เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 164 คะนึงนิตย์ต้องการทำอะไร?
“งั้นนายหญิงนภาต้องสวยมากแน่ๆ พวกเธอดูน้องผู้หญิงคนนั้นสิ หน้าตาละมุนละไมแฉล้มแช่มช้อยมาก!”
“……”
ญาณีพูดภาษาอังกฤษคล่องมาก เธอสื่อสารกับวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศอย่างไร้อุปสรรคกับทุกคนตลอดทาง มารยาทสง่างามทุกกระเบียดนิ้ว พูดจาฉะฉาน จนเรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงเต็มตัวที่มีเสน่ห์อย่างครบถ้วน
เมื่อได้ยินพ่อบ้านกล่าวแนะนำปราสาทอย่างละเอียด คอยชื่นชมภาพวิวทิวทัศน์ทางด้านหน้า ภีมพลพูดกับเด็กๆ ทันที “ถ้าหม่ามี๊มาด้วยก็คงจะดีมากเนอะ พ่อจะถ่ายรูปให้พวกหนูทั้งสามคนบริเวณตรงนี้เลย”
“…” รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าญาณีแข็งทื่อ คำพูดมันทิ่มแทงหัวใจอย่างเจ็บปวด
ภีมพลคิดถึงแต่เธอคนนั้นอยู่ชั่วทุกวินาทีใช่มั้ยเนี่ย!
เมืองไนร์ก้าอีกฟากฝั่งหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิก ภายในรีพัลส์เบย์ วิลล่าที่มีราคาที่ดินอันแพงหูฉี่
ครีมยาทาหน้าก็ส่งมอบให้ผ้าไหมแล้ว ต่อไปผ้าไหมคือมีหน้าที่รับผิดชอบทายาให้แก่คุณนาย
นภาลัยกำลังล้างจานอยู่ในครัว เพิ่งถูห้องเสร็จเมื่อครู่เอง โรบอตเครื่องดูดฝุ่นก็ไม่ให้ใช้ เครื่องล้างจานก็ไม่ให้ใช้อีก
ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านยากจนแห่งหนึ่ง ลงไปขุดรากบัวในบ่อโคลนตม ปลูกต้นไม้ทุกอย่างลงบนเขาทุกลูก ฆ่าแกะและจัดการแบ่งเนื้อให้ชาวบ้านทานด้วยมือของตนเอง แล้วจะมาล้มเลิกเพราะงานบ้านเล็กน้อยแค่นี้เหรอ?”
เธอไม่เพียงทำคนเดียว แถมยังทำได้ดีมากด้วย!
ตอนที่คะนึงนิตย์เข้ามาตรวจสอบนั้น พลันเกิดความรู้สึกตกใจทันที
หลังจากนภาลัยทำงานเสร็จจึงขึ้นไปยังชั้นบน เพื่อเดินเข้าไปยังห้องวิจัยตัวยาเวชภัณฑ์ เธอต้องการประหยัดเวลาให้เร็วขึ้น จึงต้องวิจัยยาที่สามารถรักษาอาการโรคกระเพาะของภีมพลด้วย และยังมีอาการแผลจากการถูกไฟคลอกตรงแผ่นหลังของเขาอีก … ก่อนหน้าที่จะถูกคะนึงนิตย์ไล่ตะเพิดไป ก็ต้องรักษาเขาให้หายเช่นเดียวกัน!
โทรศัพท์ดังขึ้น นภาลัยหลุดออกจากความคิด เธอเหล่ตามองชื่อที่ปรากฏให้เห็น และเดินมากดรับตรงด้านหน้าของหน้าต่าง “ศิษฎ์”
“ออกมาดื่มชาสักแก้วกันมั้ย? ไม่ได้เจอหน้าเจอตามานานแล้ว” ไวศิษฎ์เสนอคำเชิญเธออย่างอารมณ์ดี กระทั่งเธอสามารถจินตนาการได้ว่าตอนนี้เขาคงนั่งไขว่ห้างอยู่ และภาพนั่งอาบแดดอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวอย่างเพลิดเพลิน
“ฉันไม่มีเวลานะสิ” นภาลัยอมยิ้ม “วันนี้นายไม่ถ่ายละครเหรอ?”
“ผมถ่ายเสร็จแล้ว วันนี้มีแค่สองฉากเอง!” น้ำเสียงของเขาน่าฟังหมดจด แถมเอ่ยถามอย่างมั่นใจ “ช่วงนี้สามีคุณเป็นไงบ้าง? ทำไมผมเข้ามาอยู่ในวงการแล้วไม่เห็นเขามีปฏิกิริยาอะไรเลย? ขนาดเรื่องนี้ยังกระตุกหนวดเขาไม่ได้อีกเหรอ?”
