เห็นคุณหนูสุรานอนบนเตียงด้วยสภาพทุลักทุเล ดูได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง กล่าวระบายทั้งน้ำตาไหลพรากว่าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อถูกเยี่ยนมี่เอ๋อร์เป่าหูให้ลงโทษตัวเอง แม้นางจะชิงชังหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ แต่ก็รู้ว่ายามนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะว่าร้ายหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ จึงทำได้เพียงโยนความเคียดแค้นไปหาเยี่ยนมี่เอ๋อร์เท่านั้น
ซั่งกวนเจวี๋ยฟังคุณหนูสุราระบายออกมาด้วยใบหน้าที่โมโห ทว่าในใจกลับไม่มีความเห็นใจแม้แต่น้อย กลับรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก โทสะที่สุมอยู่ในอกของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อได้ระบายออกมาแล้ว เรื่องต่อไปก็ทำง่ายขึ้นแล้ว
“เจวี๋ย ข้ารู้ว่าข้าทำผิด” คุณหนูสุรามองซั่งกวนเจวี๋ยด้วยใบหน้าโศกเศร้า “ข้าควรจะหายไปอย่างเงียบๆ ตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ควรกลับมาเพราะอดใจคะนึงหาเจ้าไม่ไหว จึงปรากฏกายออกมาต่อหน้าเจ้าเลย…”
เดิมทีเจ้าก็ไม่ควรปรากฏกาย พอปรากฏกายออกมาถูกทำให้กลายเป็นแพะรับบาปเช่นนี้ก็นับว่ารนหาที่เอง! ซั่งกวนเจวี๋ยคิดอย่างสมเหตุสมผล เขาไม่มีใจจะเสียเวลากับนางที่นี่นัก เพียงกล่าวลวกๆ ไม่กี่ประโยค ให้นางพักฟื้นอย่างสบายใจ จากนั้นก็คิดจะออกไป
“เจวี๋ย เจ้าต้องใจเย็นๆ นะ” คุณหนูสุราเห็นสีหน้าของซั่งกวนเจวี๋ยไม่ค่อยดี กลับรู้สึกดีเพราะคิดว่าเขาจะไปคิดบัญชีกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ แสร้งกล่าวห้ามปราม “หากยามนี้เจ้าและฮูหยินแตกคอกัน ข้าย่อมรู้สึกไม่สบายใจ ยิ่งไปกว่านั้นนางก็จะเกลียดข้ามากกว่าเดิมด้วย”
เขาได้พูดหรือว่าจะไปหาเยี่ยนมี่เอ๋อร์? ซั่งกวนเจวี๋ยมองคุณหนูสุราที่พูดเองเออเองอย่างประหลาดใจ ตอนนี้พบแล้วว่ายามที่นางสวมรอยเป็นคุณหนูสุรา แสดงความยโสโอหังถือตัวได้เหมือนไม่หยอก แต่ความร่าเริงและความฉลาดหลักแหลมนั้นกลับเลียนแบบได้เพียงเล็กน้อย หากมู่หรงปั๋วอวี่เห็นด้านที่โง่เขลาขนาดนี้ของนาง คาดว่าคงจะจับผิดได้แล้วกระมัง!
“เจวี๋ย ไม่ใช่ข้าใจกว้าง แต่ข้าไม่อยากถูกคนเกลียด” คุณหนูสุรามองซั่งกวนเจวี๋ย กล่าวอย่างรู้สึกดี “ข้าก็รู้ว่าท่านป้ารักและเอ็นดูฮูหยิน หากเจ้าและฮูหยินเกิดบาดหมางอะไรกัน ท่านป้าย่อมจะปกป้องนางและเกิดความหน่ายแหนงกับเจ้า ข้าไม่อยากเห็นเจ้าและท่านป้าเกิดเรื่องทุกข์ใจอะไรกัน!”
“เช่นนั้นเจ้ามีวิธีดีๆ อะไรหรือไม่?” ซั่งกวนเจวี๋ยไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางจึงพูดเองเออเองเช่นนี้ได้ แต่จากคำพูดของนางก็ทำให้รู้ว่านางได้มีแผนที่จะจัดการกับมี่เอ๋อร์แล้ว ในใจจึงไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ก็อยากจะรู้ว่านางคิดจะเดินหมากแบบไหน…หลักการกันไว้ดีกว่าแก้ย่อมใช้ได้เสมอ
“ข้าไหนเลยจะมีวิธีดีๆ อะไร เพียงแต่หวังให้เจวี๋ยเมินเฉยนางช่วงนี้เสียหน่อย ให้นางรู้ว่าเจ้าโกรธก็พอแล้ว!” คุณหนูสุรากลับไม่ได้โง่ถึงเพียงนั้น แต่คำพูดที่คิดว่าตัวเองถูกของนางยังคงทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยอดหางตากระตุกไม่ได้ ให้ตัวเองเมินเฉยภรรยา? นี่เป็นคำพูดที่คุณหนูยังไม่ได้แต่งงานอย่างนางสมควรพูดหรือ?
“ข้ารู้ว่าสำหรับเจวี๋ยแล้วเป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง และก็รู้ว่าเจวี๋ยเป็นชายหนุ่มที่อารมณ์พลุ่งพล่าน แต่เจ้าก็ไม่ใช่ว่ามีเมียบ่าวคนหนึ่งหรอกหรือ ย่อมสามารถให้นางปรนนิบัติเจ้าในช่วงนี้ได้ ไม่แน่ว่าบางทีเจ้าอาจจะพบว่า ที่จริงแล้วเมียบ่าวคนนั้นก็ไม่เลวเลย!” คุณหนูสุราเห็นหางตาของซั่งกวนเจวี๋ยกระตุก จึงถือโอกาสแสดงความเข้าใจและเอาใจใส่ พูดเรื่องที่อู๋เลี่ยนเยี่ยนฝากฝังออกมา หากอู๋เลี่ยนเยี่ยนสามารถบรรลุเป้าหมาย หลังจากรู้ว่าตนเองมีตำแหน่งในใจซั่งกวนเจวี๋ย บางทีก็อาจให้ความช่วยเหลือตัวเองอย่างแท้จริง…ส่วนอู๋เลี่ยนเยี่ยนจะได้นั่งเป็นใหญ่ด้วยเหตุนี้หรือไม่ นางกลับไม่กังวล เมียบ่าวที่ไม่ได้รับความโปรดปรานคนหนึ่ง คิดอยากจะนั่งเป็นใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น
——————
อู๋เลี่ยนเยี่ยนลอบติดต่อกับนางอย่างไรกัน? ซั่งกวนเจวี๋ยไม่ได้มีใจคิดกังวลเกี่ยวกับเรื่องในบ้าน ในความเป็นจริงตั้งแต่มี่เอ๋อร์ดูแลจัดการเรื่องภายในบ้าน เขาก็ไม่ได้ก้าวก่ายอีกเลย ให้มี่เอ๋อร์ได้รับผิดชอบอย่างอิสระ และนางก็จัดการได้อย่างมีชั้นเชิง ซั่งกวนจิ่นและหวงฝู่เยวี่ยเอ้อล้วนชมไม่ขาดปาก หรือมี่เอ๋อร์จะไม่รู้ว่าทั้งสองคนนี้ได้แอบพบเจอกัน?
“อู๋เลี่ยนเยี่ยนและหญิงสาวคนนั้นเกี่ยวข้องกัน?” คิ้วเรียวงามของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ขมวดแน่นเป็นปม หลังจากทั่วป๋าฉินซิน แต่งให้ซั่งกวนอวี่ไข่ อู๋เลี่ยนเยี่ยนก็ไม่ได้โผล่หน้าออกมาอีกเลย เงียบหายไปราวกับไม่มีตัวตน ทั้งไม่กล้าปรากฏตัวออกมาอยู่เบื้องหน้าซั่งกวนเจวี๋ยอย่างเรื่อยเปื่อย กังวลว่าเขาจะหาเหตุผลจับคู่นางแต่งกับบ่าวคนอื่นอะไรทำนองนั้น…ความจริงที่ไม่ได้ไล่นางไปก็เพราะเยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่ได้คิดเอาจริงเอาจัง หากมี่เอ๋อร์ยอมจะให้นางอยู่ที่ตระกูลซั่งกวนทั้งชีวิตก็ได้ แต่ตัวนางเองยังไม่รู้คุณค่า คนอื่นก็ยิ่งไม่ความจำเป็นต้องกังวลแทนนาง สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือนางยังกล้ากระโดดออกมา ไม่รู้ว่าคิดจะทุ่มสุดตัวในการเดิมพันครั้งสุดท้ายหรือมั่นใจว่าตัวเองจะชนะกัน?
