“พิงถิง เจ้าดูนี่สิ…” อนุภรรยาหนิงที่ไม่ได้กลับมาเสียนานเมื่อกลับมาก็ไปหาพิงถิงทันที จากนั้นก็เผยเครื่องประดับสวยงามบนร่างให้พิงถิงดูอย่างมีลับลมคมใน นั่นเป็นเครื่องประดับจากกระดองเต่าที่พิงถิงไม่เคยได้เห็นมาก่อนเลยในชีวิต
“งดงามอย่างยิ่ง!” พิงถิงกล่าวอย่างตรงๆ งดงามจริงๆ แต่ว่าของสิ่งนี้เอามาจากที่ใดกัน ฉินซินมอบให้? อวี่ไข่ซื้อให้นาง? สองคนนั้นย่อมไม่มีทางที่จะซื้อของดีขนาดนี้ให้นางอย่างไร้เหตุผลจึงจะถูก
“เป็นคุณชายหู หูเหว่ยเย่ของตระกูลหูแห่งหยวนโจวส่งให้แม่ คุณชายหูผู้นั้นกล่าวว่าได้เกิดรักแรกพบกับเจ้าที่งานชมดอกบัว ได้บอกเป็นนัยมาทางนายท่านแล้ว ขอเพียงเจ้าพยักหน้า งานแต่งก็ย่อมมีขึ้นอย่างแน่นอน” แต่ไหนแต่ไรอนุภรรยาหนิงก็คาดไม่ถึงว่า ตัวเองที่อยู่แต่ในบ้านว่างๆ นั้นจะได้ลาภลอยเช่นนี้ มีความสุขเสียจนลืมตาแทบไม่ขึ้น
หูเหว่ยเย่ของตระกูลหูแห่งหยวนโจว? พิงถิงขมวดคิ้วเล็กน้อย คนผู้นั้นมีรายชื่ออยู่ในบัญชีดำ ตัวคนนับว่าไม่เลว ซั่งกวนฮ่าวก็บอกว่าพื้นฐานของเขาดีไม่น้อย แต่ลูกหลานในตระกูลนั้นมักจะรับเมียเอกและอนุภรรยางามหยดย้อยเข้าบ้านเป็นขบวน เดินเบียดกันทั้งซ้ายทั้งขวา ไม่มีศีลธรรมอันดีเท่าใด และในห้องของหูเหว่ยเย่ผู้นี้ ว่ากันว่าได้รับเมียบ่าวมาไม่กี่คนแล้ว คนเช่นนี้…อย่าพูดเลยว่าตนเองได้ตัดสินใจเลือกสวีปิ่งฮุยแล้ว แม้จะไม่มีคนที่ตัวเองชอบในนั้นเลย ก็ไม่อาจเลือกเขาอยู่ดี ทั้งเมื่อลองมองดูดีๆ คนผู้นี้กลับเข้าหาทางมารดา ให้มารดามาหว่านล้อมตนเอง เกรงว่าจะเป็นคนที่ชอบเลียแข้งเลียขาคนเพื่อผลประโยชน์ อย่างไรอย่าได้คบค้าสมาคมกับคนเช่นนี้จะดีกว่า
“เจ้าคงไม่รู้ คุณชายหูเป็นคนที่มีความสามารถ เงื่อนไขแต่ละด้านล้วนสมบูรณ์แบบ อวี่ไข่ก็กล่าวว่าคนผู้นี้ไม่เลวเลย ข้าว่าเจ้าไปพูดกับนายท่านว่าเจอกับเขามาแล้วครั้งหนึ่ง รู้สึกว่าคนผู้นี้ดีไม่น้อย นายท่านนั้นใส่ใจเรื่องงานแต่งของพวกเจ้ามาโดยตลอด ทั้งยังให้ความสำคัญกับความรู้สึกของพวกเจ้า หากเจ้าพูดเช่นนี้ งานแต่งงานครั้งนี้ก็คงจะสำเร็จแน่” อนุภรรยาหนิงนึกถึงคำมั่นสัญญาของตระกูลหูที่กล่าวว่า หากพิงถิงรับคำ ทั้งเรื่องทั้งหมดลุล่วงไปด้วยดี ก็จะซื้อที่ดินแห่งหนึ่งให้เป็นของขวัญสินสอดแก่ตนเองเพียงคนเดียว ช่างเป็นคนที่มีน้ำจิตน้ำใจเสียจริง!
