เจ้าสาวร้อยเล่ห์ – ตอนที่ 195 เลียนแบบคนอื่นไม่ดูตัวเอง

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

“เลี่ยนเยี่ยนคารวะฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนโขกศีรษะคำนับให้แก่ทั่วป๋าซู่เยวี่ยอย่างนอบน้อม เมื่อยังไม่ได้รับคำสั่งใดๆ จากทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็ยังคงคุกเข่าอย่างเรียบร้อยอยู่เช่นนั้น แทบมองไม่เห็นความหยิ่งผยองและหาญกล้าอย่างเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง ไม่คุ้นชินจนทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยและทั่วป๋าฉินซินต่างก็เกิดความรู้สึกแปลกๆ อย่างหนึ่งในเสี้ยวเวลานั้นทันที ความ รู้สึกแปลกๆ ที่ว่าคนตรงหน้านี้เป็นเพียงคนผู้หนึ่งที่สวมผิวหนังของอู๋เลี่ยนเยี่ยนเท่านั้น

“เจ้าช่างเชิญตัวได้ยากเสียจริง” ทั่วป๋าฉินซินไม่เผยสีหน้าดีใดๆ ให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนแม้แต่น้อย หากกล่าวว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์คือคนที่นางเกลียดจนเข้ากระดูกดำ เช่นนั้นอู๋เลี่ยนเยี่ยนก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าใด ถึงกระทั่งครั้งหนึ่งนางยังเคยเกลียดอู๋เลี่ยนเยี่ยนมากกว่าด้วยซ้ำ คนที่เอาแต่ลอยหน้าลอยตาอยู่ตรงหน้านาง คิดวางแผนจะฉกฉวยความสนใจของลูกผู้พี่ไป

“หากอู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่ได้รับอนุญาตก็ไม่กล้าไปไหนมาไหนโดยพลการเจ้าค่ะ” อู๋เลี่ยนเยี่ยนกล่าวพลางก้มหน้าก้มตา ตั้งแต่รู้ว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ตั้งท้องนางก็เริ่มไปปรากฏตัวต่อหน้าซั่งกวนเจวี๋ยทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ แต่ซั่งกวนเจวี๋ยกลับทำคล้ายความจำเสื่อม อย่าพูดเลยว่ายักคิ้วหลิ่วตาให้นาง แม้กระทั่งสีหน้าไม่พิสมัยก็ยังไม่ส่งให้นางสักนิด เหมือนกับว่าไม่รู้จักนาง มองข้ามการมีอยู่ของนางอย่างสิ้นเชิง พังทลายความคิดที่ว่านางสามารถฉวยโอกาสตอนที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์ตั้งท้องปีนขึ้นเตียงสูญสลายไปในพริบตา

ใจของนางที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดเริ่มกระวนกระวายขึ้นมาบ้าง นางรู้ว่าซั่งกวนเจวี๋ยไม่มีความรู้สึกดีกับนาง ทั้งไม่กล้าลอยหน้าลอยตาอยู่ตรงหน้าซั่งกวนเจวี๋ยอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่อย่างนั้นอาจทำให้เขาหวนนึกถึงสาเหตุที่ตัวเองได้กลายเป็นผู้หญิงของเขาขึ้นมา จากนั้นเมื่อฝุ่นได้ก่อตัวดีแล้วก็จะฉวยโอกาสจากเรื่องนี้ กำจัดนางออกไป แต่นางก็ไม่อยากจะเสียเวลาไปทั้งชีวิตเช่นกัน ความเยาว์วัยของหญิงสาวนั้นมีจำกัด นางไม่อาจเสียเวลาเปล่าได้