“มี่เอ๋อร์ไม่รู้หรือ?” ซั่งกวนเจวี๋ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูท่าแม้อนุภรรยาอู๋จะไม่ได้ควบคุมเรื่องในบ้านแล้ว แต่ในมือก็ยังคงมีแหล่งข้อมูลไม่น้อย ตะขาบร้อยขา ตายแล้วกลับไม่แข็ง[1]ที่ว่าก็คือนาง ดูท่าจำเป็นต้องเก็บกวาดดีๆ เสียหน่อยแล้ว!
“เจวี๋ยรู้ได้อย่างไร?” มี่เอ๋อร์ถามอย่างสงสัย นางรู้ว่าซั่งกวนเจวี๋ยน้อยครั้งที่จะก้าวก่ายเรื่องในบ้าน เช่นนั้นเรื่องแบบนี้เขารู้ได้อย่างไรกัน?
ซั่งกวนเจวี๋ยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังครั้งหนึ่งอย่างไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว มี่เอ๋อร์ตาเป็นประกายทันที “ความคิดนี้กลับไม่เลว พวกเราสามารถซ้อนแผนได้ ให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนรับผลกรรมที่ตัวเองก่อ ทั้งถือโอกาสให้ตัวปลอมคนนั้นพบเจอกับความลำบากอีกครั้ง!”
“มี่เอ๋อร์หมายความว่าอะไร?” ซั่งกวนเจวี๋ยคาดไม่ถึงว่ามี่เอ๋อร์จะมีท่าทีกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาเช่นนี้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกเสียใจที่ตัวเองบอกเรื่องนี้กับมี่เอ๋อร์
“เจวี๋ย อีกเดี๋ยวออกไปจากเรือนมีคู่ด้วยหน้าตาบึ้งตึงกลับไปพักผ่อนที่เรือนไร้เดี่ยว จากนั้นให้คนไปเรียกอู๋เลี่ยนเยี่ยนมาปรนนิบัติรับใช้!” มี่เอ๋อร์กล่าวทั้งหัวเราะเสียงดัง ไม่มีท่าทีหึงหวงแม้แต่น้อย
“มี่เอ๋อร์ไม่โกรธ ไม่หึงหวงหรือ?” ซั่งกวนเจวี๋ยเองกลับโกรธเป็นอย่างมาก ความหมายของมี่เอ๋อร์คือให้เขาใช้ร่างกายเข้าแลกอย่างนั้นหรือ?
“ที่นี่มียาอยู่เม็ดหนึ่ง!” มี่เอ๋อร์ควักขวดเล็กที่วางอยู่ในกล่องเครื่องประทินโฉมของตัวเองออกมา ส่งให้ซั่งกวนเจวี๋ย กล่าวด้วยรอยยิ้ม “หลังจากเจวี๋ยเห็นอู๋เลี่ยนเยี่ยนก็หาโอกาสทำให้นางสลบ จากนั้นก็ให้นางกินยาเม็ดนี้ นางจะเกิดจินตนาการ คิดว่าได้ร่วมรักกับเจ้า คล้อยหลังเจวี๋ยก็แสร้งทำเสพสมจนหักโหมมากเกินไป ข้าย่อมมีวิธีจัดการนาง รอหลังจากถามออกมาว่านางร่วมมือกับผู้หญิงคนนั้น ท่านแม่ย่อมจะจัดการหญิงสาวคนนั้นอย่างดุเดือด หึๆ แผลของนางยังไม่หายดี ครั้งนี้ท่านแม่จะตีที่ใดอีกกัน?”
เห็นใบหน้าที่เจ้าเล่ห์ของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ซั่งกวนเจวี๋ยก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ มี่เอ๋อร์ในยามนี้ล้วนไม่ปิดบังท่าทีแพรวพราวซุกซนของนางต่อหน้าเขาแล้ว เพียงแต่ท่าทีน้อยครั้งที่จะได้เห็นนี้ของนาง แม้ว่าจะทำให้เขาจนใจและหลุดขำ แต่ก็ทำให้เขาอยากกัดนางแรงๆ สักคำสองคำ คาดไม่ถึงว่านางจะให้เขาขายร่างกายตัวเอง!
“ไม่ได้!” ซั่งกวนเจวี๋ยตัดบทปฏิเสธการตัดสินใจของนาง จากนั้นก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย “สามีไม่ได้ร่วมเตียงเคียงหมอนกับมี่เอ๋อร์มาสามวันแล้ว หรือมี่เอ๋อร์จะทำใจผลักสามีออกไปได้เชียว? มี่เอ๋อร์ไม่กังวลว่าตัวเองจะกอดหมอนนอนคนเดียวหรือ?”
ใบหน้าของมี่เอ๋อร์แดงก่ำ นางนั้นทำใจไม่ได้หากซั่งกวนเจวี๋ยอยู่ในบ้านแต่กลับไม่มาหาตน แต่เรื่องสามารถพลิกแพลงตามสถานการณ์ได้! นางถลึงตามองซั่งกวนเจวี๋ยไปที กล่าวเสียงต่ำ “รอให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนสลบและกินยาไปแล้ว เจ้าก็ฉวยโอกาสใช้ความมืดอำพรางกลับมาก็ได้ ข้าย่อมไม่ปฏิเสธทิ้งเจ้าอยู่นอกประตูอยู่แล้ว!”
“ข้าจะไม่เข้ามา!” ซั่งกวนเจวี๋ยมองใบหน้าแดงก่ำของภรรยา ก็กล่าวเย้าแหย่ “หลักการหากภูเขาไม่มาให้ข้าม ก็ไปข้ามภูเขาเอง[2] มี่เอ๋อร์ก็คงรู้กระมัง เอ๊ะ มี่เอ๋อร์ก็มีวรยุทธที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน มี่เอ๋อร์ต้องเป็นฝ่ายมาหาสามีจึงจะถูก!”
“ข้าไม่เข้าไปแน่!” มี่เอ๋อร์หน้าแดงไปหมดเพราะคำพูดของซั่งกวนเจวี๋ย ยกเท้าถีบซั่งกวนเจวี๋ยไปอย่างแรง กลับถูกซั่งกวนเจวี๋ยที่เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้วรับไว้ทัน ส่ายศีรษะทั้งถอนหายใจ “คิดมาโดยตลอดว่าแต่งภรรยาตัวน้อยที่อ่อนโยนคนหนึ่ง ใครจะรู้ว่า จู่ๆ จะกลายเป็นนางพยัคฆ์ไปเสียได้ เฮ้อ…ข้าช่างเคราะห์ร้ายจริงๆ”
“ซั่งกวนเจวี๋ย!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ถูกเย้าแหย่จนโมโหขึ้นมา นางชักเท้ากลับ ก่อนจะกระโดดขึ้นมาราวกับเสือตัวเมีย ยามที่เตรียมจะจัดการอย่างไม่เบามือให้เขาเห็น ซั่งกวนเจวี๋ยก็ลงจากบันไดหายวับไปกับตาแล้ว ชั่วพริบตานั้นที่เดินออกจากประตูใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นโมโหและโกรธเกรี้ยวทันที ดูเหมือนว่าจะเข้าสู่บทบาทแล้ว มี่เอ๋อร์ทำได้เพียงรั้งตัวอยู่อย่างโมโห ครุ่นคิดว่าจะมอบบทเรียนที่หวานซึ้งอย่างไรให้เขาดี
—————–
อู๋เลี่ยนเยี่ยนแต่งตัวด้วยชุดใหม่ทั้งจิตใจที่ว้าวุ้น จากนั้นก็ก้าวอย่างระมัดระวังเข้าไปในเรือนไร้เดี่ยวที่หลังจากครั้งนั้นก็ไม่ได้เข้ามาอีกเลย นางเคยจินตนาการนับร้อยนับพันครั้งถึงฉากที่ตัวเองจะเดินเข้ามาในเรือนไร้เดี่ยวอีกครั้ง แต่คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสถานการณ์เช่นนี้ ในใจรู้สึกซาบซึ้งกับคุณหนูสุราเล็กน้อย สิ่งที่มากกว่านั้นคือความเกลียดชังและความระแวดระวัง…หากผู้หญิงนี้คนนี้เข้าตระกูลมาจริงๆ ในใจของซั่งกวนเจวี๋ยยังจะมีตำแหน่งให้ตัวเองอย่างนั้นหรือ?
