“ว่าตามความต้องการของท่านพ่อและท่านแม่เถิด! อย่าพูดถึงความคิดเห็นของข้าเลย ให้พวกเขาทำความรู้จักคนพวกนั้นแบบไม่ต้องมีเรื่องใดมากระทบจะดีกว่า” ซั่งกวนเจวี๋ยใช้นิ้วมือดึงเล่นชักเย่อกับลูกชาย แรงของเขานั้นมีไม่น้อย โดยเฉพาะการละเล่นเช่นนี้
“แต่ข้ากังวลอยู่บ้างว่าพวกเขาจะถูกคนที่รูปลักษณ์งดงามแต่ไร้ความสามารถตบตาเอา!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เห็นสองพ่อลูกมีปฏิสัมพันธ์กัน ในใจก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา นางนั้นเป็นคนที่ไม่มีความทะเยอทะยานมาโดยตลอด มีสามีที่เอาใจใส่คนหนึ่ง ลูกชายที่น่ารักหนึ่งคน ทั้งยังมีครอบครัวที่อบอุ่น เพียงเท่านี้ก็ทำให้นางพึงพอใจมากแล้ว
“งานชมดอกบัวปีนี้ไม่เหมือนกับปีที่แล้ว ทุกคนล้วนได้เตรียมการณ์หมดแล้ว ไม่อาจให้คนที่ไม่มีความสามารถพวกนั้นออกมาขายหน้าขายตาได้หรอก!” ซั่งกวนเจวี๋ยคิดว่าภรรยากังวลเกินเหตุไปอยู่บ้าง แต่เขาก็ชอบเห็นด้านนี้ของภรรยาเช่นกัน นี่แสดงให้เห็นว่านางเป็นห่วงเป็นใยน้องสาวทั้งสองคนอย่างแท้จริง อยากจะหาที่พึ่งพิงดีๆ ให้กับพวกนาง
ลูกภรรยาเอกตระกูลซั่งกวนน้อยครั้งที่จะถูกใช้เป็นเครื่องมือแต่งเชื่อมความสัมพันธ์ไปยังตระกูลที่จะแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เรียบง่ายและสะดวกที่สุด แต่ทุกคนต่างก็รู้ดี ขณะเดียวกันการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ก็เป็นวิธีการที่ไม่มีความจำเป็นเช่นกัน ไม่มีตระกูลที่สืบต่อกันมาอย่างช้านานตระกูลใดจะยอมให้ผู้หญิงมาแทรกแซงเรื่องของตระกูลได้ (เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นลูกสาวที่ยังไม่ออกเรือน) คิดอยากจะใช้การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์มาแสดงถึงความปรองดองระหว่างกันหรือความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันก็ย่อมได้ แต่หากอยากใช้การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ นั่นก็นับเป็นเรื่องน่าขันเท่านั้น
คุณหนูสองคนของตระกูลซั่งกวนได้เข้าพิธีปักปิ่นแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องพูดคุยเรื่องแต่งงานแล้วเช่นกัน นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างก็รู้ดี อีกทั้งคุณหนูสองคนจนถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่มีคนที่ชอบพอใจตรงกัน ขอเพียงแค่ชาติกำเนิดดี มีความสามารถอยู่บ้างก็ล้วนสามารถฉวยโอกาสนี้เปิดเผยหน้าตาในงานชมดอกบัวได้ ให้คนงามได้มีโอกาสจดจำตน ดังนั้นงานชมดอกบัวปีนี้จึงมีตระกูลไม่น้อยที่เป็นฝ่ายส่งจดหมายมาเพื่อขอเทียบเชิญสำหรับเข้าร่วม และซั่งกวนเจวี๋ยก็เป็นคนมองดูผู้ที่เหมาะสม จากนั้นก็ค่อยๆ ทยอยส่งเทียบเชิญไป และพวกที่คิดใฝ่สูงเกินตัว แต่ตัวเองกลับไม่มีความรู้ความสามารถอันใด อย่าพูดเลยว่าซั่งกวนเจวี๋ยจะไม่ส่งเทียบเชิญให้พวกเขา แม้แต่ตระกูลของพวกเขาเองก็จะกักบริเวณพวกเขาเช่นกัน ไม่ให้พวกเขาได้มีโอกาสมาก่อความวุ่นวาย หากทำให้ตระกูลซั่งกวนมีโทสะเพราะเรื่องนี้ นั่นก็นับว่าเป็นเรื่องที่ได้ไม่คุ้มเสียแล้ว
เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่ได้เข้าใจเรื่องเช่นนี้มาก แต่ซั่งกวนเจวี๋ยกระจ่างแจ้งดี ดังนั้นจึงไม่กังวลแม้แต่น้อย “เช่นนั้นก็ดี!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พยักหน้า กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เรื่องทั้งหมดตระเตรียมจวนจะเสร็จแล้วกระมัง?”
