“คุณหนูจะกล่าวลา?” ใบหน้าของซั่งกวนเจวี๋ยเต็มไปด้วยความตกตะลึงและยากที่จะเชื่อ เขาคาดไม่ถึงว่าคุณหนูสุราตัวปลอมผู้นี้จะจากไปทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไร จากนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องที่มี่เอ๋อร์พูดขึ้นมา เป้าหมายของคนผู้นี้ดูเหมือนไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นคนอื่น เช่นนั้นคนอื่นที่ว่าคือใครกัน? หรือว่า…จู่ๆ เขาก็นึกถึงมู่หรงปั๋วอวี่ที่พำนักอยู่ที่เรือนใต้ หรือเป้าหมายของนางจะเป็นมู่หรงปั๋วอวี่มาโดยตลอด?
หลังจากรู้ว่าคุณหนูสุรากลับไปที่เรือนพำนักของตระกูลซั่งกวนในไหลหยางอีกครั้ง มู่หรงปั๋วอวี่ก็ทั้งโกรธและดีใจในเวลาเดียวกัน โกรธก็เพราะการย้อนกลับไปของคุณหนูสุราแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอยากจะสลัดตัวเองให้พ้น ส่วนที่ดีใจก็คือแม้ว่าตัวเองจะหลงกล แต่ก็ได้แสดงละคร ‘เฝ้าตอรอกระต่าย[1]’ ออกมา จึงไม่ได้คลาดจากคุณหนูสุราเพราะเหตุนี้ ท่าทีของเขาที่มีต่อคุณหนูสุรานับว่าสงวนท่าทีไปไม่น้อย สองวันนี้กลับไม่ได้ตอแยจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้เว้นระยะห่างมากไปเช่นกัน
“ข้าไม่ควรมาหาเจ้าอีกครั้งเลย สร้างความเข้าใจผิดให้ฮูหยิน ทั้งกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเจ้าสองสามีภรรยา ข้ารู้สึกผิดจริงๆ ยามนี้หากจะแก้ไขความผิดครั้งนี้ก็นับว่ายังไม่สาย!” คุณหนูสุรากล่าวด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด คำพูดของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ทำให้ใจนางสั่นคลอน คำพูดจากใจของอู๋เลี่ยนเยี่ยนก็ทำให้นางยิ่งคิดเพ้อฝัน ครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางก็ตัดสินใจจะเป็นฝ่ายหยั่งเชิงความต้องการของซั่งกวนเจวี๋ย หากเขาพยายามเหนี่ยวรั้งตัวเอง และยินดีที่จะรับตัวเองเข้าตระกูลในฐานะภรรยา เช่นนั้นนางก็จะแต่งให้กับซั่งกวนเจวี๋ยโดยไม่สนใจอันใด ส่วนเรื่องอื่นๆ รอจนนางแต่งเข้าตระกูลแล้วค่อยพูดก็ยังไม่สาย
“เข้าใจผิดอันใด? หรือภรรยาไปพูดอะไรไม่เข้าหูคุณหนู?” ซั่งกวนเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงก็แฝงด้วยความไม่พอใจ เขากระจ่างใจดีว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์คุยอะไรกับนาง มี่เอ๋อร์เล่าให้ซั่งกวนเจวี๋ยฟังทุกคำพูดที่นางคุยกับหวงฝู่เยวี่ยเอ้อรวมทั้งผู้หญิงคนตรงหน้าอย่างไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว จุดประสงค์ก็เพื่อสร้างความชัดเจนกับฐานะของหญิงสาวคนนี้ จากนั้นก็จะจัดการกับนางดีๆ ให้นางรู้ซึ้งถึงโทษร้ายแรงที่สวมรอยคนอื่น
“ฮูหยินของเจ้าจิตใจดีถึงเพียงนั้น จะพูดไม่เข้าหูข้าได้อย่างไร?” คุณหนูสุราส่ายศีรษะปฏิเสธ กล่าวยิ้มๆ “เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดฮูหยินของเจ้าจึงคิดว่าเจ้ามีความรู้สึกดีต่อข้า คาดไม่ถึงว่าจะให้ข้าครุ่นคิดเรื่องแต่งเข้าตระกูลซั่งกวน…” นางส่ายหน้าด้วยยิ้มขมขื่นอย่างจนใจ “ฮูหยินของเจ้าคงจะไม่รู้เรื่องในอดีตที่ข้าเคยถูกคนปฏิเสธอย่างไม่เกรงใจเป็นแน่!”