แต่นางยังคงไม่กล้าที่จะลงมือเอง หากถูกจับได้ ซั่งกวนเจวี๋ยย่อมตีนางให้ตายอย่างไม่ออมมือแน่…ท่านป้าถูกขังอยู่ในเรือนบำเพ็ญเพียรของตระกูล ไม่รู้ว่าเวลาใดจะถูกปล่อยตัวออกมา ตระกูลอู๋ถูกตีลงมาจากก้อนเมฆล่วงสู่ธุลีดิน หากตัวเองไม่ฮึดสู้ ก็ย่อมไม่มีโอกาสให้หวนกลับมาตั้งตัวเป็นใหญ่อีกแล้ว แต่เยี่ยนมี่เอ๋อร์สามารถคลี่คลายคำครหาของแต่ละฝ่ายได้อย่างง่ายดาย ก็คงสามารถกำจัดตนเองอย่างง่ายดายได้เช่นกัน นางกำลังรอโอกาสหนึ่ง รอโอกาสที่สามารถพลิกกายใหม่ได้อีกครั้ง

“ข้าว่าเจ้าคงภักดีกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์เป็นอย่างมาก” การกระทำของซั่งกวนเจวี๋ยทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยรู้ว่าตัวเองได้หมดโอกาสที่จะใช้ฐานะผู้อาวุโสส่งคนไปในห้องของเขาแล้ว หลังจากเจียจือถูกโบยก็ถูกส่งออกไปจากจวน หากไม่ผิดจากที่คาดไว้ ชั่วชีวิตนี้ของนางก็ย่อมไม่อาจจะมีโอกาสกลับเข้าจวนมาได้อีก (นางย่อมไม่อาจรับบ่าวที่ไร้ประโยชน์แล้วกลับมาเช่นกัน) นาง ในยามนี้ค่อนข้างดีใจมากกว่าที่เวลานั้นไม่ได้พูดเรื่องที่จะให้เขารับฉินซินเป็นอนุอย่างตรงๆ มิเช่นนั้นคนที่ถูกไล่ออกมาก็คงจะเป็นทั่วป๋าฉินซินไปแล้ว

“นางเป็นสะใภ้ใหญ่ ทั้งเป็นเจ้านายของเลี่ยนเยี่ยน” อู๋เลี่ยนเยี่ยนกล่าวอย่างเรียบนิ่ง ภักดี? บางทีนางอาจจะมี แต่ย่อมไม่ใช่ภักดีกับผู้หญิงคนนั้น แต่นางไม่เหมือนกับคนพวกนี้ ล้วนมีที่พึ่ง สามารถลุกขึ้นมาก่อเรื่องได้ครั้งแล้วครั้งเล่า นางมีเพียงโอกาสเดียวเท่านั้น ดังนั้นจำเป็นต้องทำให้สำเร็จในครั้งเดียว นางไม่อาจจะรับผลพ่ายแพ้ได้

“ข้าอยากถามเจ้า แรกเริ่มเจ้าเป็นคนของเจวี๋ยเอ๋อร์ได้อย่างไร?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมาคิดๆ ดู คงมีเพียงต้องจัดฉากวางยา แต่นางไม่อาจวางยาปลุกกำหนัดแบบธรรมดาทั่วไปเช่นนั้นได้ ซั่งกวนเจวี๋ยสามารถสกัดกั้นฤทธิ์ของยาได้แน่นอน ทั้งคงไม่เปิดโอกาสให้ฉินซินได้เข้าใกล้ เวลานี้เป็นแม่นมหนิงที่นึกสงสัยสาเหตุที่อู๋เลี่ยนเยี่ยนกลายเป็นเมียบ่าวได้

“สะใภ้ใหญ่ไม่ใช่พูดไปแล้วหรือเจ้าคะ เพราะนางถูกใจบ่าว ดังนั้นจึงจัดให้บ่าวเป็นสาวใช้ที่ทดลองอยู่ก่อนแต่ง!”