“ศิษฎ์” นภาลันถามอย่างจริงจัง “นายคือน้องชายพ่อเดียวกันแต่ต่างมารดากับภีมพลใช่มั้ย?”
“…” เสียงปลายสายเงียบกริบ
นภาลัยคิดอยากจะช่วยเป็นกาวใจทางด้านความสัมพันธ์ให้แก่พวกเขา ทั้งๆ ที่เป็นคนขาดความรักแต่กลับให้ความสำคัญเรื่องความรู้สึกมากก็ตาม เธอไม่เคยลืมเลือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับภีมพลในสนามเด็กเล่นวันนั้นได้เลย เมื่อได้รับโทรศัพท์ก็กระหืดกระหอบไปช่วยศิษฎ์จัดการเรื่องราวต่างๆ ที่สถานีตำรวจทันที
เธอไม่เคยเห็นภีมพลจะร้อนใจเพื่อใครสักคนได้เท่านี้อีกแล้ว
ผ่านไปสักพัก จึงมีเสียงไวศิษฎ์ดังขึ้นมาอีกครั้ง เขาหัวเราะร่วน “เขาพูดเรื่องเก่าเก็บนี้กับคุณด้วยเหรอ?”
“ฉันเดาเอา เขาไม่ได้พูดถึงเลย”
“งั้นก็ประมาณนั้นนะสิ ไม่งั้นเรื่องนอกเหนือการยอมรับนี้ เธอไปรู้มาได้ยังไง?”
นภาลัยไม่อยากให้ความเข้าใจผิดของพวกเขายิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อย “ศิษฎ์ ฉัน…”
“ผมตอบคุณได้นะ แต่คุณก็ต้องตอบคำถามผมมาข้อหนึ่งเหมือนกัน แบบนี้ถึงจะเรียกว่าเสมอภาค” ไวศิษฎ์ถามอย่างตรงไปตรงมา “เขาย้ายเข้าไปพักที่รีพัลส์เบย์ วิลล่า ทำไม? คะนึงนิตย์ยัยแม่มดร้ายนั่นใกล้ตายแล้วใช่มั้ย?”
ลมหายใจนภาลัยขาดห้วง จริงๆ แล้วในคำถามของเขายังซุกซ่อนคำตอบเอาไว้
ไวศิษฎ์จงเกลียดจงชังคะนึงนิตย์มาก…
“ศิษฎ์ เราค่อยนัดกันคราวหน้านะ” นภาลัยอยากทำอะไรเพื่อพวกเขาสองคน “ตอนนี้ฉันยุ่งมาก บ๊ายบายนะ” พูดจบ เธอก็จบการสื่อสารทันที
อารมณ์ไม่สามารถสงบลงได้นาน…
นภาลัยเองก็ไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไรไป ทำไมจู่ๆ ถึงได้ถามคำถามนี้ขึ้นมา? คล้ายว่าไม่เคยคิดถึงผลลัพธ์มาก่อน
ขณะนั้น รถลินคอล์นลีมูซีนคันหรูจอดอยู่ด้านหน้าเอเมอรัลด์ เบย์ วิลล่า ช่างโอ่อ่า และงดงาม
คนขับรถแต่งตัวสะอาดสะอ้านเนี๊ยบทั้งชุดคอยเปิดประตูรถให้อย่างสุภาพบุรุษ
พ่อบ้านปวิธคอยยืนอยู่ด้านข้างประตูรถยนต์ และคอยต้อนรับขับสู้บุคคลที่กำลังลงจากรถ “สวัสดีครับคุณนาย”
คะนึงนิตย์ก้าวขาออกมากว้างๆ มือที่สวมถุงมือวางพาดแขนของพ่อบ้านปวิธที่ยื่นให้ เพื่อให้เธอลงจากรถ
ในใจไร้ความเคร่งครัด มุมปากกระดกรอยยิ้มบาง ภีมพลไม่อยู่ นภาลัยก็ไม่อยู่
“สวัสดีค่ะคุณนาย”
เมื่อเดินเข้าห้องนั่งเล่น บ่าวไพร่คนรับใช้ยืนทำความเคารพเธอเป็นแถว ซึ่งล้วนแสดงความยำเกรงต่อเธออย่างเต็มที่
คะนึงนิตย์เดินมุ่งหน้าไปยังโซฟา ด้วยท่าทางเย็นชาเหมือนเคย มีคนจำนวนมากมายต่างเงียบกริบ จนได้ยินเสียงฝีเท้าอันเย็นยะเยือกของเธอจากในห้องนั่งเล่น