ซั่งกวนเจวี๋ยเวลานี้ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นออกมา “ครั้งแรกที่ปฏิเสธคุณหนูที่ลี่หูชุนก็เพราะว่าคิดเผื่อคุณหนู เจวี๋ยก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง จะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร เพียงแต่เจวี๋ยไม่อยากทั้งไม่ยินดีที่จะให้คุณหนูได้รับความไม่เป็นธรรม…”
ก็หมายความว่าเริ่มแรกที่เขากล่าวปฏิเสธออกมาที่ลี่หูชุนนั้นเป็นการฝืนใจพูดอย่างนั้นหรือ? คุณหนูสุราคิดอยู่ในหัว อะไรคือการไม่อยากให้ได้รับความไม่เป็นธรรม? เช่นนั้นอย่างไรจึงจะนับว่าได้รับความเป็นธรรม?
“ได้รับความไม่เป็นธรรม?” น้ำเสียงของคุณหนูสุราซึมลงอยู่บ้าง ถอนหายใจ “ข้าคิดมาตลอดว่าหากตัวเองสามารถอยู่กับคนที่ชอบด้วยกันได้ย่อมต้องมีความสุขเป็นแน่ อย่างอื่นก็ล้วนไม่นับว่าเป็นสิ่งใด ดังนั้นจึงพูดคำพวกนั้นออกไปอย่างไม่ยั้งคิด คาดไม่ถึงว่าจะถูกเจ้าปฏิเสธอย่างไม่ลังเล…สองปีนี้ข้าล้วนแต่เฝ้าคิดกับตัวเอง เป็นเพราะข้าไม่เป็นที่ชื่นชอบของใคร จึงได้ถูกขับไสไล่ส่งถึงเพียงนั้น…”
“สำหรับเจวี๋ยแล้ว ไม่สามารถรับหญิงงามในฐานะภรรยาได้ก็เป็นความรู้สึกผิดมากแล้ว แล้วจะแต่งคุณหนูให้เป็นอนุภรรยาได้อย่างไร?” ซั่งกวนเจวี๋ยกล่าวอย่างจริงใจ “คุณหนูสุราคู่ควรกับสิ่งที่ดีงามที่สุดในใต้หล้าแห่งนี้!”
มี่เอ๋อร์ของเขาจึงจะนับว่าเป็นคุณหนูสุราตัวจริง ย่อมคู่ควรที่จะมีสิ่งที่ดีที่สุดทั้งหมด! ในยามที่ซั่งกวนเจวี๋ยพูดประโยคนี้ก็มองผ่านหญิงสาวตัวปลอมตรงหน้าเป็นภรรยาของตัวเองแทน
แต่คุณหนูสุราไหนเลยจะรู้ว่าเรื่องที่ตัวเองสวมรอยจะถูกซั่งกวนเจวี๋ยจับได้ตั้งแต่ยามที่เพิ่งพบหน้าแล้ว แม้ว่าจะอิจฉาคุณหนูสุราที่ไม่เคยพบหน้าผู้นั้นอยู่บ้าง แต่ก็รู้สึกซาบซึ้งกับฐานะของนางที่สามารถทำให้ตัวเองไม่ต้องเสียแรงมากไปกับการแต่งเข้าตระกูลใหญ่ ทั้งยังอาจสามารถแต่งในฐานะภรรยาของคุณชายตระกูลใหญ่ด้วย นี่นับเป็นเกียรติยศที่ไม่กล้าคาดฝันเชียว!
