หลี่ว์ซู่กลับมองตาทหารคนนั้นกลับอย่างใจเย็น แต่อีกฝ่ายไม่ได้หยุดมองอยู่นาน เขาหันกลับและพุ่งออกไปข้างหน้าเหมือนเขาจะตั้งใจไปฆ่าศํตรูอย่างมาก
ตอนแรกทัพอู่เว่ยควรที่จะประจำอยู่บนกำแพงเมืองเพื่อป้องกันเมืองจากทัพเฮยอวี่ แต่การโจมตีนั้นมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวจนทัพอู่เว่ยถูกบุกเข้าไปที่ค่ายทหารนอกเมือง
ทัพเฮยอวี่ดูน่าเกรงขามอย่างกับมังกรดำ พวกเขาทำขบวนทัพอู่เว่ยแตกโดยการพุ่งเข้าใส่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น นอกจากนั้นแม่ทัพเย่เสี่ยวหมิงก็มาตายก่อนที่จะกลับไปในเมือง ซึ่งทำให้กองทัพตอนนี้ซวนเซไม่เป็นท่า…
หลี่ว์ซู่ถอนหายใจออกมา เย่เสี่ยวหมิงนี่ไร้ประโยชน์จริงๆ เขาน่าจะเขียนหนังสือรับรองให้เขาไว้ก่อนตายสิ!
ตอนนี้แม่ทัพของทัพอู่เว่ยก็ตายไปแล้ว เขาจะไปเอาหนังสือรับรองมาได้จากไหนอีก
การนองเลือดในเมืองไม่ได้หยุดจนกระทั่งถึงตกกลางคืน ประตูทุกบานในเมืองอวิ๋นอันถูกปิดอย่างเงียบเชียบ ชาวบ้านต่างเกรงกลัวว่าทัพเฮยอวี่จะมาฆ่าพวกเขาทิ้งหมด
ทหารของทัพเฮยอวี่ 3,000 นายพุ่งเข้าใส่ทหารของทัพอู่เว่ยอย่างไม่เกรงกลัว ไม่มีใครหยุดพวกเขาได้อีกแล้ว บ่อยครั้งที่การโจมตีขนาดย่อมสามารถทำให้ศัตรูตกใจกลัวได้
เลือดไหลหยดออกมาจากช่องว่างระหว่างชุดเกราะสีดำ และหอกของพวกเขาก็ถูกปกคลุมด้วยเลือดสีแดงสด
มีผู้รอดชีวิตบางคนจากทัพอู่เว่ยหนีขึ้นไปบนภูเขา และหวังว่าพวกทัพเฮยอวี่จะไม่ลงจากม้ามาตามพวกเขาตอนนี้
ในขณะนั้นเองหลี่ว์ซู่และหลี่เฮยทั่นก็กำลังมองเหตุการณ์ในสนามรบอย่างใกล้ชิด เมื่อหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ขอจะเข้าไปดูใกล้ๆ หลี่ว์ซู่ก็ไม่อนุญาต
เขาแน่ใจแล้วว่าทหารจากทัพเฮยอวี่ที่มองตาเขาเมื่อครู่นั้นจะต้องเป็นยอดฝีมือระดับหนึ่งแน่นอน เขาไม่อยากจะเสี่ยงให้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ถูกลักพาตัวไป
หลังจากที่กำจัดทัพอู่เว่ยได้หมดแล้ว ทัพเฮยอวี่ก็มุ่งหน้าไปทางใต้และดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ต้องการเข้าเมืองในตอนนี้ พวกเขาถือว่าเป็นกองทัพชั้นยอดที่สุดในจักรวาลหลี่ว์จริงๆ หลี่ว์ซู่คิดว่าพวกเขาคงจะสู้กับพวกระลอกทองแดงได้ในระดับเดียกัน
แต่ระลอกทองแดงนั้นได้เปรียบที่พวกเขามีชุดเกราะทองแดง ซึ่งเป็นอาวุธวิเศษ แต่ทัพเฮยอวี่ไม่ได้มีของแบบนั้น
หลี่ว์ซู่มองกองทัพที่กำลังถอยไปและคิดอยู่นาน จากนั้นเขาก็สรุปออกมาว่า “พวกเขากำลังต้องการจะล้อมทัพชิงไซ และพวกเขาไม่ได้วางแผนจะตีเมืองอวิ๋นอันทิ้ง พวกเขาแต่อยากจะทำลายจุดอ่อนของการป้องกัน จากนั้นก็เข้าโจมตีทัพชิงไซแบบไม่บอกกล่าว อย่างนี้ทัพชิงไซคงจะไม่รอดแน่…”
ทหารม้าพวกนี้คงจะเดินทางไปถึงเมืองหนานเกิงที่ห่างไปจากเมืองอวิ๋นอันตั้ง 300 กิโลเมตรเพียงใช้เวลาแค่สามวันแน่ พวกเขามีทั้งความอึดและความเร็ว การสู้บนหลังม้าทในจักรวาลหลี่ว์นั้นเป็นการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก
ตอนนี้ทัพเฮยอวี่กำลังจะเข้าไปโจมตีพวกทัพชิงไซในเมืองหนานเกิง และพวกเขาจะต้องแพ้แน่
เมืองอวิ๋นอันกลายเป็นเมืองที่ดูไร้ชีวิต ทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดและไม่มีแสงสว่างให้เห็นในตอนกลางคืน ชาวบ้านซ่อนม้าของตัวเองไว้ในบ้าน พวกเขาหวาดกลัวและทำอะไรไม่ถูกเหมือนจักจั่นท่ามกลางลมหนาว
ตอนนั้นเองคนของหมู่บ้านมังกรฟ้าก็มาหาหลี่ว์ซู่และพูดว่า “ท่านครับ ทัพอู่เว่ยมาหาที่พักพิงกับท่านครับ”
หลี่ว์ซู่เกือบจะหัวเราะออกมาเสียงดังเสียแล้ว “ฮ่า กองทัพประจำการมาขอความคุ้มครองจากพวกโจรงั้นเหรอ พวกเขาไม่อายกันบ้างหรือไงเนี่ย พวกเราไม่จำเป็นต้องปกป้องพวกเขาหรอกนะ”
ชาวบ้านวิ่งเหยาะๆ หายไป พวกเขากลับมาอีกครั้งเมื่อตอนที่หลี่ว์ซู่กำลังตรวจสอบสถานการณ์ที่เนินเขา “ท่านครับ พวกเขาบอกว่าพวกเขาจะตั้งใจปลูกถั่วลิสงกันครับ!”
“โอ้โห ปลูกถั่วลิสงกันเป็นด้วย… เยี่ยมไปเลย ไหนไปดูกันหน่อยสิ”
หลี่ว์ซู่เดินขึ้นไปตามกำแพงของหมู่บ้านมังกรฟ้า ข้างนอกนั่นมีทัพอู่เว่ยจำนวนไม่ถ้วนยืนอยา หลี่ว์ซู่กะจากสายตาว่าน่าจะมีกันอย่างน้อยประมาณ 3,000 คน…
พวกทหารพวกนี้มองมาที่หลี่ว์ซู่อย่างมีความหวัง หลี่ว์ซู่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงใจเย็น “พวกคุณเป็นทหารส่วนพวกเราเป็นกองโจร ถ้าพวกเราจะคุ้มครองพวกคุณก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่มั้ง ถึงผมจะอยากปกป้องพวกคุณแต่เราก็ไม่มีที่ในหมู่บ้านมากพอจะให้มาซุกหัวนอนได้หรอก”
“ไม่เป็นไร พวกเรานอนกันนอกเมืองได้ เราแค่หวังว่าท่านจะไม่ไล่พวกเราออกไป!” ผู้ชายคนหนึ่งตะโกนบอก หน้าของเขาถูกปกคลุมไปด้วยโคลน เขาน่าจะเพิ่งสู้อย่างดุเดือดที่สุดในชีวิตของเขามา…
หลี่ว์ซู่ลังเลที่จะตอบตกลง “ที่สำคัญคือมันฟังดูไม่ค่อยดีนักหรอก เราไม่ได้รู้จักกับทัพอู่เว่ยเป็นการส่วนตัว…”
ตอนนั้นเองก็มีคนขว้างของบางอย่างใส่หลี่ว์ซู่ ตอนแรกเขาคิดว่ามันน่าจะเป็นอาวุธที่ซ่อนไว้ แต่หัวหน้าบาทหลวงก็รับของนั้นไว้และยื่นให้หลี่ว์ซู่ เขาจ้องมันด้วยความสับสน “อะไรกันเนี่ย”
“ตราประทับพยัคฆ์ของเย่เสี่ยวหมิง ตอนนี้เย่เสี่ยวหมิงตายแล้ว และทัพอู่เว่ยก็แยกย้ายกันไปหมด ข้า หลิวเชียนจือ รองผู้บัญชาการทัพอู่เว่ยคนนี้จะขอติดตามท่านในฐานะของท่านแม่ทัพคนใหม่!” ในขณะที่เขาพูดนั้นเขาก็ทรุดลงไปคุกเข่าข้างหนึ่ง และทหารอู่เว่ยทุกคนก็ทำตาม หลิวเชียนจือตะโกนขึ้นมา “พวกเราทุกคนเคยปลูกถั่วลิสงให้ท่าน พวกเราทำอย่างดีกันที่สุดเพื่อเลี้ยงชีพตัวเอง เมื่อก่อนพวกเรามักจะถูกมองข้ามในกองทัพเพราะพวกเราไม่เห็นด้วยกับอุดมการณ์ของเย่เสี่ยงหมิง!”
