หลี่ว์ซู่พาหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไปลาดตระเวนรอบๆ ดินแดนใหม่ของเขา
ที่จริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลี่ว์ซู่มี “อาณาเขต” เป็นของตนเอง
หมู่บ้านชิงหลงเลือกทำเลที่ตั้งได้ดีมาก ด้านหลังติดหน้าผา ด้านหน้าเป็นถนนเล็กๆ ขรุขระที่ปกป้องได้ง่ายแล้วยากต่อการโจมตี คนทั่วไปถ้าคิดจะบุกเข้ามาก็เป็นเรื่องยาก ที่แห่งนี้นี่เองที่ผู้มีพลังระดับ 3 และกลุ่มคนเร่ร่อนสามารถต้านการโจมตีจากด้านหน้าของทหารอู่เว่ยได้ ไม่เพียงเท่านี้ยังมีเส้นทางลับมากมายในภูเขานี้และมีกลุ่มโจรดักซุ่มจำนวนมาก
เท่าที่หลี่ว์ซู่เห็น โจรป่าบางคนมีประสบการณ์การต่อสู้มากกว่าทหารอู่เว่ยซะอีก
แต่ไม่ว่าจะมีแผนการดีเพียงไร หัวหน้าหมู่บ้านนี้ไม่มีทางคาดคิดว่าศัตรูในครั้งนี้จะบินมา…
เมื่อหัวหน้าบาทหลวงบินมาพร้อมกับผ้าพันคอสีชมพู ทั้งหมู่บ้านต่างตกตะลึงกัน…จากนั้นก็กลายเป็นการสังหารหมู่แบบถล่มยับ
หัวหน้าบาทหลวงมี 2 ท่าไม้ตาย ท่าแรกคือการควบคุม อีกท่าหนึ่งคืออาวุธของเขา หลี่ว์ซู่เองเคยประสบกับ 2 ท่านี้มาก่อน แต่ในตอนนั้นฟรานซิสโกมีพลังแค่ระดับ 2 พลังของเขาจึงไม่น่ากลัว
ตอนนี้หัวหน้าบาทหลวงใช้แสงสีเงินในการควบคุมทุกคนให้อยู่กับที่และฟันกระบี่เพียง 5 ครั้งก็สังหารคนไปกว่า 400 กว่าคน เป็นภาพที่น่ากลัวมาก
ดังนั้นหลี่เฮยทั่นจึงรู้สึกตั้งแต่ต้นว่าสมองหัวหน้าคนใหม่ของเขาคงมีปัญหา ที่รอให้คนอื่นมาล้อมแต่พอคิดดูแล้วไม่ใช่ว่าสมองหลี่ว์ซู่มีปัญหาแต่ตัวเขาเองต่างหากที่มีปัญหา…
พลังระดับหนึ่ง…มีเพียงไม่กี่สิบคนภายใต้ดินแดนของจอมทัพสวรรค์ทักษิณ แล้วพวกเขาเหล่านั้นต่างเป็นเจ้าพระยาหรือขุนนางชั้นสูง
ใครจะไปคิดว่าผู้มีพลังระดับหนึ่งจะมาที่หมู่บ้านชิงหลง แล้วลูกน้องของหัวหน้าคนใหม่ท่านนี้มีพลังระดับ 1 แล้วตัวหัวหน้าล่ะจะมีพลังขนาดไหน ไม่อยากจะคิดเลย…
คำถามคือเก่งขนาดนี้จะมาที่นี่ทำไม คิดๆ ดูแล้ว สมองของเขาน่าจะมีปัญหาอยู่บ้าง…
ตอนนี้หัวหน้าบาทหลวงยืนอยู่บนลานกว้างของหมู่บ้าน ตรงกลางของลานมีธงปักอยู่ บนธงเขียนว่าผดุงยุติธรรมแทนสวรรค์ หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าสี่คำนี้มันดูจอมปลอมเกินไป ทำเพื่อหาเงินทั้งนั้นเขียนอะไรไร้สาระ หลี่ว์ซู่จึงพูดกับหลี่เฮยทั่นว่า “เปลี่ยนตรงนั้นซะ”
หลี่เฮยทั่นตกใจ “เปลี่ยนเป็นอะไรครับ”
“หลุดพ้นความจนมุ่งสู่ความร่ำรวย!” หลี่ว์ซู่พูดด้วยความมั่นใจ
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ “…”
ที่จริงเธอไม่ประหลาดใจเลย นี่สิถึงจะเป็นนิสัยของหลี่ว์ซู่ มาวิเคราะห์ดูแล้วมันดูเหมือนเรากลัวการรวมตัวของชาวเมืองและชนบท
แต่โจรในหมู่บ้านชิงหลงคนอื่นๆต่างหงุดหงิดใจ นี่ไม่ใช่สิ่งที่โจรป่าทำกัน พูดน่าเกลียดหน่อยก็คือ พวกเขายังไม่รังเกียจตัวเองแต่หัวหน้าคนใหม่กลับคิดจะหลอกตัวเอง หลี่ว์ซู่ตวาด “มีชาวบ้านคนไหนไม่รู้ว่าพวกนายทำอะไรไหม”
หลี่เฮียทั่นพูดเตือนเขาเสียงค่อย “ไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นเราทุกคน…”
“ใช่ๆๆๆ เราทุกคน” หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเขาเป็นหัวหน้าที่ดียอมรับคำเสนอแนะจากผู้อื่น
ครั้งที่แล้วหมู่บ้านชิงหลงจึงเปลี่ยนสโลแกนจากผดุงความยุติธรรมแทนสวรรค์เป็นหลุดพ้นความยากจนมุ่งสู่ความร่ำรวย…
หลี่ว์ซู่ให้หลี่เฮยทั่นพาเขาและหลี่ว์เสี่ยวอวี๋พาเดินหมู่บ้าน ที่เขาเหลือไว้คนเอาไว้ 1 ใน 10 ก็เพราะหลี่ว์ซู่ไม่ชอบมากคนมากความ คนอื่นต่างวิ่งหนีเมื่อเห็นหัวหน้าบาทหลวงมีแค่ 1 ใน 10 นี่ที่กล้าเข้ามาสู้
โดยเฉพาะหลี่เฮยทั่นที่ต้องการต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายกับหัวหน้าบาทหลวงให้ได้…
หลี่ว์ซู่ไม่กังวลว่าโจรที่เหลือไว้นี้จะต่อต้านเขา ที่จริงพลังของโจรพรุ่งนี้ต่อให้มาเป็นพันคนหัวหน้าบาทหลวงพ่อฆ่าตายหมด นี่ยังไม่ได้ให้แอนโทนี่และจอห์นสันออกโรงนะ
หากนับจำนวนโจรป่าในจักรวาลหลี่ว์ ไม่มีสักแห่งที่มีผู้มีพลังระดับ 1 หนึ่งคนและระดับ 2 สามคน พลังการต่อสู้เช่นนี้โดยทั่วไปแล้วไม่มาเป็นโจรป่า แค่ไปหาจอมทัพสวรรค์ก็ได้ตำแหน่งที่ปรึกษามาง่ายๆ แล้ว ในบรรดาเมืองนับร้อยภายใต้การควบคุมของกองทัพสวรรค์ เป็นเจ้าเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย…
แต่ทุกตำแหน่งคือตำแหน่งที่ตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ…
ไอ้ตอนนี้เอง หลี่ว์ซู่ยกมือขึ้น เส้นทางลับบนยอดเขาก็ถูกปิดตายลง หินขนาดยักษ์ถูกยกขึ้นมาและเรียงซ้อนกันจนกลายเป็นกำแพงเมืองที่แน่นหนา
เดิมทีที่ตั้งหมู่บ้านชิงหลงก็อันตรายพอสมควรแต่ตอนนี้เหมือนกลายเป็นเสมือนป้อมปราการเส้นทางที่เหมาะกับการปีนในอดีตต่างถูกปิดตายจนหมด เดิมทีด้านหน้ามีความลาดตระเวน 2 แห่ง ตอนนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงหินไปแล้ว และมีการออกแบบบันไดไว้บนกำแพงหินด้วย
ที่จริงทุกคนในหลี่ว์นเวิร์สต่างเป็นผู้บำเพ็ญ หลี่เฮียทั่นยังไม่เคยเห็นการใช้งานองค์ประกอบเดียวได้เต็มศักยภาพเช่นนี้ เขาจึงตะลึงในความสามารถของหลี่ว์ซู่ แม้แต่โจรป่าคนอื่นก็ต่างตกใจด้วยความกลัว
วัยรุ่นคนนี้ช่างน่าลึกลับอย่างที่คิดไว้จริงๆ!
ที่จริงหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ปรึกษากันแล้วว่าจะจงใจสร้างภาพลักษณ์ปลอมให้กับเขาเพื่อให้ทุกคนเชื่อมั่น
โจรป่าพรุ่งนี้ปกติแล้วจะโยกย้ายถิ่นบ่อย หมู่บ้านนี้เบื่อแล้วก็ย้ายไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง ใครเป็นหัวหน้าจึงไม่สำคัญ สำคัญที่มีของกินมีเหล้าและปลอดภัยไหม
แต่ตอนนี้ปลอดภัยมาก ใครกล้าทำอะไรกับโจรป่าที่มีพลังระดับ 1…
หลี่เฮยทั่นไม่รู้ว่าทำไมถึงแม้ว่าเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์สังหารหมู่ไปแต่เห็นหัวหน้าคนใหม่ทำงานเช่นนี้ก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาไม่มากก็น้อย
การดื่มน้ำเป็นปัญหาดั้งเดิมของหมู่บ้านนี้เพราะที่ตั้งอยู่บนสถานที่อันตราย ปัญหาเรื่องแหล่งน้ำจึงไม่ได้รับการแก้ไข จะดื่มน้ำต้องไปหาบน้ำ ทางออกไปหนึ่งลี้ แต่หัวหน้าคนใหม่จัดการขูดคูน้ำให้น้ำไหนเข้ามาในหมู่บ้านเลย
แต่พอมีคูน้ำสายนี้แล้วหมู่บ้านชิงหลงดูดีขึ้นมาก…
มีสิ่งเดียวที่กังวลคือพวกเขาจะทำอย่างไรถ้าหัวหน้าคนนี้อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย กลัวจะอยู่กันไม่เป็นสุข…
แต่หลังจากเห็นหลี่ว์ซู่สร้างป้อมปราการของหมู่บ้านใหม่ เขาพูดกับเหล่าฝูงชนใต้ธง “หลุดพ้นความยากจนมุ่งสู่ความร่ำรวย” ว่า “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกเราจะไม่ปล้นสะดม ฉันจะแบ่งงานให้พวกนายทำ รอจนทัพอู่เว่ยขนโจรจากหมู่บ้านอื่นส่งหัวคนมา พวกเราค่อยมาคุยกันว่าจะหาเงินอย่างไร”
หลี่เฮยทั่นคิดว่าหัวหน้าคนใหม่นี้พูดจาแปลกไป ส่งหัวคน? แต่มันเป็นรูปธรรม ผู้บัญชาการพลังระดับ 2 ของทัพอู่เว่ยพากลุ่มโจรป่าพลังระดับ 3 กลุ่มหนึ่งมาโจมตี แต่ก็ไม่ได้มาส่งหัวคน…
แต่ศึกใหญ่รออยู่ข้างหน้า ทำไมหัวหน้าให้พวกเขาเตรียมหม้อใบใหญ่ เอาหม้อใบใหญ่มาทำอะไร แล้วยังให้ต้มน้ำมันหมู ส่วนเนื้อกลับวางเอาไว้ไม่กิน จะเอาน้ำมันไปทำอะไร…
ก๊กโจรก๊กอื่นๆ ต่างตกใจ เมืองอวิ๋นอานสงบสุขมาเกือบ 7 ปี ขนาดทหารเสื้อขนดำยังไม่สนใจเข้ามาโจมตีเมืองนี้ แต่ด้วยเวลาเพียง 1 วันหมู่บ้านชิงหลงก็เปลี่ยนธงหัวหน้าเสียแล้ว มันเกิดอะไรขึ้น!
ทุกคนต่างเคยชินกับการหาเงินเงียบๆ กดขี่ชาวเมืองอวิ๋นอาน เบ่งบารมีได้กินดีอยู่ดี สภาพแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว แต่อยู่ๆ ก็มีคนต่างถิ่นเข้ามาแล้วสังหารหัวหน้า
ตอนนั้นไม่มีใครหนีรอดออกมาจากหมู่บ้านชิงหลง บางคนก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนระหว่างกลับหมู่บ้าน แต่ไม่นานนักก็ได้เห็นธงถูกเปลี่ยนออกแล้วแทนที่ด้วยธงใหม่ที่เขียนว่าหลุดพ้นความยากจนมุ่งสู่ความร่ำรวย…
ดังนั้นทุกคนจึงไม่เข้าใจว่าข้างบนเกิดอะไรขึ้น…