อู๋เลี่ยนเยี่ยนตากระจ่างวาบ รู้ว่าพวกนางคิดจะทำอะไร ทั้งบางทีอาจจะนำเรื่องนั้นมาเปิดเผยให้กับพวกนางได้ แม้จะพูดว่าตัวเองไม่มีความรู้สึกดีต่อทั่วป๋าฉินซินเลย แต่หากผู้หญิงคนนี้ทำสำเร็จขึ้นมา ซั่งกวนเจวี๋ยก็ย่อมต้องแต่งกับนาง พอนางเข้าตระกูลมา น้ำจากเรือนตะวันออกก็จะถูกนางกวนจนขุ่น และตัวเองก็จะสามารถจับปลาในน้ำขุ่นได้เช่นกัน

“เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อคำพูดที่ไม่มีที่ไปที่มาเช่นนั้นรึ?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมองอู๋เลี่ยนเยี่ยนอย่างเย็นเยียบ “ทางที่ดี เจ้าพูดมาแต่โดยดีเถิด ต้องรู้ว่าเจ้าไม่ใช่เยี่ยนมี่เอ๋อร์ผู้หญิงคนนั้น หากใช้เครื่องลงทัณฑ์กับเจ้า คาดว่าคงจะไม่มีใครมาปกป้อง!”

อู๋เลี่ยนเยี่ยนจิกมือแน่น เคียดแค้นทั่วป๋าซู่เยวี่ยจนกัดฟันกรอด กระนั้นก็ยังคงกล่าวอย่างสงบเสงี่ยม “ฮูหยินใหญ่โปรดให้อภัย เรื่องนี้เป็นการจัดการของท่านป้า บ่าวเพียงรู้ว่าท่านป้าวางยาชนิดหนึ่งกับคุณชายใหญ่ หลังจากคุณชายใหญ่เผลอทานเข้าไปบ่าวก็กลายเป็นผู้หญิงคนโปรดคนใหม่ทันที!”

“ยาอะไร? ไปได้จากที่ใดมา?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยตาเป็นประกาย หากเป็นอย่างนั้นก็สามารถวางยาเจวี๋ยเอ๋อร์ท่ามกลางสายตาของผู้คนได้ จากนั้นให้คนทั้งหมดเห็นเขาพาฉินซินกลับห้อง ถึงเวลานั้นอย่าพูดว่าอนุภรรยาเลย แม้ว่าจะเป็นตำแหน่งภรรยารองก็อาจเป็นไปได้เช่นกัน

“ยาอะไรบ่าวก็ไม่ทราบแล้วเจ้าค่ะ!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนกล่าวอย่างนอบน้อม แม้แต่อนุภรรยาอู๋ยังไม่รู้เลยว่ายานั้นชื่ออะไร นับประสาอะไรกับนาง แต่นางรู้ว่ายานั้นเอามาจากที่ใด

“เจ้าไม่รู้!?” เห็นได้ชัดว่าทั่วป๋าฉินซินและทั่วป๋าซู่เยวี่ยนึกถึงจุดนี้ได้เหมือนกัน หากรู้ว่ามียาเช่นนี้เร็วกว่านี้ พวกนางย่อมให้ซั่งกวนเจวี๋ยกินไปตั้งนานแล้ว จากนั้นก็ให้ซั่งกวนเจวี๋ยพูดเรื่องตบแต่งนางออกมาต่อหน้าผู้คน ก็คงไม่ถึงกับล่วงเลยมาเป็นดั่งเช่นสถานการณ์ในวันนี้ได้หรอก ดังนั้นพอได้ยินคำพูดของอู๋เลี่ยนเยี่ยนก็แผดเสียงขึ้นมา

“บ่าวไม่รู้จริงๆ เจ้าค่ะ ต่อให้ฮูหยินใหญ่จะตีบ่าวให้ตาย บ่าวก็หาเหตุผลอะไรมาพูดไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ” อู๋เลี่ยนเยี่ยน

กล่าวอย่างใจเย็น แต่ก็เปลี่ยนไปอีกประเด็นทันที “แต่บ่าวรู้ว่า ยาชนิดนี้ท่านป้าเอามาจากนายท่านอิน มีเพียงจำนวนที่พอให้ใช้ในครั้งเดียว แล้วก็ใช้ไปหมดแล้ว หากยังต้องการ คงต้องลงมือกับทางนายท่านอินแล้วเจ้าค่ะ”

อินหงหลัน? ในมือของเขานับว่ามียาที่แปลกประหลาดและหายากมากมายเสียจริง ทั่วป๋าซู่เยวี่ยครางในลำคอ ทำได้เพียงเอายาแปลกประหลาดนั่นมาจากในมือของเขาเท่านั้นรึ?