“หลักๆ ก็เตรียมพร้อมแล้ว ขอเพียงแค่รักษาสภาพนี้ไว้ รอจนงานชมดอกบัวมาถึงก็เพียงพอแล้ว” ซั่งกวนเจวี๋ย ‘ยอมพ่ายแพ้’ ให้เจ้าตัวเล็ก ปล่อยให้เขาได้เอานิ้วมือของตัวเองไปกัดในปากแต่โดยดี ใช้ปากเล็กๆ นั้นดูดดึงอย่างออกรส ก่อนใบ หน้าเล็กนั้นจะยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“เช่นนั้นก็ดี” แท้จริงแล้วเยี่ยนมี่เอ๋อร์ยังคงกังวลกับงานชมดอกบัวในปีนี้อยู่บ้าง อย่างไรการเพิ่มรายการเข้าไปมาก มายก็เป็นความคิดของตน หากทำเสียเรื่อง ก็จะส่งผลกระทบกับตัวเองไม่น้อยเช่นกัน
“เจ้าไม่ต้องกังวล ทั้งหมดล้วนดำเนินตามแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่อาจจะเกิดปัญหาใดได้หรอก!” ซั่งกวนเจวี๋ยเข้าใจความกังวลของภรรยา กล่าวยิ้มๆ “งานชมดอกบัวปีที่แล้วนับว่าสำเร็จไปด้วยดี ทุกคนจึงคาดหวังในงานชมดอกบัวปีนี้เป็นอย่างมาก ย่อมต้องผ่านพ้นไปด้วยดีเช่นกัน!”
“อื้อๆ” เจ้าตัวเล็กร้องเรียกอย่างไม่พอใจ เขาไม่เข้าใจว่า เห็นชัดๆ ว่าบิดานั้นอุ้มตนเอง แต่กลับไม่สนใจคุยกับเขาเท่าไร ดังนั้นจึงไม่เล่นนิ้วอีกแล้ว ร้องเรียกขึ้นมา
“หมิงเอ๋อร์ แม่ของเจ้ากังวลเรื่องงานชมดอกบัว เจ้าคุยกับนางหน่อยสิ บอกว่าทุกอย่างย่อมเป็นไปได้ด้วยดี ให้นางวางใจเสีย!” ซั่งกวนเจวี๋ยยื่นลูกชายออกมาให้พูดแทน แต่เจ้าตัวเล็กที่เห็นพ่อและแม่พุ่งความสนใจมาที่ตน ก็ร้องเรียกอย่างดีใจออกมา
“อีกทั้งเรื่องสำคัญก็คืองานชมดอกบัวนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาตั้งหลายปี มักจะยึดตามความเคยชินที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา เจ้าสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ท่านพ่อและท่านแม่ก็ย่อมสนับสนุนเจ้าอยู่แล้ว” ยามที่ซั่งกวนเจวี๋ย กล่าว ก็กล่าวผ่านทางลูกชาย เจ้าตัวเล็กคิดว่าตัวเองได้รับความสนใจจากบิดาอีกครั้ง ก็เผยยิ้มออกมาอย่างดีใจ ยื่นมือออกไปจับนิ้วของซั่งกวนเจวี๋ย
“ข้าคงจะคิดกังวลมากไป” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ถูกซั่งกวนเจวี๋ยพูดถึงขนาดนี้ก็รู้สึกเขินอายอยู่บ้าง ใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา ตัวเองยังคงกังวลกับผลได้ผลเสียของเรื่องบางเรื่องเกินไป
“ข้าชอบที่เจ้าเป็นแบบนี้” ซั่งกวนเจวี๋ยใช้มือข้างหนึ่งอุ้มลูกชายไว้ในอ้อมกอดอย่างมั่นคง อีกมือหนึ่งโอบตัวภรรยาไว้ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าชอบเจ้าที่สามารถแบ่งปันเรื่องต่างๆ ร่วมกันได้มากกว่า ไม่ใช่เหมือนท่านแม่ที่ไม่สนใจเรื่องอันใดทั้งนั้น”
เยี่ยนมี่เอ๋อร์เผยยิ้มเล็กน้อย รู้ว่าสิ่งที่เขาเรียกว่าแบ่งปันนั้นก็คือทำให้เขาไม่ต้องกังวลเรื่องข้างหลัง ไม่ต้องวอกแวกมาจัดการดูแลเรื่องในบ้าน เวลานี้จึงคลี่ยิ้มบาง เบนความสนใจไปหยอกล้อลูกชาย
——————————
ในขณะเดียวกัน ผู้ที่กำลังจิตใจว้าวุ่นนั้นยังมีหวงฝู่เยวี่ยเอ้ออีกคน นางมองใบรายชื่อปึกใหญ่ที่ซั่งกวนฮ่าวส่งให้นาง หัวนั้นขยายขึ้นมาอีกเท่าตัว แทบที่จะตาเหลือก เป็นลมล้มพับไป
“เหตุใดจึงมีคนสนใจมากมายถึงขนาดนี้?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อกล่าวอย่างปวดหัวเป็นอย่างมาก “เพียงแค่หาคู่ที่เหมาะสมให้กับจิงอิ๋ง พิงถิง ต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เพียงนี้เชียวหรือ?”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว” ซั่งกวนฮ่าวพลิกชื่อหนึ่งออกมาอย่างง่ายๆ “ผู้นี้ ลูกชายคนโตภรรยาเอกของตระกูลหูแห่งหยวนโจว เงื่อนไขทุกอย่างล้วนดีหมด แต่ลองมาดูดีๆ บิดาของเขา นอกจากภรรยาเอกแล้ว ยังมีอนุภรรยาอีกแปดบ้าน ทั้งเมียบ่าวอีกห้าหกคน น้องชายของปู่เขายังเคยมีเรื่องฉาวโฉ่ลุ่มหลงอนุภรรยาจนยกฐานะให้สูงกว่าภรรยาเอกของตนเอง คนเช่นนี้ต่อให้เงื่อนไขจะดีเท่าใด ก็ไม่อาจนำมาเป็นตัวเลือกให้พิงถิงและจิงอิ๋งได้ ตระกูลเช่นนี้ไม่เหมาะสมกับลูกสาวตระกูลซั่งกวนของพวกเรา”
“เช่นนั้นไฉนจึงยังจัดไว้ในชื่อที่เชิญมา?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อขมวดคิ้ว หากทำให้ลูกสาวทั้งสองบังเอิญไปถูกใจเขาเข้า จะไม่นับเป็นเรื่องแย่หรอกหรือ?
“ความสามารถทางวรรณกรรมของเขาไม่เลวเลย ทั้งยังเป็นคนที่เป็นการเป็นงาน ลูกสาวของพวกเราไม่เหมาะกับคนเช่นนี้ ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆ จะไม่ชอบเขา ผู้นำตระกูลไม่กี่ตระกูลก็ต้องตาเขาอยู่ ทั้งคิดอยากจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลหู สิ่งที่เจ้าต้องทำก็แค่เล่าถึงเรื่องที่ไม่ดีของคนพวกนี้ ใส่สีใส่ไข่ให้มากหน่อย บอกกล่าวให้จิงอิ๋งและพิงถิงฟัง ให้พวกนางมีความประทับใจแง่ลบกับคนผู้นี้ ไม่ถูกคนผู้นี้ทำให้ลุ่มหลงก็พอแล้ว” ซั่งกวนฮ่าวนับว่ากังวลเรื่องงานแต่งงานของลูกสาวสองคนนี้มากที่สุด งานแต่งงานของพวกนางไม่เหมือนกับลูกชาย ต้องไตร่ตรองอย่างรอบคอบ
“ข้าเข้าใจแล้ว!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อแทบไม่ค่อยกระจ่างแจ้งกับเรื่องเช่นนี้โดยสิ้นเชิง หลิงหลงและชุยฮ่าวหรันมีจิตใจรักผูกพันกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ ทั้งยังเป็นคนของสองตระกูลที่มีชื่อเสียงมาช้านาน ต่างก็รู้ไส้รู้พุงกันดี จึงไม่มีสิ่งที่ต้องคิดใคร่ครวญให้มากมาย
“ยังมีอีกคนหนึ่ง รูปลักษณ์ธรรมดา แต่ความสามารถเทียบกับตระกูลทั่วไปแล้ว นับว่าเป็นบุคคลที่โดดเด่นพอตัว เพียงแต่คนเช่นนี้มีใจมุ่งหวังผลประโยชน์ เป้าหมายของเขาเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นจิงอิ๋ง สำหรับเขาแล้ว การแต่งลูกคุณหนูภรรยาเอกก็เพื่อจะสามารถเป็นที่พึ่งพาให้เขาได้ ทำให้เขาสามารถค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นมา คนผู้นี้ต้องระวังให้ดี ยามที่จิงอิ๋งและพิงถิงยังไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเขาแน่ชัด ก็อย่าได้ให้เข้าใกล้เขาแม้แต่ก้าวเดียว มิเช่นนั้นอาจจะถูกเขาพูดคำหวานหลอกล่อ เกิดความรู้สึกดีๆ ต่อเขาขึ้นมา แม้ว่าพวกเราจะออกหน้าขัดขวาง ก็อาจจะทำให้พวกลูกๆ เกิดความคับข้องใจได้!” ซั่งกวนฮ่าวเอาข้อมูลของอีกคนส่งให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อดู
หวงฝู่เยวี่ยเอ้อขมวดคิ้วมุ่น คนเช่นนี้ปฏิเสธไปอย่างตรงๆ เลยมิได้หรือ?
“พวกเราไม่อาจจะปกป้องพวกนางได้ตลอดชีวิต ทำได้เพียงคุ้มกันพวกนางในยามนี้ ให้พวกนางรู้ถึงจิตใจที่ชั่วร้ายของมนุษย์ ให้พวกนางได้พบเจอคนที่น่ารังเกียจในงานชมดอกบัวครั้งนี้เสียหน่อยก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่แย่เสมอไป!” ซั่งกวนฮ่าวเข้าใจว่าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อคิดอะไร ที่จริงนางก็เป็นคนที่ใสซื่อบริสุทธิ์มาโดยตลอด และก็เพราะแต่งงานกับตัวเอง ชั่วชีวิตนี้จึงไม่ได้ทนรับปัญหามากมาย ทั้งไม่ได้พบความลำบากที่ร้ายแรงจึงมีสภาพเป็นดั่งทุกวันนี้
“เหตุใดไม่เลือกคนที่ดีพร้อมทุกด้านมาให้พวกนางเลย จากนั้นก็ให้พวกนางเลือกจากในนั้น?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเวียนหัวอยู่บ้าง เดิมทีเรื่องนี้ก็อยู่ในความรับผิดชอบของนาง แต่นางก็ยังคงรู้สึกถึงความยุ่งยากจริงๆ
“จากนั้นเล่า? พวกนางแต่งงานเข้าไป ก็ต้องเผชิญหน้ากับครอบครัวตระกูลใหญ่ ทั้งจำเป็นต้องรักษาความสัมพันธ์กับทุกคนให้ดี” ซั่งกวนฮ่าวเผยยิ้มราบเรียบ “ที่จริงเจ้าก็น่าจะเข้าใจดี ในตระกูลต่างๆ ครอบครัวของพวกเรานับว่าเรียบง่ายมากแล้ว ข้าไม่มีพี่น้องสายตรงร่วมกัน พวกน้องๆ ลูกอนุหลังจากเติบโตก็แยกจวนออกไปอยู่กัน แต่ตระกูลอื่นๆ กลับไม่ได้มีสถานการณ์เช่นนี้ ส่วนมากก็ล้วนมีพี่น้องสายตรง และพี่น้องสายตรงพวกนี้นับเป็นมิตรที่ดีที่สุด ทั้งนับว่าเป็นมิตรที่อันตรายที่สุดเช่นกัน หากแม้แต่คนก็ยังไม่อาจมองออกได้ เช่นนั้นหากพวกนางแต่งเข้าไปอยู่ในตระกูลพวกนี้ย่อมต้องเกิดปัญหาอย่างไม่รู้จบ”
หวงฝู่เยวี่ยเอ้อพยักหน้าอย่างเงียบๆ ตระกูลต่างๆ แทบที่จะมีธรรมเนียมสืบทอดแบบเดียวกันที่ว่า ‘ตำแหน่งผู้สืบทอดต้องเป็นลูกภรรยาเอก ไม่ใช่ลูกชายที่มีอายุมากที่สุด หรือไม่เช่นนั้นก็เลือกลูกชายที่อายุมากที่สุด แต่ต้องไม่ใช่ลูกชายที่โดดเด่นที่สุด’ ทั้งนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้แก่งแย่งกันภายใน แม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังคงมีคนที่คิดร้ายกับพี่ชายสายตรงของตน เพื่อหวังตำแหน่งผู้นำตระกูลเช่นกัน ตระกูลซั่งกวนมีผู้อาวุโส ซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแล ตระกูลหวงฝู่ก็มีสภาผู้อาวุโส เพื่อควบคุมปัญหาการสืบทอดเช่นกัน แต่ตระกูลที่ไม่ได้สืบทอดกันมาอย่างยาวนานเหล่านั้นย่อมไม่เหมือนกัน พวกเขายังไม่มีความสามารถที่ดูแลคนในตระกูลจำนวนมาก และผู้อาวุโสที่อยู่สูงเหนือผู้ใดได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาต่างก็คาดหวังให้ผู้นำตระกูลสามารถตัดสินเรื่องทั้งหมดได้เช่นกัน