ผู้ชายคนนั้นเห็นว่าหลี่ว์ซู่กำลังลังเล เขาจึงพูดต่อไป “การแต่งตั้งแม่ทัพอู่เว่ยไม่เคยจะต้องเป็นพิธีรีตองมากอะไรอยู่แล้ว พวกเรารู้จักเจ้านายเหนือหัวของเย่เสี่ยวหมิงและพวกเราก็พร้อมมอบข้อความอวยพรไปในนามของท่าน พวกเราใช้เงินและผลประโยชน์ซื้อตำแหน่งแม่ทัพให้ท่านได้! ตอนนี้พวกเราทัพอู่เว่ยตกอยู่ในความลำบากกันมาก ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วที่ท่านจะนำทางพวกเราไป! ท่านมีตราพยัคฆ์อยู่ในมือแล้ว พวกเราพร้อมจะตามท่านไปทุกที่!”
นี่ล้อกันเล่นหรือเปล่าเนี่ย หลี่ว์ซู่หายใจเข้าลึก เขาเคยเป็นคนนอกที่อยากจะเข้าร่วมทัพอู่เว่ยมาตลอดแต่ต้องกลับกลายมาเป็นโจร พอเขาจะขอหนังสือแนะนำจากเย่เสี่ยวหมิงเขาก็ตายไปก่อนซะงั้น พอตอนนี้เขากำลังเสียใจกับสภาพที่น่าหดหู่ของทัพอู่เว่ย คนพวกนี้ก็มาขอติดตามเขาในฐานะที่เขาเป็นแม่ทัพคนใหม่…
จักรวาลหลี่ว์นี่ต้องเป็นโลกปลอมๆ แน่เลย!
เกิดเรื่องอะไรตั้งมากมายในวันเดียว หลี่ว์ซู่ไม่มีความสุขเลยเมื่อมองดูกองทัพที่อยู่ตรงหน้าเขา เขาเริ่มจะสงสัยแล้วสิว่าชีวิตของเขานี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า…
หลี่เฮยทั่นบอกเขาว่าพวกคนที่อยากจะปลูกถั่วลิสงนั้นเป็นพวกคนดีและพวกเขาก็แค่หาเงินเลี้ยงปากท้องอย่างสุจริตเท่านั้น ส่วนพวกทหารอีกครึ่งหนึ่งเคยชินกับการอยู่อย่างยากลำบาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เต็มใจที่จะปลูกถั่วลิสง แม้ว่าหมู่บ้านมังกรฟ้าจะให้เงินอุดหนุนมากมายก็ตาม
ดังนั้นกลุ่มที่มาคุกเข่าต่อหน้าหลี่ว์ซู่ก็เป็นพวกที่เต็มใจอยากจะปลูกถั่วลิสงให้ พวกเขายังไม่ได้เป็นคนไม่มีดีเสียทีเดียว และเขาก็ยังพอช่วยคนพวกนี้ได้อยู่ ที่จริงพวกเขายังโชคดีอยู่บ้าง เพราะพวกเขาอยู่กันที่พื้นที่เพาะปลูกในตอนมีสงคราม ซึ่งบริเวณนั้นห่างไปจากสนามรบอยู่มาก
ทำดีก็ต้องได้รับการตอบแทนหน่อยใช่ไหมล่ะ…
หลี่ว์ซู่กวาดตามองทัพอู่เว่ยที่ยืนอยู่นอกกำแพงหมู่บ้านอย่างไม่มั่นใจ แล้วเขาก็ถามออกไป “เอ่อ… แน่ใจนะว่าฉันจะเป็นแม่ทัพที่ดีของพวกคุณได้”
หลิวเชียนจือเกือบจะกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ เขารู้ว่าหลี่ว์ซู่จะต้องยอมตามข้อเสนอของเขาแน่!
ทันใดนั้นเองหลิวเชียนจือก็ลงไปคุกเข่าข้างหนึ่งแล้วตะโกนขึ้นมา “เราจะตั้งใจปลูกถั่วลิสงให้ท่านชั่วชีวิตจนกว่าจะตายไปเลยครับท่าน!”
ฟังดูแล้วไม่เหมือนกับเป็นคำสาบานเลยนะ!