เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 8 แม่คุณภีมเร่งรัดให้แต่งงาน
หลังจากได้รับการยอมรับจากพ่ออย่างเป็นทางการ แชมป์ก็ดีใจจนกอดน้องสาวแน่น
“ในที่สุดพวกเราก็มีคุณพ่อแล้วนะ ขวัญข้าว! หลังจากนี้ เพื่อนๆ ที่โรงเรียนอนุบาลก็จะบอกว่าพวกเราไม่มีพ่อไม่ได้แล้วล่ะ!”
“แล้วคุณแม่ล่ะ?” ขวัญข้าวที่ติดแม่มากก็รู้สึกกังวล “พวกเรายังเจอคุณแม่ได้อีกไหม?”
“ได้เจอแน่นอนอยู่แล้วล่ะ” แชมป์โอบไหล่ของขวัญข้าวไว้ และกระซิบที่หูเธอว่า “อย่าลืมสิ ว่าเป้าหมายต่อไปของพวกเราก็คือเป็นคนกลางให้พ่อกับแม่กลับมาคืนดีกัน”
ภีมพลคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ออก จากนั้นก็พูดเสียงต่ำกว่าปกติว่า “ต่อไปนี้ ที่นี่คือบ้านของพวกหนู ถ้าอยากได้อะไรก็บอกลุงปวิธหรือพ่อได้เลยนะ”
“คุณพ่อครับ! ผมรักคุณพ่อครับ!” แชมป์สารภาพด้วยความตื่นเต้น
เขาลากขวัญข้าวและคนใช้ไปเล่นซ่อนแอบด้วยกัน เล่นทายคำด้วยกัน ขับรถสปอร์ตด้วยกัน กินขนมเปี๊ยะอบใหม่ๆ ที่ทำขึ้นอย่างพิถีพิถันด้วยกัน…… เขาได้แต่หวังว่า สิ่งเหล่านี้จะช่วยบรรเทาความคิดถึงที่น้องสาวมีต่อคุณแม่ได้
ด้วยความพยายามของพี่ชายและความที่เธอยังเป็นเด็ก ในที่สุด ขวัญข้าวก็รู้สึกดีขึ้น
ในเวลานี้ ภายในวิลล่าขนาดใหญ่ที่เงียบเหงามาเป็นระยะเวลายาวนาน กลับมีแต่ความคึกคักและมีชีวิตชีวาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อีกทั้งยังมีเสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังมาเป็นระยะอีกด้วย
หัวใจที่อ้างว้างเดียวดายมาเป็นระยะเวลานานของภีมพลก็กลับอบอุ่นขึ้น ความรู้สึกวังเวงต่างๆ เหล่านั้น ก็ดูเหมือนจะได้รับการเติมเต็มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เด็กๆ เล่นกันอยู่ที่ชั้นล่าง
ส่วนเขา มายังห้องหนังสือที่ชั้นบน เดิมทีเขาคิดจะตอบกลับอีเมล์ แต่อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ภีมพลค่อยๆ เดินช้าลง เขาหยิบโทรศัพท์มาดูและใช้นิ้วเรียวยาวกดเลื่อนรับสาย “แม่”
“เมื่อไหร่แกจะขอญาณีแต่งงาน?” คะนึงนิตย์อดทนมานานแล้วจึงถามเขาออกไปตรงๆ “แกกำหนดเวลาที่แน่นอนมาให้ฉันตอนนี้เลยนะ”
ภีมพลยืนอยู่ด้านหน้าของหน้าต่าง สายตาของเขามองไปยังเด็กๆ ที่กำลังเล่นกันอยู่ที่ลานบ้านอย่างลึกซึ้ง เขาถามอย่างเรียบๆ “แม่โทรมาหาผมมีเรื่องอื่นอีกไหมครับ?”
“ไม่มีเรื่องไหนที่สำคัญไปกว่าเรื่องนี้อีกแล้ว!” ผู้หญิงในสายพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พรุ่งนี้ เที่ยวบินของญาณีจะมาถึงตอน 5 โมงเย็น แกไปรับเธอด้วยล่ะ”
ภีมพลเอามือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า และตอบกลับไปว่า “พรุ่งนี้เป็นวันเกิดครบรอบ 20 ปีของลูกสาวนายกเทศมนตรี และผมต้องไปร่วมงานเลี้ยงตอนค่ำ ผมไม่ว่างไปรับเธอหรอกครับ”
“ภีมพล!” แม่โกรธจนหายใจไม่ออก จากนั้นเธอจึงค่อยๆผ่อนคลายอารมณ์และกล่าวว่า “ไม่ไปรับก็ไม่เป็นไร แต่วันมะรืนพวกแกต้องกลับมากินข้าวเย็นที่บ้านด้วยกัน แล้วก็ปรึกษากันเรื่องกำหนดวันที่จะจัดงานแต่งงานให้เรียบร้อย!”