“ท่านแม่ ข้าไม่รู้จักอะไรในตัวคุณชายหูผู้นี้แม้แต่น้อย ทั้งไม่ได้พบหน้ากันมาก่อน จะพูดโป้ปดกับท่านพ่อเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?” พิงถิงปฏิเสธอย่างอ้อมๆ จะให้นางเอ่ยปากแบบนี้ได้อย่างไร นั่นจะไม่เท่ากับสร้างปัญหาให้ตัวเองหรอกหรือ?
“จะนับว่าโป้ปดได้อย่างไร?” อนุภรรยาหนิงขมวดคิ้ว “คนผู้นี้พวกเราล้วนเคยพบหน้ามาแล้ว ฮูหยินใหญ่เอาแต่ชมไม่ขาดปาก ฉินซินก็พูดว่าไม่เลว หรือพวกเราคิดร้ายกับเจ้าได้อย่างนั้นหรือ? หากเจ้าแต่งเข้าไป ก็จะเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลหู ภายหลังก็จะเป็นนายหญิงของตระกูลหู ชั่วชีวิตนี้มีเงินทองลาภยศให้เสพสุขอย่างไม่ขาดสาย คนเช่นนี้เจ้าจะยังลังเลอีกทำไม? หรือจะรอให้คุณหนูรองที่ช่างเลือกเป็นคนเลือกไปก่อน แล้วเจ้าค่อยเลือกที่เหลือต่อนางอย่างนั้นหรือ?”
“ท่านแม่ จิงอิ๋งไม่ได้ช่างเลือก ไฉนท่านจึงพูดคำเช่นนี้ออกมา?” พิงถิงรู้สึกว่าคำพูดของอนุภรรยาหนิงไม่รื่นหูเป็นอย่างมาก เหตุใดนางจึงพูดคำเช่นนี้กับคนในครอบครัวของตัวเองได้?
“ไม่ได้ช่างเลือก? หึ หากไม่ช่างเลือกเหตุใดจึงมีข่าวว่าคุณหนูทั้งสองของตระกูลซั่งกวนต้องการเลือกคู่ออกมา ทั้งยังต้องเลือกประเภทที่ดีที่สุดออกมาก่อน ดูว่ามีใครที่เหมาะสมกับคุณหนูลูกภรรยาเอกผู้สูงส่งคนนั้นได้บ้าง?” อนุภรรยาหนิงด่าว่าอย่างโมโห “หากเรื่องที่นางแอบรักข้างเดียว ทั้งกระโจนกอดเจ้าเด็กตระกูลมู่หรงนั้นแพร่งพรายออกไป ข้ากลับอยากจะเห็นว่ายังจะมีใครอยากจะได้นางอยู่หรือไม่”
“ท่านแม่ อันใดเรียกว่าแอบรักข้างเดียว อันใดเรียกว่ากระโจนกอด? ท่านควรพูดจาระวังเสียหน่อย หากถูกท่านพ่อและท่านแม่รู้เข้า ท่านจะให้คำตอบอย่างไร?” พิงถิงใบหน้ามืดมนลงเล็กน้อย เหตุใดจู่ๆ อนุภรรยาหนิงก็เปลี่ยนไปราวกับคนอีกคนเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะพูดอะไรก็มักจะสงวนปากสงวนคำ แต่ตอนนี้กลับพูดอย่างไม่รู้กาลเทศะ หรือนางคิดว่าลูกชายของตนเองเป็นที่พึ่งได้แล้วจริงๆ นางนั้นได้เป็นฮูหยินไท่ไท่ที่รอเสวยสุขแล้ว เรื่องสูงต่ำอันใดล้วนไม่เข้าใจอีกแล้ว
“นี่เจ้ากำลังสั่งสอนข้า?” อนุภรรยาหนิงใบหน้าทะมึนลงมาทันที อยู่ในจวนของอวี่ไข่ ฮูหยินใหญ่ไม่ได้ก่อเรื่องวุ่นวายถึงเพียงนั้น ส่วนมากก็จะปฏิบัติต่อนางอย่างดีๆ อวี่ไข่ก็เป็นคนกตัญญู ให้ความเคารพนอบน้อมกับนางมากเช่นกัน เดิมทีคิดว่าทั่วป๋าฉินซินจะจองหองมองไม่เห็นหัวคนอื่นกลับเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ไม่เพียงแต่ปฏิบัติตัวนอบน้อมกับฮูหยินใหญ่ แต่กลับทำเช่นเดียวกับนางเช่นกัน ทำให้นางคิดว่าตัวเองไม่ใช่อนุภรรยาที่ต้องคอยระมัดระวังสีหน้าของผู้อื่นอีกแล้ว จึงกระทำตัว อย่าง ‘ลำพองลืมตัว’ อยู่บ้าง ไหนเลยจะทนฟังพิงถิงว่าเช่นนี้กับนางได้…ยิ่งไปกว่านั้นนางก็มาเพราะเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของพิงถิง
“พิงถิงเพียงเตือนท่านแม่เท่านั้น!” พิงถิงลอบถอนหายใจ กล่าวอย่างเรียบนิ่ง “จิงอิ๋งเป็นลูกภรรยาเอกของตระกูลซั่งกวน ทั้งเป็นแก้วตาดวงใจของท่านพ่อและพี่ใหญ่ หากมีข่าวเสียหายอะไรกับจิงอิ๋งเกิดขึ้น ท่านพ่อและพี่ใหญ่ย่อมโมโหโกรธ คงไม่ใช่ว่าท่านแม่ไปใช้ชีวิตสบายๆ กับท่านพี่ทางนั้นนานไปจนลืมแล้วกระมัง!”
“เจ้า!” อนุภรรยาหนิงพูดไม่ออก มองลูกสาวที่นับวันก็ยิ่งไม่สนใจอย่างโมโห ใจร้อนรุ่มอยู่พักใหญ่ “เรื่องงานแต่งของตระกูลหูเจ้าว่าอย่างไร ให้คำตอบยืนยันกับข้าเสียหน่อย ข้าจะได้กลับไปบอกคุณชายหูดีๆ เขากำลังรอข่าวดีจากข้าอยู่นะ!”
“พิงถิงเป็นผู้หญิง จะพูดคุยเรื่องงานแต่งของตัวเองได้อย่างไร ข้าได้พูดกับท่านพ่อแล้ว ทั้งหมดล้วนให้ท่านพ่อเป็นคนตัดสินใจ” พิงถิงถอนหายใจเบาๆ หูเหว่ยเย่กำลังรอข่าวดีอย่างนั้นหรือ? พวกนางได้ตัดสินใจมอบตนเองให้หูเหว่ยเย่เพื่อรับผล ประโยชน์อะไรสักอย่างแล้วไม่ว่าน่ะสิ?
“จะได้เป็นเช่นนั้นอย่างไร ข้าอุตส่าห์รับปากคุณชายหูอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ กล่าวว่าย่อมกล่อมเจ้าได้แน่ คุณชายหูก็ได้เตรียมจะมาสู่ขอเรียบร้อยแล้ว” อนุภรรยาหนิงเผยสีหน้าบิดเบี้ยวมองพิงถิง “เดิมทีนายท่านก็ตามอกตามใจคุณหนูรอง เกี่ยวกับงานแต่งของนางย่อมใส่ใจเป็นพิเศษ ไม่ว่าผู้ใดมาสู่ขอ ก็ต้องดูว่าคุณหนูรองชอบหรือไม่ พอมาถึงเจ้าก็คงเหลือแต่ขี้ริ้วขี้เหร่ใช้ไม่ได้การแล้ว ไหนเลยยังจะมีตัวเลือกดีๆ อยู่ นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตของเจ้า ย่อมต้องครุ่นคิดอย่างรอบคอบ หากเจ้ารู้สึกเกรงใจละก็ ข้าจะไปพูดกับนายท่านเอง”
ก็เพราะต้องรอบคอบจึงไม่อยากให้พวกท่านสอดมือยุ่งอย่างไรเล่า! พิงถิงถอนหายใจทั้งส่ายศีรษะ “เรื่องนี้อย่างไรท่านแม่อย่ายุ่งดีกว่า ให้ท่านพ่อและท่านแม่ใหญ่เป็นคนตัดสินใจก็ดีแล้ว ข้ามั่นใจว่าพวกเขาย่อมจะครุ่นคิดอย่างรอบคอบ!”