“ส่วนคนพวกนี้นับว่าดีอยู่บ้าง” ซั่งกวนฮ่าวเลือกข้อมูลหกเจ็ดคนออกมา “พวกเขาในนี้มีสองคนที่เป็นลูกชายภรรยาเอกคนโต เป็นประเภทที่ต้องสืบต่อกิจการของตระกูล แต่นอกนั้นกลับไม่ใช่ พี่สะใภ้ของพวกเขาต่างก็เป็นลูกคุณหนูชาติตระกูลดี ฐานะไม่แตกต่างกับจิงอิ๋งและพิงถิงเท่าใด ครอบครัวของพวกเขาก็เข้มงวด ไม่ได้เลี้ยงดูสาวใช้ที่หน้าตาดี ทั้งไม่มีพฤติกรรมที่ลุ่มหลงอนุจนยกเกินหน้าเกินตาภรรยาเอก ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องก็ค่อนข้างปรองดองกันดี คุณสมบัติก็ไม่เลว สามารถให้จิงอิ๋งและพิงถิงดูจากคนพวกนี้ได้ว่ามีที่ถูกใจหรือไม่”
“ไม่ใช่เจ้าเองหรือที่พูดว่าจะไม่เลือกให้พวกนางอย่างตรงๆ?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อชำเลืองตามองซั่งกวนฮ่าวที่กลับคำไปมา รู้แล้วว่าเขาจะต้องเป็นเช่นนี้ สำหรับลูกสาวแล้ว เกรงว่าเขาจะเคร่งเครียดกว่าตนเองเสียอีก
“แค่กๆ…” ซั่งกวนฮ่าวกระแอมไอสองครั้งอย่างไม่เป็นธรรมชาตินัก “พวกนางเคยบอกความต้องการผ่านเยี่ยนมี่เอ๋อร์แล้ว ในเมื่อพวกนางพูดเช่นนั้น ข้าที่อยู่ในฐานะพ่อก็คงต้องทำอะไรเพื่อพวกนางบ้างกระมัง! คนพวกนี้ส่วนมากก็ตรงตามความต้องการของพวกนาง ให้พวกนางดูก่อนเถิด หากรู้สึกไม่ชอบก็ค่อยว่ากันอีกที!”
หวงฝู่เยวี่ยเอ้อส่ายศีรษะทั้งยิ้มๆ มองดูคนพวกนี้ นอกจากในนี้คนหนึ่ง คนอื่นๆ ก็ล้วนเป็นลูกหลานตระกูลอันดับต้นๆ ของจิ้นหยาง ไหลหยาง หยวนโจวและโฉยงโจว ดูท่าซั่งกวนฮ่าวยังคงอยากให้พวกลูกสาวไม่แต่งออกไปไกลนัก อยู่ใกล้ๆ กันหน่อย จะได้ดูแลช่วยเหลือได้ คิดดังนั้นก็พยักหน้า “ข้าจะดูดีๆ และจะปรึกษากับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ด้วย ไม่กล้ารับประกันว่าพวกนางจะถูกใจในเจ็ดคนที่เลือกมานี้หรือไม่ แต่อย่างไรก็ย่อมไม่อาจให้พวกนางเลือกคนที่ไม่เหมาะสมพวกนั้นเป็นแน่!”
“คนพวกนี้…” ซั่งกวนฮ่าวแบ่งข้อมูลอีกเจ็ดคนออกมา “ในนี้เป็นคนที่ไม่เหมาะสม ต้องให้พวกนางรู้ไว้ด้วย ไปพบปะกับพวกเขาเสียหน่อยให้รู้ว่าเหตุใดจึงไม่ดีก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องแย่เสมอไป!”
“ข้าเข้าใจแล้ว!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อพยักหน้า รวบรวมข้อมูลของทุกคนมา “ใบที่มีวงกลมสีแดงอยู่ตรงมุมก็คือคัดออก มีวงกลมสีเขียวคือคิดว่าดีเป็นอย่างมาก หากไม่มีอะไรเลยก็ให้พวกนางไตร่ตรองกันเอาเอง ข้าจะดูดีๆ ทั้งจะสอนพวกนางดีๆ ด้วย!”
ซั่งกวนฮ่าวพยักหน้า งานชมดอกบัวจะมีอีกในยี่สิบกว่าวัน ข้อมูลเล็กน้อยพวกนี้คงไม่ยากเกินความสามารถผู้หญิงพวกนี้หรอก…