แต่นั่นเป็นเรื่องของภายหลังแล้ว ในยามนี้สิ่งที่สำคัญคือนางจะคว้าโอกาสให้ได้ ให้ตัวเองถึงจุดมุ่งหมายในครั้งเดียว ขอเพียงแค่ตั้งท้อง นางก็สามารถกลายเป็นอนุภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ยได้แล้ว หากก่อนที่คุณหนูสุรายังไม่แต่งเข้าตระกูล นางย่อมสามารถค่อยๆ ร่วมมือกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ที่สูญเสียความโปรดปราน จัดการผู้หญิงคนนั้นให้ถูกปฏิเสธอยู่นอกตระกูลซั่งกวนได้
“เลี่ยนเยี่ยนคารวะคุณชายใหญ่!” ยามที่อู๋เลี่ยนเยี่ยนพูดประโยคนี้ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นอยู่บ้าง จุดนี้ นางรอมานานแล้วจริงๆ
“ลุกขึ้นเถิด!” ซั่งกวนเจวี๋ยมองอู๋เลี่ยนเยี่ยนที่แต่งหน้าเข้มจัดอยู่ตรงหน้าอย่างเรียบเย็น หลังจากคุ้นชินกับใบหน้าไร้เครื่องประทินโฉมของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่คุ้นชินกับหญิงสาวที่แต่งหน้าเช่นนี้แล้ว แต่เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องปรับตัวให้คุ้นชินเช่นกัน
“ขอบคุณคุณชาย!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนหยัดกายขึ้นอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มยั่วยวน กล่าวอย่างร้อนแรง “ดึกมากแล้ว ให้บ่าวปรนนิบัติส่งคุณชายเข้านอนเถิดเจ้าค่ะ”
“เจ้าถอดชุดก่อนเถิด” ซั่งกวนเจวี๋ยไม่อยากให้นางเข้าใกล้ตัวเอง และยามนี้เขาก็ได้ยินเสียงด้านนอกหน้าต่าง…มี่เอ๋อร์มาแล้ว!
“เจ้าค่ะ!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนปลดชุดออกอย่างเหนียมอาย และไม่รอให้นางได้ถอดชุดเสร็จ เยี่ยนมี่เอ๋อร์ที่อยู่ในชุดดำก็ปรากฏขึ้นด้านหลังนาง โจมตีเข้าที่ต้นคอของอู๋เลี่ยนเยี่ยนอย่างแรง อู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่ทันได้มีปฏิกิริยาอันใด ก็ล้มลงไปทันที ซั่งกวนเจวี๋ยเทยาจากขวดที่อยู่ในมือออกมาหนึ่งเม็ด ก่อนมี่เอ๋อร์จะกรอกเข้าไปในปากของอู๋เลี่ยนเยี่ยนอย่างสบายๆ ทั้งขยับนางไปไว้ที่มุมกำแพง
ยาออกฤทธิ์ได้อย่างรวดเร็ว อู๋เลี่ยนเยี่ยนล่วงสู่ความฝันที่หวานซึ้งทันที เริ่มดึงทึ้งเสื้อผ้าอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ ถึงกระทั่งร้องครวญครางออกมาอย่างไม่รู้ตัว…
“พวกเรากลับไปเรือนมีคู่เถิด!” ซั่งกวนเจวี๋ยเหลือบมองอู๋เลี่ยนเยี่ยนอย่างเกลียดชัง มีคนที่น่าขยะแขยงอยู่ในห้องเช่นนี้ เขาจะบดจูบเร่าร้อนกับมี่เอ๋อร์ได้อย่างไร