“เรื่องนี้ให้อวี่ไข่ทำจะดีที่สุดหรือไม่?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยลอบมองสีหน้าของทั่วป๋าซู่เยวี่ยอย่างระมัดระวัง “อวี๋ไข่ไม่ใช่เข้ากับลุงอินได้ดีหรอกรึ ทั้งลุงอินยังเป็นคนที่มักเลอะเลือน ไม่แน่ว่าอวี่ไข่ลองเปิดปาก เขาก็อาจจะมอบของให้อวี่ไข่แล้วก็ได้!”

ทั่วป๋าซู่เยวี่ยตรึกตรองอย่างไม่กล่าวอันใด จากนั้นก็กล่าวกับอู๋เลี่ยนเยี่ยน “เรื่องในวันนี้ทางที่ดีเจ้าปิดปากเงียบให้ข้าเสีย หากข้าได้ยินเรื่องลมพัดใบหญ้าไหวแม้แต่น้อย ย่อมจัดการกับเจ้าเป็นคนแรก!”

“เจ้าค่ะ!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนพยักหน้ารับคำ หากทั่วป๋าฉินซินทำสำเร็จแล้วล่ะก็นับว่าเป็นเรื่องดี ฮูหยินใหญ่ย่อมหาสารพัดวิธีทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยจำต้องแต่งงานกับนาง ความแค้นของนางและเยี่ยนมี่เอ๋อร์นั้นไร้ทางที่จะปรองดองกันได้ ถึงเวลานั้นให้นางฟาดฟันกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ส่วนตัวเองก็รอฉกชิงผลประโยชน์ก็เพียงพอแล้ว

“เจ้าไปได้แล้ว” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยบอกเป็นนัยให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนออกไป

“ท่านย่า…” เมื่อเห็นอู๋เลี่ยนเยี่ยนจากไป ทั่วป๋าฉินซินก็เรียกด้วยใจที่เต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ

“เรื่องนี้ไม่ต้องรีบ!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยควบคุมความตื่นเต้นของตัวเองเอาไว้ “เชียนเย่าได้บอกหรือไม่ว่าจะถึงเมื่อใด?”

“ท่านพ่อบอกว่าอย่างช้าที่สุด วันที่ยี่สิบก็คงจะถึงแล้ว!” แม้ว่าทั่วป๋าฉินซินจะใจร้อน แต่ก็ยังคงพยายามสงบจิตสงบใจ ครุ่นคิดอย่างละเอียด

“แม่นมหนิง เจ้าไปสืบข่าวเดี๋ยวนี้ ดูว่าฮ่าวเอ๋อร์จะกลับมาเมื่อใด!” ครั้งนี้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่กล้าทำเรื่องอย่างบุ่มบ่าม นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของพวกนาง ต้องทำให้สำเร็จในครั้งเดียว

“เจ้าค่ะ!” แม่นมหนิงพยักหน้า อยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูดออกมา

“ส่วนเรื่องยานั้น…” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเห็นการกระทำนั้นของแม่นมหนิงก็กล่าว “ให้ข้าเป็นคนออกโรงด้วยตัวเองเถิด! หาก อวี่ไข่สอดมือยุ่งเรื่องพวกนี้อีก เกรงว่าพอถึงสุดท้ายแล้วข้าก็อาจจะปกป้องเขาไม่ได้แล้วเช่นกัน! เรื่องนี้ไม่อาจชักช้า แม่นมหนิง ตอนนี้ไปเชิญอิงหงหลันเข้ามา บอกว่าข้ารู้สึกไม่สบายอยู่บ้าง จึงอยากเชิญเขามาดูอาการให้ข้า”

“เจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่” แม่นมหนิงไปออกคำสั่งกับสาวใช้ทันที ในห้องโถงจึงเหลือเพียงทั่วป๋าซู่เยวี่ย ทั่วป๋าฉินซินและสาวใช้คนสนิทของทั่วป๋าฉินซินเท่านั้น

“ฉินซินเจ้าออกไปก่อนเถิด อย่าให้อินหงหลันเห็นเจ้าแล้วเกิดสงสัยอะไรขึ้นมาได้ เรื่องนี้ให้ข้าทำคนเดียวก็พอแล้ว!” สิ่งที่ทั่วป๋าซู่เยวี่ยกังวลก็คือทั่วป๋าฉินซินอยู่ที่นี่อาจทำเสียเรื่อง

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านย่า” ทั่วป๋าฉินซินผงกศีรษะ นางในยามนี้มีความหวังใหม่แล้ว…หากเรื่องนี้สำเร็จ นางย่อมสามารถให้ลูกผู้พี่แต่งนางเป็นภรรยารองได้ นางจะต้องมีเวลาที่ลืมตาอ้าปากได้แน่

————————–

“ฮูหยินใหญ่ ท่านคิดมากไป ควรจะพักรักษาตัวให้ดีๆ เสียหน่อย ช่วงนี้ทางที่ดีให้พวกเขาเคี่ยวยาบำรุงกำลังให้ท่านมากๆ หน่อย!” อินหงหลันตรวจชีพจรให้กับทั่วป๋าซู่เยวี่ยอย่างง่ายๆ เปิดตำรับยาผ่านๆ เขาอยากจะจัดยาให้นางโดยตรงเช่นกัน จากนั้นก็ใส่ยาพิษลงไป เพียงแต่มาลองคิดดูอีกที อย่าได้กระโตกกระตากเกินไปดีกว่า อย่างไรร่างกายของนางก็ทรุดโทรมลงมากแล้ว ขอเพียงแค่บำรุงให้มากหน่อยก็เกิดปัญหาขึ้นได้แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องให้คนอื่นมาจับจุดอ่อนของตัวเอง หรือทำเรื่องเกินความจำเป็น

“เป็นเพราะช่วงนี้ข้าเอาแต่คิดถึงท่านลุงของเจ้ามาโดยตลอด!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยกำลังคิดว่าจะเริ่มเอ่ยปากอย่างไรดี พอได้ยินคำพูดเช่นนี้ก็ฉวยโอกาสปีนขึ้นตามเสามาทันที กล่าวอย่างเสียใจ “ข้าไม่รู้ว่าเพราะอายุขัยของข้าใกล้จะสิ้นสุดลงแล้วหรือไม่ มักจะเอาแต่คิดถึงเขา และใบหน้าของเขาก็มักจะปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกสลัวจะมองอย่างไรก็มองไม่ชัด…หลันเอ๋อร์เอ๋ย เจ้าถูกขนานนามว่าเป็นหมอเทวดาอันดับหนึ่งของใต้หล้า ไม่มียาอะไรเลยหรือที่เมื่อข้ากินแล้วก็จะสามารถมองเห็นท่านลุงของเจ้าได้?”

นางอยากได้ ‘หวงเหลียง’ อย่างนั้นรึ? จู่ๆ อินหงหลันก็นึกถึงเรื่องน่าขันที่ตัวเองมอบ ‘หวงเหลียง’ ให้กับอนุภรรยาอู๋ ผลลัพธ์คือทำให้เกิดเรื่องที่เจวี๋ยเอ๋อร์จำต้องรับอู๋เลี่ยนเยี่ยนเข้ามาเป็นเมียบ่าว หากพวกนางคิดจะเลียนแบบอีกครั้งล่ะก็ ตัวเองย่อมถูกนางพยัคฆ์ในบ้านฉีกเป็นชิ้นๆ แน่…แม้เรื่องการรักษาช่วยชีวิตคนซินหรันจะไม่มากความ แต่เรื่องอื่นนั้นก็ไม่แน่แล้ว!

