อะไรที่เรียกว่าปล่อยไก่ อะไรที่เรียกว่ายกก้อนหินกระแทกที่เท้าตัวเอง ยามนี้อนุภรรยาอู๋รู้สึกสะเทือนใจอยู่ลึกๆ เมื่อมองอู๋เลี่ยนเยี่ยนที่ไม่ได้เจอมานานกว่าหนึ่งเดือน ในดวงตาของอนุภรรยาอู๋เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“เราป้าหลานไม่ได้คุยกันมานานแล้ว ฉวยจังหวะที่วันนี้สะใภ้ใหญ่มีพระคุณ เราจึงได้พูดคุยกันดีๆ ถ้าคุยกันนานก็พักผ่อนที่นี่เสียเลย ข้าจะส่งคนไปรายงานสะใภ้ใหญ่” แล้วมองอู๋เลี่ยนเยี่ยนที่หลุบตาอย่างพอใจ เมื่อมองสาวใช้ตัวน้อยข้างๆ นาง ก็ระงับความโกรธไว้
“ทำให้ท่านป้าเป็นห่วง จริงๆ แล้วเลี่ยนเยี่ยนรู้สึกเสียใจ แต่ตอนนี้เลี่ยนเยี่ยนเป็นคนในห้องของคุณชายใหญ่แล้ว หากไม่กลับเรือนในเวลากลางคืนจะผิดกฎ หลังจากฟังคำสอนของท่านป้าแล้วก็ยังต้องกลับไป” อู๋เลี่ยนเยี่ยนผ่านการฝึกอบรมตนมาสักระยะหนึ่ง แม้นิสัยเดิมจะไม่ได้เปลี่ยนไป แต่กลับเรียนรู้ความหมายที่แท้จริงของคำพูดของผู้ที่รู้จักกาลเทศะนี้ บัดนี้นางจะไม่ละเมิดกฎที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์กำหนดไว้อย่างโจ่งแจ้งเด็ดขาด
“เจ้า…” อนุภรรยาอู๋โกรธจนลุกไม่ขึ้น เพื่อจะคว้านางออกมา นางเริ่มแสดงความหวังดีกับหวงเซียวเซียงเอง หวงเซียวเซียงค่อนข้างมีไหวพริบ ไม่กล้าเอ่ยเรียกร้องอะไร เพียงบอกว่าให้อนุภรรยาอู๋อย่าลืมนึกถึงตนก็พอ ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนอาหารค่ำ หวงเซียวเซียงจงใจเอ่ยถึงอู๋เลี่ยนเยี่ยนต่อหน้าซั่งกวนฮ่าวและภรรยา เล่าถึงความผูกพันฉันพี่น้อง แสดงความเห็นใจอย่างสุดซึ้งที่อู๋เลี่ยนเยี่ยนถูกขังไว้เพื่อเรียนรู้กฎ ผลลัพธ์เล่า? ก่อนจะพูดจบ เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับอู๋เลี่ยนเยี่ยนซึ่งเป็นคนซื่อสัตย์และประพฤติดี เชิญทุกคนมารับประทานอาหาร หวงเซียวเซียงที่อยู่ตรงนั้นที่แสดงความรักของพี่น้องอย่างหน้าดำหน้าแดง ขณะนี้ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
เพียงเท่านี้เอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตก็แค่เป็นหนี้บุญคุณของหวงเซียวเซียงโดยเปล่าประโยชน์ แต่เมื่อหวงเซียวเซียงจงใจทักทายนางด้วยความสนิทสนม ขณะที่กำจัดความกระดากอายนั้นออกไปแล้ว นางก็ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งเลย บอกว่าตนเรียนรู้กฎอยู่ เรียนเสร็จแล้วก็ย่อมจะออกมารับใช้คุณชายใหญ่และสะใภ้ใหญ่ ไม่รบกวนคุณหนูหวงให้ต้องเป็นห่วง
ครั้นเห็นความขุ่นเคืองในดวงตาของหวงเซียวเซียง อนุภรรยาอู๋รู้ว่า หวงเซียวเซียงชิงชังตัวเองเข้าแล้ว เพราะคิดว่านางเจตนาเล่นลูกไม้ ทำให้นางอับอายต่อหน้าเจ้านายของตระกูลซั่งกวน…นางเป็นเพียงแขก ต่อให้ทุกคนจะรู้ว่านางอยากจะแต่งกับซั่งกวนเจวี๋ยด้วยใจจริง แต่ซั่งกวนเจวี๋ยไม่ได้พยักหน้าเห็นด้วยในเรื่องนี้ ซั่งกวนฮ่าวและภรรยาก็ไม่ได้พยักพเยิดด้วย นางเป็นแค่คนนอก ไม่มีที่ยืนจะแทรกแซงเรื่องในบ้านของตระกูลซั่งกวน ด้วยนางห่วงใยอู๋เลี่ยนเยี่ยน เล่าว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนเป็นเพื่อนของนาง ถามไปก็ไม่มีอะไร แต่เป้าหมายที่ห่วงใยนี้ไม่ได้ซาบซึ้ง และจงใจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองแปลกแยก หวงเซียวเซียงรู้สึกขายหน้ามาก คนในตระกูลซั่งกวนสร้างความทรงจำที่เลวร้ายเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้นหลังอาหารค่ำ ตอนที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์แสร้งทำเป็นใจดีให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนมาคุยกับนาง อนุภรรยาอู๋สัมผัสได้ถึงแววตาอาฆาตแค้นของหวงเซียวเซียง คราวนี้นางกับหวงเซียวเซียงกลายเป็นศัตรูกันแล้ว
“ท่านป้าอย่าเพิ่งตื่นเต้น มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากันก็ได้” อู๋เลี่ยนเยี่ยนสงบอารมณ์ลงได้ในครั้งนี้ จิบชาไปคำหนึ่งอย่างใจเย็น แล้วพูดกับสาวใช้ตัวน้อยข้างๆ ว่า “ฮ่วนเอ๋อร์ เจ้าไปเล่นกับพวกพี่ๆ ในเรือนก่อน ไม่ต้องมาคอยรับใช้ เมื่อข้ากลับจะเรียกเจ้าเอง”
“เจ้าค่ะ คุณหนูเลี่ยนเยี่ยน!” ฮ่วนเอ๋อร์พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง นางไม่ใช่คนที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์จัดให้เป็นหูเป็นตา แต่ก็เข้าใจบางอย่างได้ดีเช่นกัน สาวใช้ตัวน้อยอย่างนางไม่รู้จะดีที่สุด ในตอนนี้จึงติดตามสาวใช้คนหนึ่งที่อยู่ข้างกายอนุภรรยาอู๋ออกไป
“เจ้าช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก” อนุภรรยาอู๋ตบโต๊ะเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้างดังฉาดอย่างหนักหน่วงและดุดัน แล้วต่อว่า “เหตุใดเจ้ามองไม่เห็นความหวังดีของคุณหนูหวง นางอยากจะดึงเจ้าให้ออกจากเงื้อมมือสะใภ้ใหญ่ไม่ใช่หรือ แต่เจ้าล่ะ? ไม่รู้สึกขอบคุณเลย ทั้งยังจงใจห่างเหินกับนาง จะไม่ทำให้นางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกหรอกหรือ?”
“เหตุใดท่านป้ายิ่งแก่ยิ่งเลอะเลือนขึ้นเรื่อยๆ?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนตั้งใจจิบชาแล้วพูดราบเรียบว่า “หวงเซียวเซียงเป็นเพียงจอมยุทธ์หญิงคนหนึ่ง แม้พ่อของนางจะยังคงมีสถานะในยุทธภพอยู่บ้างก็ตาม แต่ด้วยฐานะของนาง ต่อให้จะแต่งเข้าไป ก็เป็นแค่อนุภรรยาคนหนึ่ง เหตุใดข้าต้องเสี่ยงทำให้สะใภ้ใหญ่ขุ่นเคือง เพื่อทำให้นางพอใจและรับน้ำใจจากนาง? อีกอย่างนางจงใจพูดถึงข้าต่อหน้าสะใภ้ใหญ่ ไม่ได้มีเจตนาดีอะไรเลย!”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” อนุภรรยาอู๋พบว่าหลานสาวของนางเปลี่ยนไปมากจริงๆ หากไม่ใช่ว่าโดนใครดูถูกมาก่อนหน้านี้ นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี
“พวกนางแค่อยากจะใช้ประโยชน์จากเรื่องของข้า เพื่อลองหยั่งเชิงท่าทีของสะใภ้ใหญ่ที่คุณชายใหญ่จะรับอนุภรรยาก็เท่านั้นเอง ที่บอกว่าเป็นห่วงข้าน่ะหรือ? หึ ไม่ใช่เรื่องตลกหรอกหรือ? ข้าไม่เคยพบปะพวกนางต่อหน้ามาก่อนเลย แล้วทำไมพวกนางถึงมาทำดีด้วยเล่า?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไหนๆ ก็เป็นเพื่อนกันไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นรู้จักมักจี่กันต่อหน้าเหล่าเจ้านาย มิเช่นนั้นจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนได้”
“บ้องตื้น! ถ้านางแต่งเข้าไปจะไม่ฆ่าเจ้าก็ให้มันรู้ไป!” อนุภรรยาอู๋ก่นด่าว่า “หวงเซียวเซียงดูเป็นคนใจกว้างมีน้ำใจ แต่ใจคอคับแคบที่สุด ถ้าเจ้าถูกนางเกลียดเข้าล่ะก็ ยังไม่รู้เลยว่านางจะเล่นงานอะไรกับเจ้าบ้าง!”
“ท่านป้า นางยังไม่ได้แต่งเข้ามานะ” อู๋เลี่ยนเยี่ยนโต้กลับเบาๆ ว่า “อีกอย่างเพียงแค่ดูท่าทางของนาง สะใภ้ใหญ่จะไม่ยอมให้นางแต่งเข้าไปหรอก ท่านป้า ถ้าพูดอะไรที่ไม่เข้าหู เจ้าก็อย่าคิดจะไปสู้รบตบมือกับสะใภ้ใหญ่ เจ้าสู้นางไม่ได้”
“จากนั้นข้าต้องทนดูนายท่านข้ามหน้าข้ามตาข้าไปทีละขั้นๆ ด้วยตาปริบๆ ดูงานในบ้านทั้งหมดที่ข้าจัดการอย่างตั้งอกตั้งใจถูกส่งมอบให้นาง ข้าจะยินยอมได้อย่างไร!” อนุภรรยาอู๋แค้นเคืองเยี่ยนมี่เอ๋อร์ เหตุผลใหญ่ที่สุดคือเยี่ยนมี่เอ๋อร์คิดจะชิงพรากอำนาจไปจากนาง
“ไม่สำคัญว่าเจ้าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม แต่ถ้าเจ้าก่อกวนร่วมมือกับพวกนาง ตอนที่สะใภ้ใหญ่จัดการพวกนางก็จะถือโอกาสรวบหัวรวบหางพลอยเล่นงานเจ้าไปพร้อมกันด้วย” อู๋เลี่ยนเยี่ยนเตือนเบาๆ ท่านป้าคนนี้ฉลาดแกมโกงมาตลอด แต่คราวนี้เป็นเพราะพัวพันถึงความกังวลใจที่สุดของนาง เลยหุนหันพลันแล่นเช่นนี้
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าหมายความว่า…” อนุภรรยาอู๋ข่มอารมณ์ไว้ เมื่อรู้ว่านางค่อนข้างวู่วาม
“เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงจะดีที่สุด” อู๋เลี่ยนเยี่ยนยิ้มพลางกล่าวว่า “แน่นอนว่าคนที่อยู่ข้างกายคุณหนูทั้งสามนั้นไม่มีใครจะเก่งพอใช้งานได้ ถ้าพวกนางใช้เงินซื้อสาวใช้ตัวน้อยเพื่อทำธุระให้พวกนางก็ถือเป็นตัวช่วยอย่างหนึ่ง”
“เจ้าไม่กังวลว่าพวกนางจะแต่งเข้ามาหรือ?” อนุภรรยาอู๋ไม่เข้าใจอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้อู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้ซั่งกวนเจวี๋ย แต่ทำไมตอนนี้กลับไม่แยแสเสียแล้ว!
