ซั่งกวนเจวี๋ยค้นในห้องนอนของเยี่ยนมี่เอ๋อร์อย่างระมัดระวัง หวังที่จะสามารถค้นพบหลักฐานบางอย่างมายืนยันการคาดเดาของตัวเอง…เยี่ยนมี่เอ๋อร์นั้นถูกหวงฝู่เยวี่ยเอ้อเรียกตัวไป แค่คิดก็รู้แล้วว่าย่อมอยากจะหยั่งเชิงจากปากของมี่เอ๋อร์ว่าช่วงนี้ตนเองมีตรงไหนผิดแปลกไปหรือไม่ และอาจจะให้คำแนะนำบางอย่างกับมี่เอ๋อร์ ให้นางสามารถคุมเขาได้อยู่หมัด อย่าได้ให้ผู้หญิงคนอื่นฉวยโอกาสอะไรได้ ซั่งกวนเจวี๋ยคาดเดาผลลัพธ์ข้อนี้ได้ ตั้งแต่ยามที่ไปไถ่ถามหวงฝู่เยวี่ยเอ้อเกี่ยวกับเรื่องเก่าในปีนั้นแล้ว และก็เอาแต่รอคอยโอกาสนี้อยู่เรื่อยมา
แต่ว่า ซั่งกวนเจวี๋ยผิดหวังอยู่บ้าง สถานที่ที่เขาเห็นว่าน่าสงสัยที่สุด ค้นหาแล้วหนึ่งครั้งก็ไม่พบสิ่งของแปลกๆ อันใดทั้งนั้น หรือการคาดเดาของตัวเองจะผิดพลาด?
เพียงแต่ จู่ๆ ซั่งกวนเจวี๋ยก็นึกขึ้นมาได้ มี่เอ๋อร์เอากล่องเถ้ากระดูกของป้าโม่ผู้นั้นวางไว้ในตู้เก็บของอย่างโจ่งแจ้ง หรือจะเก็บของพวกนั้นไว้ในสถานที่ที่เอื้อมถึงง่ายด้วยเช่นกัน?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซั่งกวนเจวี๋ยก็เบนสายตาไปยังเป้าหมายที่มักจะเห็นอยู่ทุกวัน ไม่นานนัก เขาก็ค้นตู้ตรงหัวเตียง เจอถุงใส่เข็มดอกเหมย กล่องลูกประคำ ส่วนตู้ใส่รองเท้าก็เจอกระบี่อ่อนหนึ่งเล่ม ซึ่งเขาจำได้อย่างแม่นยำว่า คุณหนูสุราเคยพกกระบี่อ่อนเล่มนี้ติดกายมาก่อน เมื่อค้นในกล่องเครื่องแป้งของนางก็พบวัสดุแต่ละชนิดที่มักจะใช้ในชีวิตประจำวัน หน้ากากหนังมนุษย์รูปแบบต่างๆ บางอันก็เต็มหน้า บางอันก็มีเฉพาะส่วน และสิ่งที่ทำให้เขาทั้งขบขำทั้งตกใจก็คือหน้ากากผีเสื้อที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณหนูสุราก็หาพบเช่นกัน ค้นเจอในกองเครื่องประดับกองใหญ่ ครั้งนี้นางคงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แล้วกระมัง!
แต่ว่า กล่องเล็กๆ ที่ถูกเก็บไว้อย่างดี ทั้งภายในยังมีเพียงใบไม้สีเหลืองกลับทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยจมดิ่งในความคิด นั่นเป็นตอนที่อยู่เขาหลู เขาเป่าขลุ่ยแต่นางกลับเด็ดใบไม้ใบหนึ่งมาเป่าสอดประสานกับเขา เขาฟังออกถึงความโดดเดี่ยว ความเจ็บปวด ความสุข และความร่าเริงของนางจากเสียงของใบไม้นั้น คล้ายกับว่าก็เป็นยามนี้ที่ตัวเองจึงได้ชื่นชอบคุณหนูสุราอย่างลึกซึ้งขึ้นมา ทั้งเพราะครั้งนั้น เขาก็ใช้เสียงขลุ่ยแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมา และนางในยามนั้นก็พูดว่า ใบไม้ใบนั้นนางจะเก็บไว้ตลอดไป นางไม่ได้ผิดคำพูดจริงๆ
ซั่งกวนเจวี๋ยรีบเก็บของทั้งหมดไว้ในตำแหน่งเดิมอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกว่าเขาควรจะโมโห ควรจะโกรธเคือง ถูกภรรยาที่ร่วมเตียงเคียงหมอนของตัวเองหลอกมานานถึงขนาดนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ยอมบอกความจริงตัวเอง กลับยังแต่งเป็น ‘คุณหนูสุรา’ มาบอกชอบเขาอีก หากเขาเป็นคนที่โลเล ก็คงบอกชอบคุณหนูสุรากลับเช่นกัน เช่นนั้นนางก็ย่อมจะเกิดโทสะแล้วจัดการกับตัวเองเป็นแน่ แต่ว่า…ซั่งกวนเจวี๋ยมองใบหน้าของตัวเองในกระจกทองแดง รอยยิ้มที่ข่มกลั้นไม่อยู่ มุมปากที่ยกยิ้มอย่างไร้ทางที่จะควบคุม ทั้งความกระปรี้กระเปร่าที่พลุ่งพล่านไปทั่วร่าง…เอาเถิด อย่างไรเขาก็ยอมรับความจริงแต่โดยดีเสียดีกว่า ความจริงที่ว่าตัวเองดีใจและมีความสุขเป็นอย่างมาก!
หากกล่าวว่าไม่เคยจิตใจหวั่นไหวในยามที่เผชิญหน้ากับคุณหนูสุราเลย นั่นย่อมเป็นเรื่องโกหก! เพียงแต่มี่เอ๋อร์ได้ครองตำแหน่งที่สำคัญในใจของตัวเองมากกว่าคุณหนูสุราไปแล้ว เขาไม่อาจยอมให้ใครสร้างเรื่องอันใดทำร้ายมี่เอ๋อร์ได้ คุณหนูสุราและตัวเองก็ไม่เว้นเช่นกัน เพราะความหวั่นไหวชั่วครู่ก็สามารถทำร้ายคนที่รักและชมชอบตัวเองด้วยใจจริงได้เช่นกัน หัวใจของคนไม่อาจจะทำร้ายได้ เพราะรอยแผลนั้นจะคงอยู่ตลอดไป อีกทั้งคนเราก็มีนิสัยอีกด้านหนึ่งที่ไม่ดี หากครั้งแรกเกิดขึ้นแล้วย่อมเป็นไปได้ว่าจะมีครั้งที่สอง จากนั้นก็จะกลายเป็นความเคยชิน หากไม่คิดที่จะทำร้ายคนซ้ำแล้วซ้ำแล้วพึงอย่าได้ทำร้ายตั้งแต่แรก แต่ว่า ยามที่คุณหนูสุราอยู่ลี่หูชุนดูคล้ายกับจะเสียใจเป็นอย่างมาก (ในยามนี้ซั่งกวนเจวี๋ยมั่นใจแปดถึงเก้าส่วน นางต้องแสร้งแสดงความเสียใจออกมาเป็นแน่) ในยามที่จากไป ในใจของเขาไหนเลยจะไม่มีความรู้สึกโศกเศร้า หลังจากวันนั้นที่ถูกโม่เซียงทำให้ตื่น พบว่าแผ่นหลังที่เพรียวบางนั้นหายไป เขาจะไม่มีความผิดหวังเลยได้อย่างไรกัน เพียงแต่ความโศกเศร้าและผิดหวังนั้นล้วนไม่อาจเทียบกับตำแหน่งของมี่เอ๋อร์ที่อยู่ในใจของตัวเองได้ก็เท่านั้น
มี่เอ๋อร์ก็มีความทุกข์เช่นกัน! อวี๋ฮวนเป็นแม่บุญธรรมของนาง ทั้งยังเป็นอาจารย์ของนาง นางนั้นไร้ทางที่จะเพิกเฉยต่อคนสำคัญ หวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็เป็นแม่สามีของนาง ทั้งยังเป็นคนที่สนิทสนมกับนางในตระกูลซั่งกวน หากหวงฝู่เยวี่ยเอ้อรู้ถึงเรื่องนี้ นิสัยของนางเช่นนั้น หากไม่อาละวาดจนรู้กันไปทั่วก็ย่อมแปลก!
พวกซั่งกวนฮ่าวเมื่อทราบ ก็อาจจะยืนอยู่ข้างมี่เอ๋อร์ แต่พวกฮูหยินเหล่านั้นเล่า? พวกนางทุกคนอาจจะอยากบีบคอมี่เอ๋อร์ให้ตายไปเสีย มี่เอ๋อร์ที่น่าสงสารจึงทำได้เพียงเก็บความลับเอาไว้ในใจ
นี่เป็นเรื่องของบุญคุญและความแค้นในอดีต แล้วตอนนี้เล่า? ครั้งแรกคนห้าคนที่รู้จักนางต่างก็มีใจชมชอบนางทุกคน หากมี่เอ๋อร์พูดเรื่องนี้ออกมา จะเผชิญหน้ากับพวกเขาอย่างไร? โดยเฉพาะชุยฮ่าวหรันที่เป็นสามีของหลิงหลง หวงฝู่หลินจี้ที่เป็นลูกผู้น้องของตัวเอง ปั๋วอวี่ผู้ที่ลุ่มหลงนางที่สุดก็เคยเป็นคนที่จิงอิ๋งชอบ หากคนพวกนั้นทราบถึงฐานะของนาง ก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
และยามนี้ มี่เอ๋อร์ย่อมทนปิดบังตัวเองไม่ไหว ดังนั้นจึงจงใจปรากฏตัวต่อหน้าเขา อยากให้ตัวเองจำนางได้กระมัง! ซั่งกวนเจวี๋ยนึกถึงวันนั้นที่ ‘คุณหนูสุรา’ จู่ๆ ก็โมโหขึ้นมา มี่เอ๋อร์ทำเช่นนี้ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน หากตัวเองจำนางได้ขึ้นมาจริงๆ แต่กลับไม่ยอมรับความจริงนี้ ท้ายที่สุดแล้วคนที่จะเจ็บปวดที่สุดนั้นยังคงเป็นนาง
ดังนั้น เมื่อซั่งกวนเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างละเอียด จึงไมนึกเกลียดชังที่มี่เอ๋อร์ปิดบังความจริงแม้แต่น้อย…แน่นอนว่าย่อมมีความเจ็บช้ำน้ำใจ แต่ที่มีมากกว่านั้นก็ยังคงเป็นความดีใจและมีความสุข ทว่า ซั่งกวนเจวี๋ยยังรู้สึกว่าต้องให้บทเรียนหนึ่งแก่มี่เอ๋อร์ ให้นางรู้ว่าไม่อาจเล่นกับไฟตามใจได้ อย่าได้คิดว่าไม่ว่าจะเรื่องอันใดเขาก็ล้วนอดทนยอมรับได้หมด ยิ่งไปกว่านั้นจะยืมโอกาสนี้ แสดงบทบาทที่แท้จริงของสามี ไม่อย่างนั้น…เมื่อคิดได้ว่ามี่เอ๋อร์ที่ฉลาดเป็นกรดและคุณหนูสุราที่ใจกล้าไม่กลัวสิ่งใดคือคนเดียวกัน ซั่งกวนเจวี๋ยก็รู้สึกมีความสุข แต่ในขณะเดียวกันก็กังวลชีวิตให้หลังของตัวเองเช่นกัน เพียงแต่จะทำให้มี่เอ๋อร์ได้รับบทเรียนอย่างไรดี?
ตีก้นอย่างดุดันให้นางได้รับความเจ็บปวด จากนั้นก็ยอมรับผิดแต่โดยดี หรือว่าทำให้นางลุกจากเตียงไม่ได้ติดต่อกันหลายๆ วัน เพื่อให้นางเชื่อฟังแต่โดยดี? ซั่งกวนเจวี๋ยตรึกไตร่อย่างละเอียด อย่างไรก็ตาม ไม่อาจให้นางควบคุมตนจนอยู่หมัดได้ก็เพียงพอแล้ว
———————–
เจวี๋ยจับสังเกตอะไรได้หรือไม่? มี่เอ๋อร์ฟังคำพูดที่กล่าวซ้ำไปซ้ำมาของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ ทว่าในหัวกลับทำงานอย่างรวดเร็ว นึกถึงช่วงสองวันนี้ว่าซั่งกวนเจวี๋ยมีพฤติกรรมอันใดแปลกๆ ไปหรือไม่ ดูเหมือนจะไม่มี นางจำได้อย่างชัดเจน หลังกลับมาจากอารามสัตตบุษย์ในวันนั้นจนถึงวันนี้ ท่าทีและการกระทำของเขาก็ยังไม่มีที่ใดผิดปกติ กระทั่งเวลาทำงานและพักผ่อนก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ไม่เหมือนกับค้นพบอะไรเลย!
นึกมาถึงตรงนี้ มี่เอ๋อร์ก็เกิดโทสะขึ้นมา…นางแต่งให้เขามาสองปีแล้ว ทุกวันก็อยู่ด้วยกัน เหตุใดกระทั่งยามที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจปลอมตัว เขาก็ยังดูไม่ออก? ยามที่อยู่ลี่หูชุนยังพอพูดได้ เวลานั้นตัวเองยืดไหล่ให้สูงขึ้น ทั้งจงใจให้ส่วนสูงของตัวเองดูสูงขึ้นมาเล็กน้อย อีกทั้งพวกเขาสองคนก็ไม่ได้สนิทสนมกันเหมือนเช่นตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นตัวเองก็พยายามระมัดระวังไม่ให้ใกล้ชิดกับเขามากเกินไป แต่วันนั้นกลับไม่เหมือนกัน! นอกจากใบหน้า น้ำเสียงและกลิ่นหอมบนร่าง นางก็ไม่ได้จงใจปกปิดอันใดอีก เหตุใดเขาจึงมองไม่ออกว่าเป็นตัวเอง? หากเปลี่ยนเป็นนาง แค่เพียงแผ่นหลังก็สามารถจำเขาได้แล้ว!
หรือต้องแปลงกายอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ดูว่าเขาจำตัวเองได้หรือไม่? หากยังจำไม่ได้อีก ก็ถอดหน้ากากต่อหน้าเขา ฉีกหน้าเขาไปเลย จากนั้นทำเป็นโมโหไม่สนใจเขาเสีย? เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้สึกขัดแย้งในใจอยู่บ้าง
“มี่เอ๋อร์ เจ้าฟังอยู่หรือไม่?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อพบว่าตัวเองพูดพร่ำอยู่ค่อนวัน มี่เอ๋อร์กลับทำเหมือนใจลอยอยู่ด้านนอกเสียอย่างนั้น อดโมโหไม่ได้อยู่บ้าง นางไม่ได้พูดเพียงเพราะว่าเป็นความคิดเล็กคิดน้อยของตัวเอง จึงไม่อยากจะเห็นอวี๋ฮวน ผู้ที่มีผลกระทบต่อซั่งกวนฮ่าวนั้นปรากฏในตระกูลซั่งกวนอีกแล้ว แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่อยากเห็นชีวิตที่มีความสุขของลูกชายและมี่เอ๋อร์ มีผู้หญิงอีกคนเข้ามาแทรกแซง…นางไม่ได้คัดค้านเรื่องที่ลูกชายจะรับอนุหรืออย่างไร แต่นางไม่อยากเห็นข้างกายของลูกชายมีหญิงสาวอีกคนที่มีตำแหน่งไม่เป็นรองจากมี่เอ๋อร์มาปรากฏตัว รับอนุภรรยายังพูดได้ว่าเป็นการแตกกิ่งก้านของตระกูลซั่งกวน สืบทอดลูกหลานให้รุ่งเรืองเฟื่องฟูยิ่งขึ้นไป แต่หากเป็นคนที่เขาชอบก็ไม่เหมือนกันแล้ว ทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็ไม่ใช่เพราะว่าถูกป้าผู้นั้นของตนแก่งแย่งชิงดีจึงใช้ชีวิตได้อย่างยากลำบากมาทั้งชีวิตหรอกหรือ? มี่เอ๋อร์ไม่อาจจะซ้ำรอยเดิมได้!
“ข้ากำลังฟังอยู่” มี่เอ๋อร์รีบดึงสติกลับมา กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าว่าท่านแม่กังวลเกินไป ช่วงนี้เจวี๋ยไม่มีเวลาหรือโอกาสไปพบหญิงสาวที่มีที่มาไม่ชัดเจนอะไรทั้งนั้น หากเขาไม่ยุ่งอยู่นอกจวน ก็จะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนข้าและเสี่ยวหมิงเอ๋อร์ ท่านก็รู้ว่าเจ้าตัวเล็กจอมซนนั้นติดเขาขนาดไหน เห็นเขาก็ไม่เอาใครทั้งนั้น แม้กระทั่งข้าก็ยังถูกเขาเกลียด”
“แต่ว่า…” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อยังคงรู้สึกว่าผิดปกติเป็นอย่างมาก ซั่งกวนเจวี๋ยไม่อาจพูดถึงเรื่องอวี๋ฮวนกับตัวเองอย่างไร้เหตุผลได้หรอก ต้องมีเรื่องปิดบังอย่างแน่นอน!
“ท่านแม่ ท่านก็อย่าได้กังวลเลยเจ้าค่ะ สามีเป็นลูกของท่าน ท่านย่อมต้องเข้าใจเขามากที่สุด” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พยายามปลอบใจหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ กล่าวด้วยยิ้มสดใส “เขาไม่ได้มีความคิดจะรับภรรยาหลายคนหรอก ไม่อย่างนั้นยามที่ข้าตั้งท้องหมิงเอ๋อร์ เขาก็คงรับอนุอย่างตรงๆ ไปแล้ว หรือแม้จะไม่รับอนุ ก็เป็นไปได้ที่จะรับเมียบ่าวสักคนสองคน อู๋เลี่ยนเยี่ยนเป็นเมียบ่าวมานานถึงเพียงนี้ ในยามที่ข้าตั้งท้อง นางยังเอาแต่ลอยหน้าลอยตาอยู่เบื้องหนาเขา แต่ก็ไม่เห็นว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอะไร”
“นั่นเป็นเพราะว่าคนพวกนั้นล้วนไม่เข้าตาเขา!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเข้าใจลูกชายมากเกินไปจึงได้มีความกังวลเช่นนี้ ในยามที่ตนเองตั้งท้องเจวี๋ย ซั่งกวนฮ่าวก็เหมือนกัน ไม่รับอนุภรรยา แต่เมื่อฮูหยินใหญ่กล้าส่งเมียบ่าวมาให้ เขาก็กล้ารับมาแล้วทิ้งๆ ขว้างๆ ตั้งแต่อนุภรรยาหนิงจวบจนอนุภรรยาหวัง ล้วนไม่ใช่คนที่ถูกใจเขา แต่นางมั่นใจ หากอวี๋ฮวนแสดงท่าทีดีๆ กับเขา เขาก็ย่อมไปเอาอกเอาใจอยู่เบื้องหน้าผู้หญิงคนนั้นด้วยความยินดี แต่งกลับมาคงเป็นไปไม่ได้ เขาไม่อาจให้อวี๋ฮวนได้รับความไม่เป็นธรรม ทั้งไม่กล้าทำให้อวี๋ฮวนเจ็บช้ำน้ำใจเช่นกัน และก็ไม่อาจทิ้งตัวนางเองไว้ข้างหลัง ดังนั้นทั้งสองคนจึงทำได้เพียงเป็นสหายรู้ใจเท่านั้น แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ตัวเองก็ไม่อาจจะยอมรับได้! หากลูกศิษย์ของผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเหมือนกัน เจวี๋ยเอ๋อร์ย่อมหวั่นไหว และภายหลังไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็เอาแต่สนใจผู้หญิงคนอื่นหรือไม่? หวงฝู่เยวี่ยเอ้อคาดเดาไม่ได้จริงๆ!
“ท่านหมายความว่าเขาอาจจะรับผู้หญิงคนนั้นเป็นภรรยารอง?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ถามด้วย ‘หน้าถอดสี’
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อสั่นศีรษะ “หากเขากล้าทำเช่นนั้นข้าจะเอากับเขาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง อย่างไรเขาก็มีความเกรงกลัวอยู่บ้าง!”
“เช่นนั้นท่านยังกังวลอะไรอยู่?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองนาง
“ข้ากังวลว่าผู้หญิงคนนั้นจะติดตามเขาอย่างไม่สนใจฐานะอันใด จากนั้นเขาก็จะเลี้ยงดูผู้หญิงคนนั้นให้เป็นภรรยานอกสมรส!” สิ่งที่หวงฝู่เยวี่ยเอ้อกังวลที่สุดก็คือจุดนี้ ภรรยารองไม่น่ากลัว บรรดาผู้อาวุโสของตระกูลซั่งกวนย่อมไม่อาจปล่อยให้มีโอกาสแต่งตั้งภรรยารอง ยิ่งไม่อาจทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้รับความไม่เป็นธรรมอันใด แต่ภรรยานอกสมรสก็ไม่เหมือนกัน นางแทบจะสามารถให้กำเนิดลูกกับเจวี๋ยเอ๋อร์ได้เช่นกัน ทั้งยังสามารถเหนี่ยวรั้งไม่ให้เจวี๋ยเอ๋อร์กลับบ้าน…
หากเป็นเช่นนั้นมี่เอ๋อร์จะแตกต่างจากการเป็นหม้ายตรงไหน!
ภรรยานอกสมรส? เยี่ยนมี่เอ๋อร์กลับไม่เคยนึกถึงเรื่องเช่นนี้มาก่อน แต่ว่า…จู่ๆ นางก็ลอบยิ้มอย่างแปลกประหลาดในใจ ฟังดูแล้วน่าสนุกไม่ใช่น้อยเลย!