“ข้าจะไม่ยุ่งได้อย่างไร? เจ้านั้นเกิดออกมาจากท้องของข้า!” อนุภรรยาหนิงเผยท่าทีแยกเขี้ยวยิงฟันอยู่บ้าง อยากจะตบเตือนสติลูกสาวที่ไม่รักดีผู้นี้ขึ้นมาทันที
“ปัญหาอยู่ที่ว่านางเป็นลูกสาวของข้า! งานแต่งงานของนางย่อมต้องเป็นข้าที่อยู่ในฐานะมารดาเป็นคนตัดสินใจ!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเผยใบหน้าเยือกเย็น นางถูกแม่นมข้างกายของพิงถิงเชิญมา เมื่อมาถึงหน้าประตู แม่นมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้นางฟังครั้งหนึ่ง ทำให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อที่เดิมทีก็ได้ยินข่าวมาบ้าง ทั้งอารมณ์ไม่ค่อยดียิ่งโกรธจนควันออกหูขึ้นมา
“บ่าวคาระวะฮูหยินเจ้าค่ะ” อนุภรรยาหนิงคาดไม่ถึงว่าจู่ๆ หวงฝู่เยวี่ยเอ้อจะมาปรากฏตัว รีบคารวะให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้ออย่างลนลาน…แต่ไหนแต่ไรหวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็ไม่อาจย่างเท้าเข้ามาในที่พักของพิงถิง วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น?
“ไม่ใช่ว่าเจ้าตามฮูหยินใหญ่ไปเสวยสุขในจวนของลูกรักที่นั่น ไม่อยากจะกลับมามองหน้าคนแล้วหรอกหรือ? ไฉนจึงกลับมาได้?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อมองอนุภรรยาหนิงอย่างเย็นเยียบ แม่ที่ลำเอียงนั้นไม่ว่าเวลาไหนก็ล้วนเกิดขึ้นได้ แต่ไม่อาจจะเพราะผลประโยชน์เล็กๆ ก็ขายลูกสาวตัวเองได้หรอกกระมัง?
“บ่าวเพียงแค่คิดถึงคุณหนูพิงถิง ดังนั้น…” ภายใต้แววตาน่าเกรงขามที่ยากจะได้พบของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ เสียงของอนุ ภรรยาหนิงจึงเล็กลงเรื่อยๆ ทั้งร้อนตัวขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
“คิดถึง?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อมองอนุภรรยาหนิงอย่างเย็นชา “คิดถึงพิงถิงหรือเพราะว่าตระกูลหูให้คำมั่นสัญญาเจ้า? ที่ดินแห่งหนึ่งก็ทำเจ้าสั่นคลอนแล้ว ตระกูลหูนับว่าวางแผนมีแต่ได้กับได้เสียจริงๆ!”
ที่ดินแห่งหนึ่ง? พิงถิงคล้ายกับมีเมฆหมอกขมุกขมัวอยู่เต็มหัว นี่หมายความว่าอย่างไร?
“ฮูหยิน บ่าวเพียงแค่คิดถึงคุณหนูจริงๆ ไม่ได้มีความคิดอื่นใดเจ้าค่ะ!” อนุภรรยาหนิงตกใจจนแข้งขาอ่อน ยามนี้ฮูหยินใหญ่ก็ไม่อยู่ในจวน หากหวงฝู่เยวี่ยเอ้อหาเหตุผลอะไรมาจัดการนางละก็ แม้แต่คนให้ร้องขอความช่วยเหลือก็ยังไม่มีเลย!