“ให้ข้าวิ่งมาเสียเที่ยว!” มี่เอ๋อร์กลอกตาใส่เขาไปที เดินไปเบื้องหน้าอู๋เลี่ยนเยี่ยน ก่อนจะสกัดจุดบนร่างนาง “สกัดจุดนางไว้แล้ว ไม่ให้ส่งเสียงออกมาก็เพียงพอแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องวิ่งไปวิ่งมา”
“มี่เอ๋อร์ เจ้ามีแผนร้ายอันใดอีก?” ซั่งกวนเจวี๋ยเกิดเสียงเตือนดังขึ้นในใจ นี่ไม่ใช่ปฏิกิริยาที่มี่เอ๋อร์ควรมี นางควรรับปากคล้อยตามตัวเองจึงจะถูก
“ข้าไหนเลยจะมีแผนร้ายอะไร ข้าเพียงไม่อยากให้สามีเสียเวลาวิ่งไปวิ่งมาเท่านั้น!” มี่เอ๋อร์จัดวางอู๋เลี่ยนเยี่ยนดีแล้ว ก็บดเบียดขึ้นมา นั่งอยู่บนขาของเขา ปลดชุดให้เขาอย่างอ่อนโยน กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจวี๋ย เจ้าไม่รู้หรือว่าในแผนการของพวกเรามีช่วงโหว่ขนาดใหญ่อยู่?”
“ช่องโหว่อะไร?” ซั่งกวนเจวี๋ยพลิกมือไปถอดเสื้อผ้าภรรยา ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือไม่ เขารู้สึกว่ามี่เอ๋อร์ในเวลานี้ ดูออดอ้อนเป็นพิเศษ ไม่เหมือนกับยามปกติเป็นอย่างมาก
“เรื่องที่จะโกหกว่าเสพสมจนหักโหมเกินไปนั้นอาจจะถูกมองออก!” หลังจากซั่งกวนเจวี๋ยออกไปมี่เอ๋อร์ก็คิดวิธีที่ยอดเยี่ยมได้…ซินหรันส่งเคล็ดวิชาหยกร้อนให้นาง เป็นสิ่งที่นางยากจะเปิดปากพูดจึงไม่ได้บอกซั่งกวนเจวี๋ยมาโดยตลอด หากใช้ในทางที่ดีย่อมเป็นผลดีต่อสามีภรรยาทั้งสองฝ่าย แต่หากใช้ในทาง…หึๆ มี่เอ๋อร์ยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์ นางอยากทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยลิ้มรสความเจ็บปวดที่ปลดปล่อยถึงขีดกำจัดจนลุกเตียงไม่ขึ้นบ้าง
“เช่นนั้นมี่เอ๋อร์มีวิธีอะไรดีๆ?” ซั่งกวนเจวี๋ยถอดเสื้อผ้าภรรยาทีละชิ้นอย่างช่ำชอง ก่อนผิวขาวเนียนน่าหลงใหลจะเผยสู่สายตาเขา ก็ถือโอกาสประทับรอยจูบไว้บนผิวนั้น
“ความหมายของข้าก็คือทำให้มันกลายเป็นเรื่องจริง!” มี่เอ๋อร์ยากที่จะเป็นฝ่ายเริ่ม กดซั่งกวนเจวี๋ยนอนไปบนเตียง ค่ำคืนนี้นางจะอยู่ในตำแหน่งฝ่ายรุก…
———————————–
[1] ตะขาบร้อยขา ตายแล้วกลับไม่แข็ง เปรียบเหมือนตะขาบที่ถูกตัดแล้ว แต่ก็ยังคลานต่อไปได้ อุปมาว่า ผู้ที่มีอำนาจแข็งแกร่ง แม้จะถูกลดทอนตำแหน่งแล้ว ก็ยังคงหลงเหลืออำนาจอยู่
[2] ภูเขาไม่มาให้ข้าม ก็ไปข้ามภูเขาเอง อุปมาว่า เมื่อประสบพบเจอกับเรื่องลำบาก อย่าได้ละทิ้งความพยายาม ให้ลองเปลี่ยนหลายๆ วิธี ย่อมจะมีวิธีหนึ่งที่ทำให้ประสบผลสำเร็จ