“ความหมายของเจ้าคือ…” คุณหนูสุรากระวนกระวายอยู่ในใจ แววตาแฝงไปด้วยความคาดหวังที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่ทันสังเกต มองซั่งกวนเจวี๋ยอย่างใจจดใจจ่อ อยากจะได้ยินคำตอบที่ทำให้นางตื่นเต้นจากปากของเขา
“เจวี๋ยยินดีที่จะรับคุณหนูสุราในฐานะภรรยา” ซั่งกวนเจวี๋ยให้คำมั่นสัญญาโดยไม่ติดขัดอันใด คุณหนูสุราตัวจริงก็คือภรรยาของเขา ประโยคนี้ก็สมเหตุสมผลอยู่แล้ว
“ข้า…” ในใจของคุณหนูสุรานั้นกระสับกระส่าย แม้จะคาดหวังให้เกิดเรื่องเช่นนี้มาโดยตลอด แต่ในยามที่ได้ยินคำมั่นสัญญาที่ไพเราะกว่าเสียงสวรรค์นี้ นางก็ยังคงอดเผยสีหน้าปลาบปลื้มใจออกมาไม่ได้ ตำแหน่งภรรยา นั่นเป็นตำแหน่งที่แตกต่างจากอนุราวฟ้ากับเหว หากตัวเองกลายเป็นภรรยารองของซั่งกวนเจวี๋ย ไม่ ไม่สิ แม้ว่าจะอยู่ในฐานะเช่อชี[2] เสพสมความสุขสบายชั่วชีวิตก็ล้วนเป็นเรื่องเล็ก แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ แม้ว่าฐานะจอมปลอมของตัวเองจะถูกเปิดเผย พวกเขาอาจจะโมโหจนทำให้อนุภรรยาคนหนึ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้ แต่ย่อมไม่อาจลงมือกับตัวเองที่อยู่ในฐานะภรรยาอย่างเป็นทางการได้ นับว่ายิ่งทำให้ตัวเองมีหลักประกันในอนาคต
“หรือคุณหนูรู้สึกว่าเจวี๋ยกำลังคิดเหลวไหลอย่างนั้นหรือ?” ซั่งกวนเจวี๋ยเก็บท่าทีที่นางแสดงบนใบหน้าไว้ในดวงตา แม้ในใจจะรู้สึกขยะแขยง ทั้งปรารถนาจะฉีกหน้ากากจอมปลอมของนางออกมาทั้งเดี๋ยวนั้น ถีบนางให้กระเด็นออกไป แต่ยามนี้ก็ยังไม่ถึงเวลา น้ำเสียงของเขามีความรู้สึกเสียใจอยู่เลือนราง ใบหน้าก็แฝงความหดหู่เล็กน้อย
“ย่อมไม่ใช่ เพียงแค่ตกใจมากเท่านั้น ตั้งสติไม่ทันอยู่บ้าง” คุณหนูสุรารู้สึกว่าตัวเองอยากจะลอยขึ้นมา ใบหน้านั้นก็อดเผยความลำพองใจขึ้นมาไม่ได้ ทั่วร่างล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและดีใจ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเองคิดมาโดยตลอดว่าตัวเองนั้นรักข้างเดียว คาดไม่ถึงว่าข้าและเจ้าจะใจตรงกัน รู้สึกไม่คาดฝันทั้งดีใจมาก…”
“หากคุณหนูเห็นด้วย ข้าจะปรึกษาเรื่องนี้กับพ่อแม่และภรรยาดีๆ ย่อมไม่อาจให้คุณหนูสุราได้รับความไม่เป็นธรรม” ซั่งกวนเจวี๋ยอยากจะพูดคุยกับบิดาเป็นอย่างมาก ไม่อาจจะให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองนอกใจ หากเป็นเช่นนั้นยังไม่รู้ว่าเขาจะโยนโทษอะไรมาให้ตัวเองอีก
“พ่อแม่ของเจ้าและภรรยาคงไม่…” คุณหนูสุราแสร้งกล่าวอย่างกังวลใจ “ข้าไม่อยากจะทำร้ายผู้ใดเพราะความอดใจไม่ได้ของตัวเอง พ่อแม่ของเจ้ายังพอพูดได้ อาจจะยอมรับตัวตนของข้าง่ายกว่า แต่ฮูหยินของเจ้าเล่า? นางล้วนแสดงความปรารถนาดีต่อข้าแล้ว แต่ข้าเพิ่งจะปฏิเสธความปรารถนาดีของนางไป ก็มายอมรับกับเจ้าเพราะซาบซึ้งใจในทันที นางจะคิดอันใดหรือไม่?”
นางคิดจะพูดให้ร้ายมี่เอ๋อร์อย่างนั้นหรือ? ฝีมือธรรมดา เทียบกับมี่เอ๋อร์ก็ยังห่างชั้นมาก! ซั่งกวนเจวี๋ยนึกถึงความเก่งกาจของมี่เอ๋อร์ ก็อดเผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมาไม่ได้ “เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่นางจะตัดสินใจได้หรอก! คุณหนูสุราอย่าได้คิดว่าภรรยาเป็นฝ่ายรบเร้าเจ้าเพราะใจกว้างมีคุณธรรม นางคิดจะฉวยโอกาสยามที่พวกเราไม่ได้คุยกัน รับเจ้าเป็นอนุภรรยาเสียก่อน หากเป็นเช่นนั้น ตำแหน่งของเจ้าก็ไม่อาจจะข้ามผ่านนางได้ทั้งชั่วชีวิต”
ข้ารู้ ดังนั้นข้าจึงจงใจให้เจ้ารู้! แม้ก่อนหน้านี้คุณหนูสุราจะไม่เข้าใจ แต่หลังจากถูกอู๋เลี่ยนเยี่ยนตักเตือนจึงกระจ่างใจขึ้นมา นางจงใจพูดเช่นนี้ จุดประสงค์ก็เพียงเพื่อบอกให้ซั่งกวนเจวี๋ยรู้ว่าภรรยาของเจ้าคนนั้นมีเจตนาไม่ดีกับข้าเท่านั้น!
“แต่ว่า ก่อนที่จะจัดการเรื่องพวกนี้จำเป็นต้องเชิญปั๋วอวี่ออกไปก่อน” ใบหน้าของซั่งกวนเจวี๋ยเผยความหึงหวงและไม่พอใจ น้ำเสียงก็แข็งทื่ออยู่บ้าง “ความรู้สึกที่ปั๋วอวี่มีต่อคุณหนูพูดได้ว่าเป็นที่รู้กันไปทั่ว หากเขารู้ความคิดของข้าและคุณหนู ย่อมจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางและทำลายเป็นแน่ ท่านพ่อและอาจารย์ของเจ้ามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ย่อมมีความรู้สึกดีที่ไม่ธรรมดาต่อคุณหนูเช่นกัน แต่ก็เพราะว่าเหตุนี้ ท่านแม่คงพยายามคัดค้านเรื่องนี้อย่างสุดกำลัง หากปั๋วอวี่ทำเรื่องที่คาดไม่ถึงออกมาอีก ย่อมทำให้เรื่องยุ่งยากมากขึ้นเป็นแน่!”
มู่หรงปั๋วอวี่จับสังเกตคุณหนูสุราตัวปลอมที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ไม่ออกแม้แต่น้อย ทั้งยังแสดงความชื่นชมอย่างไม่ลืมหูลืมตาเช่นเดิม หากให้เขาเอาแต่รั้งตัวอยู่ที่ตระกูลซั่งกวนไม่ไปไหน ก็เป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับหญิงสาวคนนี้ตรงๆ ทั้งยากที่จะทำให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อได้ระบายโทสะด้วย แต่หากจะให้เขาไล่แขก ก็ใช่ว่าจะสำเร็จง่ายๆ อยากจะให้มู่หรงปั๋วอวี่จากไปเงียบๆ อย่างราบรื่น ก็จำต้องยืมมือหญิงสาวตรงหน้าคนนี้เท่านั้น
“เขาช่าง…” คุณหนูสุราแสร้งถอนหายใจทั้งสั่นศีรษะ สามารถแต่งให้กับซั่งกวนเจวี๋ยในฐานะภรรยาได้ นางจะยังคิดแต่งเป็นอนุให้มู่หรงปั๋วอวี่อีกได้อย่างไร? แต่งเข้าตระกูลมู่หรงก็ยังต้องถูกคนอื่นควบคุมทั้งชีวิต เพียงแค่ทำตรงไหนพลาดไป ก็ล้วนไม่รู้ว่าจะตายอย่างไรแล้ว!
“พรุ่งนี้ข้าจะไปพูดคุยดีๆ กับปั๋วอวี่ หวังว่าเขาจะสามารถเข้าใจและยอมถอย!” ซั่งกวนเจวี๋ยกล่าวทั้งฝืนยิ้ม “แม้ว่าข้าจะไม่มีความมั่นใจนัก แต่ก็ต้องลองดูสักครั้ง!”