“หรือไม่มีอย่างนั้นรึ?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมองอินหงหลันที่มีท่าทีลำบากใจอยู่บ้าง กล่าวทั้งถอนหายใจ “มีหรือไม่มีแค่เจ้าพูดมาก็พอแล้ว ป้าไม่อาจทำให้เจ้าลำบากใจได้หรอก!”

“ยาเช่นนี้มีอยู่…” อินหงหลันเชื่อว่าหากตัวเองพูดว่าไม่มีนางก็คงไม่เชื่อ จึงกล่าวยอมรับให้รู้แล้วรู้รอดไป “เพียงแต่ครั้งสุดท้ายได้ให้อนุภรรยาอู๋ไป หากจะปรุงยาออกมาก็ต้องใช้เวลาหน่อย!”

“นานเท่าใด?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยถามอย่างตื่นเต้น วันนี้เป็นวันที่สิบเจ็ดแล้ว เรื่องนี้จำต้องทำให้สำเร็จก่อนที่ฮ่าวเอ๋อร์จะกลับมาถึง มิเช่นนั้นก็จะช้าไป

“สองวัน!” อินหงหลันให้เวลากับนาง เวลาสองวันนี้ก็เพียงพอให้เขาหาโอกาสไปถามความประสงค์จากเยี่ยนมี่เอ๋อร์แล้ว หากเยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่เห็นด้วย ก็จะไม่ให้นาง ดูสิว่านางจะทำอะไรได้!

สองวัน? เวลากระชั้นชิดไปอยู่บ้าง กระนั้นก็ยังพอรับได้ แต่ว่า…ทั่วป๋าซู่เยวี่ยทอดถอนหายใจ “ต้องใช้ถึงสองวันเลยรึ? วันเดียวก็ไม่พอเลยหรือ?”

“วันเดียวเวลากระชั้นชิดเกินไป!” อินหงหลันกล่าวอย่างตัดสินใจแน่วแน่ “อย่างเร็วที่สุดวันมะรืนตอนเที่ยงก็คงจะปรุงยาออกมาได้ ยาชนิดนี้จัดการยุ่งยากเป็นอย่างมาก หากจะให้ข้าผสมยาออกมาทันทีนั้นเป็นไปไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะมันปรุงออกมายาก ทั้งไม่ค่อยได้ใช้ ข้าก็คงมีของสำรองอยู่กับตัวแล้ว!”

“สองวันก็สองวัน!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่มีทางเลือก “วันมะรืนตอนเช้าข้าจะส่งสาวใช้เข้าไปเอา ถึงเวลานั้นหลันเอ๋อร์อย่าได้ผิดคำพูดกับหญิงแก่อย่างข้าคนนี้เชียว!”

“ไม่มีปัญหา!” จู่ๆ อินหงหลันก็คิดขึ้นมาว่า หากเจวี๋ยเอ๋อร์รู้ว่านางต้องการ ‘หวงเหลียง’ จะมีปฏิกิริยาอย่างไร? หรือจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับเจวี๋ยเอ๋อร์ด้วยดี? เขาสับสนเป็นอย่างมาก…

——————-

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

Status: Ongoing
จากแผนการล่มงานวิวาห์คลุมถุงชนกลับต้องเปลี่ยนเป็นแผนการมัดใจว่าที่สามี เมื่อเขาคนนี้กับชายในฝันของนางคือคนเดียวกัน... 'ถึงเขาจะเจ้าชู้ที่สุดในใต้หล้า แต่เจ้าสาวอย่างข้าจะปราบให้ดู!'

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท