เจ้าสาวร้อยเล่ห์ – ตอนที่ 204 ผู้ที่จากไป

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

“คุณหนู ฮูหยินใหญ่ให้ท่านไปพบเจ้าค่ะ!” การมาถึงของแม่นมหนิงทำให้ความอบอุ่นในห้องแตกสลายไปอย่างสิ้นเชิง เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองนางอย่างเย็นชา ทั้งหลิงหลงและจิงอิ๋งสีหน้าไม่สู้ดี พิงถิงกัดริมฝีปากล่าง รู้สึกไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าทั่วป๋าซู่เยวี่ยจะมาหาเรื่องนางหรืออะไรกันแน่

“พวกเจ้ามาอยู่กันที่นี่ทั้งหมดเลย!” เสียงของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อทำลายความเงียบงันในห้อง นางเหลือบมองแม่นมหนิงแวบหนึ่ง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “ที่นี่เป็นสถานที่เก็บสินเดิมของหลิงหลง เจ้าเข้ามาทำอะไร?”

แม่นมหนิงไม่ได้คาดคิดว่าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อจะปรากฏตัว นางจึงกลัวหัวหดแล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า “ฮูหยินใหญ่มีบางอย่างจะพูดกับคุณหนูพิงถิง สั่งบ่าวให้มาเชิญนางไปเจ้าค่ะ”

“คุณหนูพิงถิง?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “พวกเจ้าหูหนวกหรือ? ไม่รู้หรือว่าพิงถิงได้รับการเลี้ยงดูในนามของข้าแล้วเมื่อคืนวานนี้ นายท่านยังบอกว่าจะต้องเรียกคุณหนูสาม หรือพวกเจ้าไม่ได้ฟังที่นายท่านพูด!”

“บ่าวมิกล้าเจ้าค่ะ!” แม่นมหนิงกัดฟันพูด เมื่อวานนี้เกิดเรื่องเกิดราวจนเหลือทน พวกนางไม่รู้เรื่องที่หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเกิดความตั้งใจชั่วขณะรับพิงถิงมาไว้ในนามเลย เมื่อได้ยินตอนเช้าวันนี้ ต่างประหลาดใจมาก ดังนั้นจึงตั้งใจเรียกหาพิงถิงเพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“อีกอย่างจากนี้ไป พิงถิงเป็นลูกสาวของข้า ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอนุภรรยาหนิง ข้าไม่ชอบให้นางวิ่งไปที่สวนหลังบ้านแม้จะไม่มีอะไรทำก็ตาม เจ้ากลับไปเรียนฮูหยินใหญ่ แล้วบอกว่าข้าจะสั่งสอนลูกสาวของข้าเอง ไม่อยากสร้างความรำคาญใจให้นาง” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อมองแม่นมหนิงอย่างเยียบเย็น ทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างได้แล้วยิ้มกล่าวว่า “ข้าเกือบลืมไป อนุภรรยาหนิงยังไม่กลับมาอีกหรือ? นางกลับมาถ้ารู้ว่าพิงถิงกลายเป็นลูกสาวของข้าในชั่วข้ามคืน คงจะตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ถูกแล้วหรือเปล่า?”

แม่นมหนิงถึงกับพูดไม่ออก เมื่อฟังคำพูดที่ดูเสียดแทงหูอย่างยิ่งทำให้นางเข้าใจว่า หวงฝู่เยวี่ยเอ้อไม่ได้เปลี่ยนแปลงฐานะของพิงถิงเพราะความรักหรือเอื้ออาทรอะไร แต่เพื่อทำให้อนุภรรยาหนิงโกรธแค้น บอกให้นางรู้ว่าต่อให้นางจะให้กำเนิดและเลี้ยงดูพิงถิง ตราบใดที่หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเอ่ยมาคำหนึ่งก็จะแย่งเอาไปได้ ทั้งยังทำให้ผู้คนรู้สึกตื้นตันใจ ยกย่องและดูเป็นคนใจกว้าง เมื่อมองพิงถิงที่สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สายตาสับสนมาก นางยิ้มอย่างขมขื่น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด มันก็เป็นการดีที่พิงถิงจะมีอนาคตที่ดีเช่นกัน

“บ่าวเข้าใจแล้ว บ่าวจะกลับไปรายงานฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ!” แม่นมหนิงรีบพาคนออกไป พิงถิงอับอายและมือไม้อ่อนไปหมดเล็กน้อย เมื่อเห็นหวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเช่นกัน

“อย่าไปสนใจพวกนาง ข้าจะให้แม่นมเลี้ยงดูที่คู่ควรกับเจ้าในวันหลัง ถ้ามีเรื่องอะไรที่ปฏิเสธลำบาก และก็ไม่อยากจะปฏิบัติตามก็เพียงแค่ปล่อยให้แม่นมเลี้ยงดูออกหน้าให้ก็ได้” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อพูดสั้นๆ ราวกับจะเข้าใจถึงปัญหาที่นางกังวล

“เจ้าค่ะ” พิงถิงขานตอบ นางไม่รู้ว่าควรเรียกท่านแม่หรือฮูหยินดี

“อนุภรรยาอู๋และอนุภรรยาหนิงจะกลับมาในวันพรุ่งนี้ เจ้าก็ไม่ต้องวิตกเกี่ยวกับนาง” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อกล่าวอย่างสบายใจ การรับพวกอนุภรรยาหนิงทั้งสองคนกลับมานั้นซั่งกวนฮ่าวได้พูดคุยกับนางแล้ว ในขณะนั้นนางไม่ดีใจเลย แต่ไม่มีอะไรจะพูด กระนั้นทันทีที่ซั่งกวนฮ่าวอธิบายเหตุผล นางก็มีความสุขและพอใจ

“ท่านแม่ไม่มาดูกับพวกเราหรือ?” จิงอิ๋งถามด้วยรอยยิ้ม

“ไม่หรอก” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อส่ายหัวแล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า “หอสาลี่หิมะจะไม่ใช่สถานที่สำหรับผู้ใดโดยเฉพาะอีกต่อไป ข้าต้องดูผู้คนทำความสะอาดมันให้เรียบร้อย จะทิ้งข้าวของอะไรที่ไม่ดีไม่งามไว้ไม่ได้”

เมื่อเห็นหวงฝู่เยวี่ยเอ้อออกไป ทั้งสี่คนก็นับและตรวจสอบสิ่งของของหลิงหลงพร้อมจดรายการอย่างระมัดระวัง เพื่อดูว่ามีอะไรที่ไม่น่าพอใจหรือจุดที่ไม่ได้ดั่งใจ…

“ท่านย่า ข้าเก็บข้าวของที่ต้องกลับไปเรียบร้อยแล้ว จะรอให้ท่านพ่อส่งคนมารับข้า” ทั่วป๋าฉินซินนั่งอยู่ข้างเตียงของทั่วป๋าซู่เยวี่ยด้วยความเคารพ ไม่มีร่องรอยของความไม่พอใจหรือกำเริบเสิบสานบนใบหน้า แน่นอนไม่มีรอยยิ้มเช่นกัน

“อืม…” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ไม่ว่าจะเป็นการปลอบโยนหรือโน้มน้าวใจ ทั้งกล่าวยินดีหรือบ่นตัดพ้อ มันก็ไม่เหมาะสมที่จะพูดอย่างยิ่ง

“กำหนดเวลาจัดงานแต่งโดยคร่าวๆ แล้ว จะเป็นเดือนยี่ปีหน้า” ทั่วป๋าฉินซินกล่าวด้วยความทุกข์ใจอยู่บ้าง “เมื่อข้ากลับไปเหยี่ยนโจวครั้งนี้จะออกไปข้างนอกไม่ได้อีก และอาจไม่ได้มาเยี่ยมท่านอีก ท่านต้องดูแลสุขภาพให้ดีนะเจ้าคะ”

ทั่วป๋าซู่เยวี่ยรู้สึกว่าคนตรงหน้าดูไม่คุ้นเคย จึงถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า “ไม่มีใครคิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้ แต่เมื่อสิ่งต่างๆ มาถึงจุดนี้ก็รู้สึกผิดกับเจ้าได้เท่านั้น ฉินซิน ย่าพูดอะไรไปตอนนี้ก็ป่วยการเสียแล้ว แต่เจ้ามั่นใจได้ว่า หลังจากที่เจ้ากับอวี่ไข่แต่งงานกัน ข้าจะควบคุมเขาและให้เขาดีกับเจ้าไปตลอดชีวิต”

ทั่วป๋าฉินซินตาแดงฉานพลางกล่าวว่า “เรื่องจบลงแล้ว ข้าก็ยอมรับชะตากรรม! ท่านย่า โปรดดูแลอวี่ไข่ด้วย ได้ยินมาว่าเขาคุกเข่าเมื่อวานนี้ทั้งวัน จากนั้นก็ถูกขังอยู่ในห้องอีกครั้ง อย่าว่าจะได้กินอะไรเลย แม้แต่น้ำก็ไม่ได้จิบสักคำ ข้าไม่รู้ว่าหลังจากที่ข้าจากไป ท่านลุงจะลงโทษเขาอีกหรือไม่…ท่านย่า ผู้หญิงล้วนเป็นแบบนี้หรือ? เมื่อสารภาพรักใคร ก็จะคิดคะนึงหาแต่เขา?”

“ใช่แล้ว” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถ้านางคิดแบบนี้ได้ก็คงจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นยังไม่รู้ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร

“ท่านย่าโปรดฝากบอกเขาว่า ข้าจะเตรียมแต่งงานอย่างสบายใจ ขอให้เขาพักฟื้น อย่าเจ็บไข้ได้ป่วยก็พอ!” ทั่วป๋าฉินซินแลดูห่วงใย แม้จะพยายามพูดอย่างแผ่วเบา แต่ยังคงสื่อความหมายของนางออกมาได้

“ข้าจะบอกให้” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยลูบมือของนางเบาๆ แล้วพูดว่า “เดี๋ยวข้าจะไปเยี่ยมเขา จะไม่ปล่อยให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานแน่นอน”

“ท่านย่า ข้าไม่คิดว่าทุกคนในตระกูลซั่งกวนจะเต็มใจเห็นข้ากับอวี่ไข่หลังแต่งแล้วยังอาศัยอยู่ในตระกูลซั่งกวนให้ขัดลูกนัยน์ตาหรอก” ทั่วป๋าฉินซินพูดอย่างจริงจัง แล้วมองสีหน้าที่ค่อนข้างหม่นหมองของทั่วป๋าซู่เยวี่ย

“จะได้อย่างไร” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมองนาง คิดว่านางพะวักพะวนจึงพูดว่า “มีข้าอยู่ทั้งคน จะไม่มีวันปล่อยให้พวกเขาแยกเจ้ากับอวี่ไข่เด็ดขาด!”

“ป่วยการเปล่า” ทั่วป๋าฉินซินส่ายหัวพลางกล่าวว่า “ต่อให้จะขึ้นอยู่กับท่าน ก็คงให้เราอยู่ในจวนชั้นในได้ชั่วครั้งชั่วคราว คงรอให้อวี่ไข่ผ่านพิธีสวมหมวกก่อนสินะ? หรือถ้ามีวันหนึ่งท่านไม่อยู่แล้ว เราคงถูกไล่ออกไปอยู่ดี แทนที่จะทำอย่างนั้น มิสู้ออกไปตั้งแต่แรกจะดีกว่า”

“เจ้าหมายความว่าเต็มใจจะออกจากจวน?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมองทั่วป๋าฉินซินด้วยความประหลาดใจยิ่งนัก นางจะสมัครใจออกจากจวนได้อย่างไรกันเล่า?

“ท่านย่า ด้วยอุปนิสัยของข้า ข้าไม่เต็มใจจะทำตามข้อตกลงของท่านพ่อที่ให้แต่งงาน” ทั่วป๋าฉินซินร่ำไห้กระซิบว่า “คุณหนูของตระกูลทั่วป๋าออกเรือนกับชนชั้นสูงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไหนเลยจะเป็นเหมือนข้าเยี่ยงนี้ จะต้องแต่งกับลูกนอกสมรสหรือ? แต่เรื่องราวมาถึงจุดนี้แล้ว ข้าไม่มีทางเลือก ข้าต้องแต่งงาน เพื่อประโยชน์ของตัวเองและเพื่อชื่อเสียงของตระกูลทั่วป๋า ข้าต้องแต่งงานกับอวี่ไข่อย่างสง่างาม…”

“ลูกเอ๋ย ช่างทำร้ายเจ้าเสียจริง” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเสียใจมากที่เห็นนางร้องไห้ จึงกอดนางไว้ในอ้อมแขนและลูบหลังนางเบาๆ แล้วพูดว่า “ไหนบอกข้าสิว่าเจ้าคิดอย่างไร ย่าจะทำทุกวิถีทางช่วยให้เจ้าสมหวังแน่นอน”

“ข้าก็ไม่มีความคิดอะไรเหมือนกัน ข้าแค่คิดว่าจะต้องออกไปไม่ช้าก็เร็วอยู่ดี ฉะนั้นออกไปแต่เนิ่นๆ จะดีกว่าออกช้า ทั้งจะได้ช่วยรักษาหน้าของทั้งสองฝ่ายและใช้โอกาสนี้ร้องขอบางอย่างได้อีกด้วย” ทั่วป๋าฉินซินกล่าวอย่างเศร้าสร้อยว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือข้ารู้ว่าบางครั้งไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ถ้าอยู่ในจวน ก็ยากจะยอมแพ้ลูกผู้พี่ แต่เมื่อใดก็ตามที่มีโอกาส ข้าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ดังนั้นข้าแค่อยากจะตัดใจ ถ้าออกไปล่ะก็ ข้าจะได้เห็นแต่อวี่ไข่เท่านั้น ข้าจะชอบเขาได้เร็วขึ้นอีกหน่อย แล้วเราจะได้มีชีวิตที่ดี”

“เด็กที่น่าสงสาร ทำให้เจ้าลำบากใจเสียจริง” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยลูบนางเบาๆ คิดในใจว่าจะต้องบอกคำพูดเหล่านี้กับอวี่ไข่ให้ได้ เพื่อให้ทั้งสองคนได้เริ่มต้นที่ดี

“ดังนั้นหลังจากกำหนดวันแต่งงานแล้ว ขอให้ท่านย่าถามสักคำ เมื่อแต่งงานกันแล้วจะให้เราย้ายออกไปหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านย่าต้องคัดค้านแน่!” ทั่วป๋าฉินซินปาดเช็ดน้ำตา

“เจ้าไม่อยากออกไปใช่ไหม?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยงุนงงเล็กน้อยในขณะนั้นแล้วตอบทันทีว่า “ข้าเข้าใจ เพื่อจะปลอบใจข้า พวกเขาจะจัดหาเรือนใหม่ให้พวกเจ้าในอนาคตอย่างเหมาะสมแน่ ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไร”

“สำหรับเรือนใหม่ ข้าขอเพียงสองข้อเท่านั้น” ในเมื่อทั่วป๋าซู่เยวี่ยเข้าใจแล้ว ทั่วป๋าฉินซินก็ไม่ได้พูดอะไรมาก สะอื้นไห้แล้วพูดว่า “ประการแรก ข้าหวังว่าจะปลูกสาลี่สักสองสามต้นในลานบ้านของเรือนหลังใหม่ได้ หากย้ายต้นใหญ่มาจากที่อื่นได้จะดีที่สุด ดังนั้นยามที่เราเพิ่งเข้าไปอาศัยอยู่ครั้งแรก ก็จะเห็นดอกสาลี่บานสะพรั่งเต็มต้น ประการที่สอง เรือนใหม่ต้องใหญ่พอให้พวกเราทุกคนอยู่ได้ คราวนี้เนื่องจากเรื่องของข้า ท่านลุงจึงมีอคติมากมายกับท่านแล้ว หลังจากที่ข้าแต่งเข้ามา ผู้หญิงคนนั้นน่าจะเพิ่มลูกเพิ่มหลานให้ตระกูลซั่งกวนด้วย ครั้นถึงในเวลานั้น พวกเขาจะมีความสุขกันถ้วนหน้า ไหนเลยยังจะจำท่านได้! อนุภรรยาหนิงพลอยเดือดร้อนไปกับข้าจึงถูกส่งไปที่วัดประจำตระกูล ไม่รู้ว่าจะกลับมาได้ไหม ทั้งอวี่ไข่และข้าถูกทำให้กระเด็นออกไปอีก ไม่มีใครอยู่ปรนนิบัติดูแล ท่านจะเสียใจมากเป็นแน่ ถ้าเรือนของเราใหญ่พอ ท่านสนใจมาอยู่ด้วยสักหนึ่งปีครึ่งได้ หากอนุภรรยาหนิงได้รับการปล่อยตัว ก็ไปอยู่กับท่านได้ แทนที่จะทนอุดอู้อยู่กับห้องที่อ้างว้าง”

“เด็กดี” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยรู้สึกตื้นตันใจจริงๆ ดูท่าเหตุการณ์เมื่อวานได้กระทบนางอย่างหนักจนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิงในชั่วข้ามคืน

“ข้าไม่ดีเลยสักนิด ข้าแค่…” จู่ๆ ทั่วป๋าฉินซินก็เริ่มร้องไห้อีกแล้วพูดว่า “ทันใดนั้นข้าก็เข้าใจว่า ยกเว้นตอนที่เพิ่งเกิดข้าจะได้เปรียบ ที่มีแม่ฐานะสูงส่ง นอกนั้นไม่ใช่เลย ท่านย่าไม่รู้หรอก คำที่ท่านพ่อพูดเมื่อวานนี้มัน…ข้ารู้สึกว่าโลกทั้งใบพังทลายไปหมดแล้ว ยามนี้ข้าทำได้แค่ขอให้ท่านสอนอวี่ไข่ให้ดี เพื่อที่ข้าจะได้เริ่มต้นที่ดีได้”

“ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจ” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยรู้ว่าทั่วป๋าเชี่ยนเย่าพูดอะไร เขาก็ฝากบอกตัวเองเช่นกัน นึกไม่ถึงว่าคำพูดเหล่านั้นจะทำให้ทั่วป๋าฉินซินเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้ขนาดนี้ นางจึงสัญญาว่า “ข้าเลี้ยงดูอวี่ไข่จนเติบโต เป็นลูกรักที่สุดของข้า ข้าจะให้พวกเจ้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและดีงามแน่นอน ส่วนในเรือนใหม่นั้น ข้าจะแทรกแซงเป็นการส่วนตัวด้วย ให้สิ่งที่ดีที่สุดกับพวกเจ้า สัญญาว่าจะให้พวกเจ้าอยู่ดีมีสุขยิ่งกว่าอยู่ในจวนชั้นในด้วยซ้ำ”

“ขอบคุณท่านย่า” ทั่วป๋าฉินซินทั้งน้ำมูกน้ำตาไหลพราก ร้องไห้เสียใจมาก

“คุณหนู นายท่านส่งคนมารับแล้วเจ้าค่ะ” ชิงหยาเดินเข้ามาจากข้างนอกและกระซิบ

“ข้าจะไปแล้ว ท่านย่ารักษาสุขภาพมากๆ นะเจ้าคะ” ทั่วป๋าฉินซินหยัดกายขึ้น คุกเข่าลงโขกศีรษะคำนับอย่างเคารพไปยังทั่วป๋าซู่เยวี่ย แล้วพูดว่า “ฉินซินไม่รู้ความ สร้างปัญหาให้ท่านย่าเยอะแยะขนาดนั้น ทั้งยังทำให้ท่านย่าโกรธมาก ท่านย่าโปรดอย่าเอามาใส่ใจ ยกโทษให้ฉินซิน ฉินซินขออำลา”

“เด็กดี รีบลุกขึ้นเร็วเข้า!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมองนางอย่างเศร้าหดหู่แล้วพูดว่า “ย่าจะคิดเล็กคิดน้อยกับเจ้าที่ยังเด็กได้อย่างไร ชิงหยาชิงเย่ รีบพยุงคุณหนูของพวกเจ้าลุกขึ้น”

ทั่วป๋าฉินซินถูกประคองขึ้น เช็ดน้ำตาอย่างระมัดระวัง กล่าวคำอำลาอีกครั้ง จากนั้นทั้งสามหันศีรษะแล้วก้าวออกไป ทั่วป๋าซู่เยวี่ยถอนหายใจเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “แม่นมอี้ เจ้าว่าฉินซินพูดจริงเท็จกี่ส่วน?”

“ฮูหยินใหญ่ คนเดียวที่คุณหนูวางใจได้ในตอนนี้คือท่าน ข้าคิดว่าที่คุณหนูพูดเชื่อได้ครึ่งเดียว นางจะกตัญญูต่อท่านจริงหรือ ยังต้องรอให้นางแต่งกับนายน้อยอวี่ไข่แล้วค่อยๆ สังเกตเจ้าค่ะ” แม่นมอี้ไม่กล้าพูดอะไรรุนแรงมาก

“ข้าก็คิดเหมือนกัน” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพอใจกับคำตอบของแม่นมอี้มาก ค่อยๆ เอนหลังลงบนเตียงแล้วพูดว่า “ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ได้ข้อสรุปแล้ว ข้ายังคงต้องวางแผนสำหรับทั้งสองคนให้ดีต่อไป…”

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

Status: Ongoing
จากแผนการล่มงานวิวาห์คลุมถุงชนกลับต้องเปลี่ยนเป็นแผนการมัดใจว่าที่สามี เมื่อเขาคนนี้กับชายในฝันของนางคือคนเดียวกัน... 'ถึงเขาจะเจ้าชู้ที่สุดในใต้หล้า แต่เจ้าสาวอย่างข้าจะปราบให้ดู!'

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท