เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 161 เธออยู่ที่นี่อย่างยากลำบาก
“คุณลองชิมก่อนค่ะ รสชาติดีมาก”
เพล้ง–
นภาลัยยังพูดไม่ทันจบ คะนึงนิตย์ยกชามบะหมี่ขึ้นมาและเขวี้ยงชามลงบนพื้นหินอ่อน!
ผ้าไหมกับนภาลัยตกใจจนสะดุ้งโหยง!
บนพื้นเปรอะเปื้อนไปทั่ว ชามแตกเศษละเอียด จนน้ำซุปบะหมี่กระเด็นมาโดนตัวนภาลัย!
หัวใจทั้งดวงของเธอบีบรัดแน่นอย่างเจ็บปวด!
“จัดการเก็บกวาดทั้งหมดให้ฉันเดี๋ยวนี้!” คะนึงนิตย์เหล่ตามองอย่างจงเกลียดจงชัง “ไปทำมาใหม่!” จากนั้นเธอก็เดินมุ่งหน้าไปยังห้องนั่งเล่น!
ผ้าไหมจ้องมองนภาลัยอย่างเป็นห่วง แต่ทำได้เพียงรีบเดินตามไป
เมื่อมองเห็นสภาพเลอะเทอะไปทั่วห้องอาหาร น้ำซุปสีแดงยังไหลเป็นทางยาว … จู่ๆ นภาลัยรู้สึกเหนื่อยสายตัวแทบขาด
แต่เธอปลุกกำลังใจให้ตนเองต้องสู้ต่อไป
ก็ทำใหม่ไปเลยสิ!
ดังนั้นเธอจึงเก็บกวาดพื้นให้เรียบร้อย จากนั้นจึงกลับเข้าไปในห้องครัวอีกครั้งเพื่อทำแซนด์วิช เมื่อก่อนนี้ของพวกนี้เป็นสิ่งที่เด็กๆ โปรดปรานที่สุด
นภาลัยเชื่อมั่นในฝีมือของตนเอง ทำยังไงได้คะนึงนิตย์ตั้งใจทำให้เธอลำบากนี่
หลังจากเธอทำอาหารเสร็จและให้เธอลองชิม คะนึงนิตย์ก็เข้ามาในห้องอาหารอีกครั้ง
เธอก้มตัวลงเพื่อดมกลิ่น พลางย่นคิ้วและจัดการโยนแซนด์วิชลงถังขยะโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง “กลิ่นมันทะแม่งๆ นี่มันเป็นสิ่งที่แกเอาไว้เอาใจเด็กๆ เหรอเนี่ย?”
จากนั้นจึงใช้แววตาเย็นยะเยือกชำเลืองมองนภาลัย “ถ้าแกทำไม่ได้ก็ไสหัวออกไป อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าแกอีก!”
ทว่าก่อนที่ภีมพลยังไม่กลับมา เธอไม่มีวันออกไปก่อนแน่!
เพราะรับปากกับเขาไว้แล้ว ต้องทำให้อาการบาดเจ็บของแม่ของเขาฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติให้ได้
“ฉันจะไปทำให้ใหม่ค่ะ” นภาลัยพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “คุณชอบทานอะไรคะ? ช่วยบอกหนูที”
“ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรอยากกินเป็นพิเศษ รู้สึกอึดอัดใจมาก!” เธอพูดออกมาไม่กี่คำ “ถ้าเธอสามารถจับต่อมรับรสของฉันได้สำเร็จ งั้นก็ถือว่าประสบผลสำเร็จแล้ว” พูดจบ เธอก็เดินจากไปอีกครั้ง
นภาลัยยืนนิ่งอยู่หน้าโต๊ะอาหารอยู่ชั่วอึดใจ ทั้งที่ปฏิบัติตัวแสนดีเสมอมาแล้วทำไมถึงได้จืดชืดเป็นน้ำยาเย็นใส่เธอจัง?
ใจจืดใจดำตั้งแง่ไม่ชอบเธอ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตาม คะนึงนิตย์ไม่มีวันชอบขี้หน้าเธออยู่ดี
พลันเดินหันหลังเข้าครัว ความยุ่งวนเวียนกลับมาอีกครั้ง…
เมื่อคืนวานไม่ได้พักผ่อนให้เต็มที่ ดังนั้นวันนี้นภาลัยจึงรู้สึกเหนื่อย
ห้องรับแขกขนาดใหญ่
ผ้าไหมประคองคะนึงนิตย์ให้นั่งลงบนโซฟา พลันกดเสียงต่ำเพื่อพูดเกลี้ยกล่อม “คุณนายคะ คุณนายอย่าโมโหจนทำให้เสียสุขภาพนะคะ…”
“หล่อนวางใจเถอะ ฉันไม่เป็นแบบนั้นแน่” เธออึดอัดมาก ก้มหน้าลง “ฉันก็แค่ระบายอารมณ์กับเธอเท่านั้นแหละ ฉันพูดกับเธอตั้งหลายหนแล้ว ตำแหน่งคุณนายนภาเป็นของญาณี แต่เธอก็ยังไม่ยอมถอยออกสักที!”
“เธอคือรมิตานะคะ” ผ้าไหมพูด “ให้เธอไปพัฒนาตัวยาต่อเถอะค่ะ อย่าทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อร่างกายของตนเองอีกต่อไปเลยค่ะ”
“เธอมีเวลาเหลือเฟือในการพัฒนาตัวยา หล่อนวางใจเถอะ” คะนึงนิตย์อยากจะบีบเธอให้ตายจนแล้วจนรอดไป
หลังจากนภาลัยตุ๋นโจ๊กซุปรังนกออกมา ผ้าไหมบอกกับเธอ คุณนายขึ้นไปพักชั้นบนเรียบร้อยแล้ว
“…” เธอสติเลื่อนลอยไปชั่วครู่ ในขณะที่กำลังถือซุปรังนกอยู่
“นายหญิงน้อย คุณไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ?” ผ้าไหมปวดใจแทนเธอ “คุณกินข้าวเช้าเถอะค่ะ ฉวยจังหวะตอนที่คุณนายยังไม่ลงมาจากชั้นบน ตอนนี้เธอน่าจะไม่กินอะไรแล้ว”
“ฉันไม่กิน” มุมปากเธอกระดกเล็กน้อย “ฉันจะเอาโจ๊กไปอุ่นไว้ก่อน ตอนที่ท่านตื่นแล้วคุณช่วยเตือนให้ท่านดื่มด้วยนะคะ จะโกรธเคืองฉันก็ไม่เป็นไร แต่อย่าไปทรมานกระเพาะของตนเองเลยค่ะ”
ผ้าไหมเห็นเธอหันหลังเดินเข้าครัว และเห็นเธอยุ่งอยู่ตลอดเวลา…
หลังจากที่นภาลัยขึ้นมาชั้นบนแล้วก็มุ่งหน้าไปยังห้องนอนที่ภีมพลนอน เพื่อหยิบเข็มฉีดยาและสารบำรุงในลิ้นชักออกมา
เธอจัดการฉีดยาหนึ่งสลิงเข้าเส้นเลือดดำอย่างช่ำชอง จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังห้องวิจัยตัวยา
ตอนนี้ห่างจากเวลาในการทำอาหารกลางวันยังมีเวลาพักใหญ่ เธอต้องพัฒนาเวชภัณฑ์ได้ออกมาดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน
ตอนที่เธอทุ่มเทกับการวิจัย จนลืมเรื่องรอบตัวไปเสียสนิท จิตใจหมกมุ่นอยู่กับสิ่งนั้นๆ
โดยใช้เวลาสองชั่วโมง นภาลัยทดลองจนประสบผลสำเร็จ จนได้ยาที่เหมาะสมที่นำมาใช้ซ่อมแซมผิวพรรณบนใบหน้า ในที่สุดเธอจึงเผยรอยยิ้มอันเปรมปรีดิ์ออกมา
ลืมเรื่องที่คะนึงนิตย์ปฏิบัติต่อเธอไปเสียสนิท พลันถือขวดยาลงไปชั้นล่างอย่างดีใจ!
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังกุกกัก คะนึงนิตย์ที่นั่งอยู่ที่โซฟาช้อนสายตาขึ้น และใช้สายตาอันเย็นเฉียบจับจ้องมาที่ตัวเธอ ราวกับมีดเล่มหนึ่งที่ต้องการทิ่มแทงเธอให้ขาดจากกัน!
เมื่อนภาลัยลงจากชั้นบนลงมาก็มาหยุดอยู่ด้านหน้าเธอ “คุณนายคะ ยาขวดนี้เหมาะกับการทาหน้า ฉันเพิ่งวิจัยออกมาได้ เลยจะมาลองกับคุณค่ะ”
“แกควรไปทำอาหารเที่ยงได้แล้ว” คะนึงนิตย์ใช้สายตาจ้องมองเธออย่างโหดเหี้ยม นัยน์ตาเย็นชาและเฉียบคม “ข้าวเที่ยงไม่เกินเที่ยงตรง”
นภาลัยชำเลืองมอง นาฬิกาติดฝาผนังแวบหนึ่ง นี่มัน 11โมงครึ่งแล้ว!!!