เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 103 ฉันไม่ต้องการคำขอบคุณ
เธอหยิบส้อมขึ้นมาอย่างใจเย็น “ไม่เป็นไร ไม่สกปรก ตอนนี้ต้องประหยัดหน่อย อีกอย่างนี้เป็นความจริงใจของเขา” พูดจบเธอก็กินเค้กไปเหมือนไม่มีอะไร
พ่อบ้านปวิธต้มนมสดแก้วหนึ่งให้เธอ ภายในใจพูดออก
หลังจากนภาลัยขึ้นไปข้างบน ป้าโสนก็ออกมาจากห้องเด็กๆ บอกกับเธอว่าเด็กๆนอนกันแล้ว
ตอนนั้นเอง หน้าจอของภีมพลก็สว่าง พ่อบ้านส่งข้อความมา…….
“คุณภีม คุณนายกินเค้กที่คุณทิ้งจนหมดแล้ว”
ข้อความนี้ทำให้เขารู้สึกเจ็บตา
พาไปสักพัก เขาวางโทรศัพท์ลง ปิดตาแต่ในใจกลับรู้สึกปวดแสบอยู่เล็กน้อย
แต่เขาก็ไม่อยากสนใจเธอ
นึกถึงวันนั้นที่เธออยู่กับไวศิษฎ์ เขาก็โกรธแล้ว!
นภาลัยกลับมาที่ห้อง มองเห็นเขานอนหลับตาบนเตียง เปิดผ้าห่มนอนลงข้างๆเขา ไม่กล้ารบกวนเขา
ท้องฟ้ามืดลง หมอกหนาวภายนอกลอดเข้ามาด้านใน ทำให้เธอมึนอยู่บ้าง
“เธอรักฉันไหม?”
เธอนิ่งเหมือนโดนไฟช็อต ในใจรู้สึกแปลก ไม่นานก็หันไปมองทางเขา
เขากลับนอนหลับตาอย่างสงบ เหมือนไม่ได้ถาม
ภาพหลอน??
และความลังเลของเธอ ในสายตาของภีมพลเหมือนเป็นคำตอบ
“เมื่อกี้นาย……..ได้ถามคำถามฉันไหม?” เธอมองเขา ใจเต้นเร็วขึ้น
แต่เขาก็เหมือนนอนหลับแบบนั้น ริมฝีปากนิ่ง ลมหายใจสม่ำเสมอ
ท้องฟ้า ค่อยๆมืดลง……..
นภาลัยนอนอยู่ข้างเขา รู้สึกอึดอัดมานาน ก็ไม่ได้อายุเจ็ดสิบแปดสิบที่จะได้เห็นภาพหลอนนะ?
เมื่อกี้เขาถามแล้ว!
วันถัดไป ตอนที่นภาลัยลืมตาขึ้นมา ภีมพลก็ไม่อยู่แล้ว
นี่เป็นเรื่องที่ก่อนหน้านี้จะเกิดขึ้นได้น้อยมาก
เขายังคงโกรธอยู่?
เธอเอาผ้าห่มออกลงจากเตียงเดินไปที่หน้าต่าง รถยังคงอยู่ในสวน!
ตอนที่เธอเปลี่ยนชุดและรีบลงมา ตอนที่กำลังเดินผ่านมุมบันได รถของเขาก็ไม่อยู่ที่สวนแล้ว
นภาลัยหยุดเดิน พิงราวบันไดอึ้งๆ มองไปยังสวนที่ว่างเปล่าอย่างนิ่งๆ
“คุณนายสวัสดีตอนเช้า” พ่อบ้านปวิธนอบน้อม
เธอกลับมามีสติ “สวัสดี” และถึงเริ่มต้นเดินใหม่
ทำไมเขาถึงโกรธ เธอกำลังร้อนรน? รู้สึกเหมือนมีมดนับไม่ถ้วนกำลังไต่อยู่?
แม้แต่อารมณ์กินข้าวเช้ายังไม่มี
“หม่ามี๊เป็นอะไรไป? ไม่มีความสุขหรอ?” แชมป์ถามตรงไปตรงมา
ขวัญข้าวถามจี้ต่อ “หม่ามี๊หรือว่าหม่ามี๊กับปาปี๊ทะเลาะกัน?”
เธอเงยหน้าขึ้นตอบกลับอัตโนมัติ “ไม่มี รีบกินข้าว กินเสร็จแล้วไปเรียน!”
ช่วงเช้าสิบโมง นภาลัยออกมาข้างนอก
วันนี้เธอวางแพลนว่าจะทำเค้กให้เขาด้วยตัวเอง ตั้งใจออกมาซื้อของ ถือเป็นของแทนคำขอโทษ
ความคิดของเธอยังหยุดอยู่ที่เมื่อคืน…….
“เธอรักฉันไหม?”
เขาถาม? หรือเธอได้ยินเสียงหลอน?
ตอนที่เธอจะเดินเข้าไปในร้านเบเกอรี่ มีมือหนึ่งจังไหล่เธอ
นภาลัยหยุดเดินและหันมอง “ไวศิษฎ์?” ตกตะลึง
ไวศิษฎ์ใส่ชุดสบายๆ รองเท้าฟุตบอลสีขาว นิ้วชี้ยังหมุนลูกบอลอยู่ หน้าผากมีเหงื่อออก
หน้าม้าแตกปิดจมูกโด่ง ดูมีเสน่ห์อยู่
“ไฮ ไม่เจอกันนาน!” เขาเดินเข้ามาทักทายก่อน ดวงตาดำส่องประกาย
นภาลัยมองไปที่สนามบอลที่อยู่ไม่ไกลและมองไปที่เขา
“ไม่เจอกันนาน ขอบใจนายที่ช่วยสอนเด็กๆ สาวินบอกฉันแล้ว”
“จะขอบคุณฉันยังไง?” เขาพูดอย่างสบาย ถามแบบตรงไป “ฉันไปอยู่ที่นั้นสิบวันไปทุกซอกทุกมุม เธอคงไม่คิดว่าพูดแค่ขอบคุณแล้วปล่อยฉันไปหรอกนะ?”
นภาลัยนึกถึงคำพูดของภีมพล ในใจเต็มไปด้วยความสับสน
ไวศิษฎ์กลับยืนมือไปเคาะที่หน้าผากเธอ “สติล่องลอยไปไหนล่ะ? กลัวฉันจะกินเธอหรือไง?”
เขายิ้มอย่างไม่มีพิษมีภัย ยากที่อารมณ์จะดี ไม่ได้รู้สึกเหมือนอันธพาล เหมือนเด็กชายที่โตส่องประกาย
“เลี้ยงข้าวฉันซักมื้อ ถือแทนคำขอบคุณ” ไวศิษฎ์พูดตรงๆ เขามองไปรอบ “ตรงนั้นมีร้านอาหารอยู่ร้านหนึ่งรสชาติไม่เลว การตกแต่งยังดูดีโอเคไหม?”
เขาพูดถึงขนาดนี้แล้ว แถมเขายังช่วยจัดการปัญหาใหญ่ให้เธอ
นภาลัยไม่มีเหตุผลไปปฏิเสธ