบู่ได้ไม่มากนัก หลี่ว์ซู่ไม่อยากไปบังคับชาวบ้านแค่ใช้ชีวิตประจำวันก็ยากพอแล้ว
ดังนั้นหลี่ว์ซู่จึงมองไปตลาดด้านนอก
จักรวาลหลี่ว์ตั้งกว้าง ถ้าทั้งจักรวาลใช้สบู่เขา เขาไม่กลายเป็นเศรษฐีหมื่นล้าน? ในยุคนี้ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์ ถ้าคิดจะวิจัยวิธีผลิตสบู่ออกมาคงจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยเป็นปีๆ
ภาพลักษณ์หมู่บ้านชิงหลงค่อยๆ ดีขึ้น แต่หลี่ว์ซู่ไม่เคยต้องการให้เปลี่ยนจนหมด ในกลียุคแบบนี้ ยิ่งดูแข็งแกร่งก็ยิ่งมีคนมารังแกน้อยลง
หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าก่อนหน้านี้เขาค่อนข้างตายตัวมากไป อยากให้ตัวเองค่อยๆ ปรับตัวเข้าจักรวาลให้เหมือนเป็นคนของจักรวาลนี้แต่พอมาเข้าพบว่าจักรวาลนี้วุ่นวายเหลือเกิน แต่ละคนมุ่งเอาชีวิตรอดและความเป็นใหญ่ เขาแค่ให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมาบ้างแค่นี้ก็พอจะเป็นเหมือนคนจักรวาลนี้แล้ว… คนอื่นไม่คิดซับซ้อนแบบเขา
ล่วงเข้าสู่เดือนใหม่ หลี่ว์ซู่ให้หลี่เฮยทั่นไปเก็บค่าคุ้มครอง หลี่เฮยทั่นพาคนควบม้าไปที่โรงจำนำของหลินกุ้ย เถ้าแก่ออกมาต้อนรับอย่างอบอุ่น “ยินดีต้อนรับทุกท่าน ช่วงนี้พวกเราต่างพูดกันว่าคนหมู่บ้านชิงหลงเป็นคนดีทั้งนั้น ไม่ได้เป็นโจร”
หลี่เฮยทั่นชำเลืองมองเขา “มัวแต่พูดมากอะไรอยู่ ครั้งนี้ฉันเอาสบู่อันใหม่มา จ่ายเงินมาเหมือนเดิมซะ”
หลินกุ้ยยิ้มอย่างจำใจ “เอ่อ คืออย่างนี้ ครั้งก่อนพวกเรายังขายไม่หมดเลย ครั้งนี้ไม่เอาแล้วกันนะ”
หลี่เฮยทั่นมองหลินกุ้ยแล้วก็หยิบดาบใหญ่ที่เหน็บอยู่ข้างเอววางลงบนโต๊ะ “ไม่ซื้อหรือ ใครอนุญาตให้นายพูดว่าไม่ซื้อ”
หลินกุ้ย “…”
[ได้แต้มจากหลินกุ้ย +666!]