“เช่นนั้นเมื่อเย็นวานเจ้ารับปากเป็นมั่นเหมาะกับหูเหว่ยเย่ กล่าวว่าจะทำให้พิงถิงแต่งกับเขาให้ได้เป็นเรื่องโกหกอย่างนั้นหรือ?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อถามเสียงเย็น เดิมทีนางคิดจะเกริ่นเรื่องนี้กับพิงถิงเสียหน่อย คาดไม่ถึงว่ายังคงมองข้ามความทะเยอ ทะยานของอนุภรรยาหนิงไป กลับไล่ตามมาพูดเพื่อคนผู้นั้นถึงที่นี่
“บ่าว…บ่าวเพียงแค่ถูกความจริงใจของคุณชายหูสั่นคลอนจิตใจ จึงรู้สึกว่าตระกูลหูไม่เลวเสียทีเดียว ดังนั้น…” สีหน้าที่ตกใจและเจ็บปวดของพิงถิงทำให้อนุภรรยาหนิงกลืนคำพูดแก้ต่างนั้นกลับลงไป
“ตระกูลหูช่างวางแผนได้ดีเสียจริง! สินสอดของพิงถิง แม้จะซื้อที่ดินที่พักสักเจ็ดแปดแห่งก็นับว่าเหลือเฟือ เอาจากในนั้นมาให้เจ้าแห่งหนึ่งก็ซื้อตัวเจ้าได้แล้ว” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อมองอนุภรรยาหนิงอย่างเย็นเยียบ ตั้งแต่เริ่มเลือกคู่ให้ลูกสาวทั้งสอง ซั่งกวนฮ่าวก็ส่งคนไปจับตาดูพวกเขา กังวลว่าพวกเขาจะวางแผนเล่นลูกไม้อะไร เวลานั้นนางยังหัวเราะที่เขากังวลเกินกว่าเหตุ คาดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ หากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป พิงถิงยังจะเป็นคนได้อยู่อีกหรือ!
เรื่องที่ดินนางก็รู้อย่างนั้นหรือ? อนุภรรยาหนิงตกใจจนแทบจะผงะหลัง ดูท่าในจวนของอวี่ไข่คงมีคนเป็นหูเป็นตาให้พวกเขาอยู่แน่ คำพูดของพวกตนจึงได้รู้มาถึงหูพวกเขา หลังจากกลับไปต้องเก็บกวาดดีๆ เสียแล้ว
“งานแต่งของพิงถิงย่อมมีข้าและนายท่านเป็นผู้ตัดสินใจ เจ้าก็กลับไปรอข่าวแต่โดยดีเสียเถิด!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อไม่อยากจัดการอนุภรรยาหนิงต่อหน้าพิงถิง แม้ว่าวันนี้จะเป็นโอกาสดี แต่สำหรับนางแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในยามนี้คือการปลอบใจพิงถิง ไม่ให้นางเสียใจจึงจะถูก
“เจ้าค่ะ!” อนุภรรยาหนิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“อีกอย่าง หากมีข่าวไม่ดีอันใดเกี่ยวกับพิงถิงและจิงอิ๋ง ข้าก็จะไม่สนว่าเป็นฝีมือของพวกเจ้าหรือไม่ คนอื่นข้าไม่อาจทำอะไรได้ แต่เจ้า ข้าย่อมจะส่งไปที่วัดประจำตระกูล แม้จะตายก็ไม่อาจได้กลับมา!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อข่มขู่อย่างไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย อนุภรรยาหนิงตกใจจนผงกศีรษะติดต่อกัน ท้ายที่สุดความคิดที่ไม่ดีเหล่านั้นก็สลายหายไปทันที
“ไปเถิด!” คำพูดของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อทำให้อนุภรรยาหนิงคล้ายกับถูกอภัยโทษ ทั้งไม่กล้าพูดอะไรกับพิงถิงอีก พาสาวใช้หนีเตลิดเปิดเปิงไปทันที ไม่ว่าอย่างไรก็ดูทุลักทุเลเป็นที่สุด
“ท่านแม่…” พิงถิงอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ คำนับขอบคุณแก่หวงฝู่เยวี่ยเอ้อ “ขอบคุณท่านแม่ที่เข้ามาทันเวลา ไม่อย่างนั้นพิงถิงก็ไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรแล้วจริงๆ!”
“มานี่สิ!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อรับพิงถิงเข้าสู่อ้อมกอด “หากเสียใจก็ร้องไห้ออกมาเสีย อย่าได้เก็บไว้ในใจ เจ้าเป็นลูกสาวของข้า ข้าไม่เอ็นดูเจ้าแล้วจะเอ็นดูใคร”
“ท่านแม่…” หัวใจของพิงถิงท้ายที่สุดคล้ายกับถูกคำพูดของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อเหยียบถูกจุดเข้า ถลาเข้าไปร้องห่มร้องไห้ในอ้อมอกของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อทันที นางย่อมไม่อาจคิดวาดหวังอะไรกับพวกเขาได้แล้ว ท้ายที่สุดพวกเขาก็คงจะยิ่งเดินห่างไปจากตัวเองขึ้นเรื่อยๆ…