“พูดตามตรง ข้าหวังว่าพวกนางจะแต่งเข้ามาได้เสียด้วยซ้ำ!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนยิ้มแล้วพูดว่า “สะใภ้ใหญ่มีเพียงคนเดียวเท่านั้น สาวใช้ใหญ่น้อยที่ดูแลรอบตัวนางไม่มีเจตนาจะเป็นเมียบ่าว นั่นคือโอกาส ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้เพื่อแย่งชิงความโปรดปรานหรือทำให้คู่ต่อสู้เสียสมาธิ นางน่าจะยกข้าขึ้นมาอ้าง เหตุใดข้าต้องกังวล!”
“ดูท่าเจ้าจะฉลาดขึ้นมาก” อนุภรรยาอู๋พยักหน้า ในที่สุดอู๋เลี่ยนเยี่ยนก็ตระหนักถึงตัวตนของนาง ดูเหมือนว่าการเรียนกฎมารยาทนี้จะไม่ทำให้ผิดหวัง
“ยังจะเป็นเหมือนเดิมได้หรือ?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้มเหยเก “ถ้าข้าเข้าใจสถานะของข้าก่อนหน้านี้ อย่าเอาแต่โง่เขลายึดติดกับคุณหนู หลอกใช้อำนาจและออกคำสั่ง แต่ถ้าทำตามท่านป้าอย่างถูกทำนองคลองธรรมและเรียนรู้ที่จะทำสิ่งต่างๆ บางทีอาจจะไม่ได้เห็นสะใภ้ใหญ่ คุณชายใหญ่จะรู้สึกไม่ดีกับสะใภ้ใหญ่แล้วรับข้าเข้ามาก่อน กลายเป็นอนุภรรยา แทนที่จะใช้ชีวิตบ่าวก็ไม่ใช่นายก็ไม่เชิงแบบในตอนนี้!”
“แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไร?” อนุภรรยาอู๋ถอนหายใจ แต่ตอนนี้สายเกินไปที่จะเสียใจ
“ข้าหรือ? จะยังสงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่สนใจและไม่ถามอะไร ไหนๆ ข้าก็เป็นแค่สาวใช้เมียบ่าว และก็ไม่ใช่หน้าที่ของข้าที่จะไปยุ่งเกี่ยว” อู๋เลี่ยนเยี่ยนยิ้มพูดว่า “อนุภรรยาหวังทำจุดนี้ได้ดีมาก ข้าจะเลียนแบบนางก็แล้วกัน!”
“จะเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิตหรือ?” อนุภรรยาอู๋ไม่เชื่อว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนจะเป็นเหมือนอนุภรรยาหวังได้อย่างไร ไม่ต้องทะเลาะวิวาทกันไปตลอดชีวิต เพื่อให้ผู้คนลืมว่ามีนางอยู่
“ไม่อยู่แล้ว! ข้าแค่ต้องอดทนรอโอกาสหนึ่งเท่านั้นเอง ท่านป้า ยามนี้มีเรื่องผิดถูกในครอบครัวนี้มากเหลือเกินสถานการณ์ไม่ชัดเจน ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปติดร่างแห เมื่อสถานการณ์ค่อยๆ คลี่คลายกระจ่างชัดขึ้น ก็ยังไม่สายเกินไปที่เราจะเข้าไปแทรกแซง” อู๋เลี่ยนเยี่ยนเรียนรู้ได้อย่างชาญฉลาด แต่ไม่ใช่ว่าจะปราศจากความเพ้อฝัน ทว่าหลังจากที่นางได้รับการสั่งสอนจากแม่นมจ้าวซึ่งร้ายกาจที่สุดก็รู้ว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่ได้รอบจัดนัก จึงเรียนรู้หาวิธีเอาตัวรอดและรอคอยจังหวะลงมือ
“คุณหนู จะทำอะไรเจ้าคะ?” ชุนเยี่ยนมองสือหย่าฉีอย่างงุนงงขณะที่หยิบเสื้อผ้าชุดดำที่เต็มไปด้วยฝุ่นจับหนาเขรอะออกมา ราวกับว่าจะใช้ในไม่ช้า
“ข้าจะไปสำรวจดูลาดเลาของเรือนมีคู่ในยามค่ำ ต้องรู้สถานการณ์ในเส้นทางนี้และของเรือนมีคู่ให้ได้ จะมีข้อผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว!” บนใบหน้าของสือหย่าฉีฉายแสงอำมหิตชั่วขณะ
“คุณหนูไม่ได้บอกว่าจะทดสอบท่าทีของผู้หญิงคนนั้นก่อนจะตัดสินใจหรอกหรือเจ้าคะ?” ชุนเยี่ยนไม่เห็นละครฉากสนุกของเมื่อคืนนั้น จึงย่อมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เยี่ยนมี่เอ๋อร์ฉลาดเป็นกรดกว่าที่ข้าคิด!” สือหย่าฉีต้องยอมรับแล้วเล่าว่า “หวงเซียวเซียงเพียงแค่เอ่ยถึงเรื่องของอู๋เลี่ยนเยี่ยนไปเรื่อยเปื่อย นางก็พาอู๋เลี่ยนเยี่ยนออกมาให้เห็นทันที ถึงขั้นให้ท้ายผู้หญิงอะไรทำนองนั้นด้วยซ้ำ แค่คำพูดส่งเดชไม่กี่คำ ทำให้หวงเซียวเซียงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถ้าข้าลองพูดหยั่งเชิง นางจะต้องเสริมพลังป้องกันแน่…น้ำในตระกูลซั่งกวนนั้นลึกมาก แม้จะไม่เห็นวรยุทธ์สูงส่งสักคนภายในจวน แต่หากเยี่ยนมี่เอ๋อร์หวาดระแวงตัวข้า แม้สักคำหนึ่ง ยอดฝีมือสูงๆ ก็ไม่กล้าพูด เพียงแค่หาบางอย่างที่ทำให้เรากลัวก็จะง่ายกว่ามาก ในตอนนั้นนับประสาอะไรกับความสำเร็จ ยังกังวลว่าจะถูกจับได้อีกด้วย”
“แล้วเรื่องหยั่งเชิง?” เมื่อชุนเยี่ยนได้ยินก็เข้าใจแผนของสือหย่าฉี
“ข้าพอมองออกว่า พี่ใหญ่เจวี๋ยพอใจภรรยาคนนี้มาก ต่อไปจะไม่กล้าพูด จึงไม่มีความคิดจะรับอนุภรรยาชั่วคราว เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้จุดนี้เป็นแน่ นางจะไม่มีวันยอมอ่อนข้อในเวลานี้เด็ดขาด ไม่จำเป็นต้องพยายามหยั่งเชิง กลับจะแหวกหญ้าให้งูตื่นไม่งามแน่” สือหย่าฉีส่ายหัวแล้วพูดว่า “ข้าจะนอนสักพักก่อน ถ้ามีคน…ไม่ ข้าคิดว่าพวกนางจะต้องมาหาข้าแน่ แค่บอกพวกนางว่า ข้าอารมณ์ไม่ดี ดื่มจนเมาไปคนเดียว จึงผล็อยหลับไปก่อน เจ้าไปเอาไหเหล้ามา พรมในห้องนิดหน่อย ถ้าพวกนางจะเข้ามาก็ให้เข้ามา อย่าให้พวกนางเห็นข้าทีเดียวเชียว”
“เจ้าค่ะ คุณหนู!” ชุนเยี่ยนรู้ดีว่าต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ โชคดีที่เตรียมสุราไว้ที่นี่อยู่แล้ว ยามนี้จึงพบไหเล็กๆ ทั้งสองนายบ่าวก็โปรยสุราลงบนพื้นเล็กน้อย และพรมแม้แต่เสื้อผ้าของสือหย่าฉีด้วย หลังจากนั้นไม่นานกลิ่นเหล้าก็คละคลุ้งไปในอากาศ
“เมื่อได้เวลาที่ข้าจะออกไป เจ้าก็ปลุกข้าตอนนั้น!” สือหย่าฉีสั่งกำชับ โดยไม่ถอดเสื้อผ้า นอนไปทั้งเสื้อผ้าอย่างนี้ เพราะกลิ่นส่าเหล้าบนเสื้อผ้า จึงดูเหมือนดื่มจนเมามาย…
———————