“อย่างไรให้ข้าไปพูดคุยกับเขาดีกว่า!” คุณหนูสุราคิดว่าตัวเองไปพูดเหมือนจะดีกว่า นางสามารถเหลือทางเลือกเล็กน้อยให้กับตัวเองได้ หากอยู่กับซั่งกวนเจวี๋ยที่นี่ไม่ได้อะไรดีขึ้นมา ก็สามารถเหลือทางถอยให้กับตัวเอง ไม่อาจจะวางไข่ไก่ไว้ในตะกร้าใบเดียว[3]ได้
“นั่นก็ดี!” ซั่งกวนเจวี๋ยน้อมรับความช่วยเหลือที่คุณหนูสุรามอบให้ด้วยความยินดี พยักหน้าทันที แต่ก็กล่าวอย่างขมขื่นโดยพลัน “แต่ข้ากังวลว่าคุณหนูสุราจะพูดจาไม่เด็ดขาดกับเขา ก่อนหน้านี้คุณหนูพูดถึงขนาดนั้นแล้ว เขาก็ยังคงดื้อดึงไม่ฟัง คาดว่าหากไม่โจมตีใส่เขาแรงๆ เขาก็คงไม่ยอมจากไปอย่างหมดหวังหรอก”
ก่อนหน้านี้ ‘คุณหนูสุรา’ ได้ปฏิเสธและโจมตีมู่หรงปั๋วอวี่อย่างรุนแรงแล้วหรือ? คุณหนูสุราคาดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเช่นนี้ แค่นึกถึงมู่หรงปั๋วอวี่ที่ไม่ได้กระตือรือร้นอย่างที่จินตนาการไว้ขนาดนั้น ก็รู้สึกเข้าใจขึ้นมา หรือตัวเองทำได้เพียงเดินหมากอย่างโหดร้ายทำให้เขาหมดหวังเท่านั้น? ไม่อาจจะเหลือทางถอยและทางเลือกอื่นให้ตัวเองได้แล้ว?
“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ เหตุใดเขาจึงได้…” คุณหนูสุราไม่เข้าใจคุณชายพวกนี้แม้แต่น้อย มีคนมากมายที่เต็มใจจะเป็นภรรยาให้ถึงเพียงนั้น พวกเขากลับมีความรู้สึกให้กับหญิงสาวที่ไม่เคยมีสีหน้าที่ดีให้กับพวกเขาเลย แต่ก็ประจวบเหมาะที่คุณชายเหล่านี้คล้ายกับถูกลาถีบสมอง [4] จึงสามารถทำให้ความปรารถนาของนางสำเร็จผล
“ปั๋วอวี่คิดว่ามีเพียงตัวเองเท่านั้นที่สามารถมอบความสุขให้คุณหนูได้ คนอื่นๆ ล้วนไม่ได้!” แววตาของคุณหนูสุราทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยรู้ทันทีว่าหญิงสาวคนนี้กำลังคิดว่าทำอย่างไรจึงจะเหยียบเรือสองแคมได้ เขาก็ไม่พูดเปิดเผยออกมาแต่อย่างใด ทำเพียงกล่าวเตือนเท่านั้น “แต่เขากลับลืมไป เขาเป็นคนที่มีคู่หมั้นแล้ว กำหนดงานแต่งของเขาและคุณหนูฉีจะมีในเดือนสิบเอ็ดปีหน้า เขากลับปฏิบัติตัวอย่างไม่สนใจอะไรได้ แต่ไม่คิดบ้างว่าคุณหนูจะต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากถึงเพียงไหน เขาไม่กังวลเลยหรือว่าเขาอาจจะพาเรื่องร้ายๆ ที่ไม่คาดฝันมาสู่คุณหนูเพราะการดึงดันของตัวเอง?”
ใช่แล้ว! ตัวเองไม่ได้มีเวลาที่จะทนกับเขามากถึงเพียงนั้น! คุณหนูสุราสมองแล่นวาบ ดูท่าตัวเองคงต้องตัดสินใจเลือกแล้ว! คิดถึงฐานะภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ย ทั้งนึกถึงการเลือกมู่หรงปั๋วอวี่ที่อาจจะเกิดปัญหาตามมา ตัวเลือกนี้ก็ง่ายขึ้นมาแล้ว!
———————————
[1] เฝ้าตอรอกระต่าย อุปมาว่า รอคอยผลประโยชน์โดยไม่คิดจะพยายามแต่อย่างใด
[2] เช่อชี มีฐานะต่ำกว่าภรรยารอง แต่ตำแหน่งสูงกว่าอนุภรรยา
[3] วางไข่ไก่ไว้ในตะกร้าใบเดียว อุปมาว่าอย่าได้วางเดิมพันทั้งหมดกับเรื่องเดียว ควรเผื่อทางเลือกไว้ให้ถอยกลับ เหมือนกับการวางไข่ในตะกร้าใบเดียว หากตะกร้าใบนั้นตกแตก ก็จะเสียไข่ทั้งหมดไป
[4] ถูกลาถีบสมอง อุปมาว่าโง่เขลา