“ผมจะไม่แต่งงานกับเธอ” ชายหนุ่มพูดออกมาตรงๆ ตามที่ในใจเขาคิดต่อต้าน “อย่าคาดหวังลมๆ แล้งๆ เลย”
“ลูกแม่!” แม่พูดเกลี้ยกล่อมไม่ยอมหยุด “ว่ากันว่า ในการก่อร่างสร้างตัว การมีครอบครัวต้องมาก่อน เพราะฉะนั้นก็หมายความว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญกว่าการงานอีกนะลูก แม่นึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะมีใครเหมาะสมกับลูกอีกนอกเสียจากญาณี”
ภีมพลบังเอิญเห็นแชมป์เด็ดดอกกุหลาบขึ้นมาหนึ่งดอก จากนั้นก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้าขวัญข้าว คล้ายกับเจ้าชายตัวน้อยๆ นี่พวกเขากำลังจะขอแต่งงานหรือไงกันนะ?
ชายหนุ่มยกมุมปากขึ้นแสดงให้เห็นรอยยิ้มที่ชวนมอง ส่วนสายตาของเขา ก็แสดงความอ่อนโยนอย่างที่หาดูได้ยากออกมา
“แกไม่ได้บอกว่าเธอเป็นผู้ช่วยของแกหรือไงกัน? ฉันเชื่อว่าญาณีจะต้องเป็นศรีภรรยาที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน สิ่งที่เธอทำเพื่อทีเอ็ม กรุ๊ปตลอดหลายปีมานี้ แกยังมองไม่เห็นอีกหรือไง?
ภีมพลไม่อยากเสียเวลามาปวดหัวกับเรื่องนี้ เขาจึงวางสายโทรศัพท์ไป
เขาไม่อยากรับรู้ความรู้สึกของแม่อีกแล้ว
เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง เขาจึงคิดที่จะตัดสายทิ้ง แต่พอมองดูกลับพบว่าเป็นเบอร์อื่นที่โทรเข้ามา
เขากดรับและยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู
“คุณภีมครับ” ปลายสายรายงานด้วยความเคารพ “ดูเหมือนว่า ภูมิหลังของคุณนภาจะถูกซ่อนเอาไว้อย่างดีเลยครับ ข้อมูลที่หาได้ในตอนนี้จึงมีเพียงไม่มาก”
“……” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาดูลึกลับ
อีกฝ่ายรายงานต่อ……
ภีมพลไม่พูดอะไรสักคนจนกระทั่งวางสายสนทนา
เขาวางโทรศัพท์ลง ในใจคล้ายกับมีกำแพงหินขวางเอาไว้ให้เป็นทุกข์
เธอไม่มีพ่อ แม่ และญาติๆ 6 ปีที่ผ่านมานี้ เธอเลี้ยงลูกๆ ทั้งสองคนเพียงลำพังอยู่ที่หมู่บ้านซันไลต์ นอกจากนั้น เธอยังช่วยชาวบ้านให้หลุดพ้นจากความยากจนโดยการปลูกดอกไม้ ปลูกสมุนไพร เลี้ยงปลา และพัฒนาการเลี้ยงสัตว์เพื่อการเกษตรให้ได้ผลดีอีกด้วย
เธอเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ อาการป่วยน้อยใหญ่ของผู้คนในหมู่บ้าน ล้วนได้เธอเป็นผู้ดูแลรักษา เธอเปรียบเสมือนนางฟ้ากลับชาติมาเกิดในใจของเหล่าชาวบ้าน……
แต่ก็มีบางช่วงเวลาที่เธอเหนื่อยจนเป็นลมล้มไป
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อเขานึกถึงสิ่งที่ได้ยินรายงานทางโทรศัพท์เมื่อสักครู่ ในใจของเขาก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา
เธอข้ามผ่านช่วงเวลาหลายปีมานี้อย่างยากลำบากใช่ไหมนะ?
เขานั่งอยู่ในห้องหนังสือ ชายหนุ่มที่มีอำนาจมากในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้กำลังเหม่อลอย ในหัวเหมือนถูกอะไรบางอย่างกระแทกเข้าอย่างแรง