เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่242 อาจจะกลายเป็นเจ้าชายนิทรา
ไม่รอให้ผู้กำกับเอ่ยปากรั้งไว้ให้อยู่ เธอก็หันกายขึ้นรถบ้านที่อยู่ไม่ไกลแล้ว
“สองคนนี้…เป็นอะไรกัน?” มีคนสงสัยและดูเหมือนว่าจะมองเห็นอะไรบางอย่าง
ในเวลานั้นเอง ปากของหนุ่มผู้ช่วยผู้จัดการกองถ่ายก็ไม่มีอะไรมาหยุดไว้ได้“เรื่องที่ทุกคนต่างก็มองออก ไม่เห็นต้องถามเลย อยู่ด้วยกันทุกวัน จะไม่ให้สปาร์คกันเห็นจะยาก”
“ในที่สุดคุณเขม์ก็มีผู้ชายที่เธอสนใจแล้ว?”
“นั่นนะสิ?”
“ฉันว่าศิษฎ์ไม่ค่อยชอบเธอเท่าไหร่นะ?พูดคุยเป็นการส่วนตัวก็ไม่มี”
“ใครจะไปรู้?อาจจะพยายามเลี่ยงก็ได้ เรื่องส่วนตัวบอกอะไรแน่นอนไม่ได้หรอก”
สิบกว่านาทีต่อมา รถวอลโว่คันสีดำก็ขับเข้าไปในลานบ้านของวิลล่าที่มีวิวทะเล
ประตูฝั่งคนขับรถเปิดออก ไวศิษฎ์ลงจากรถ สายตาเหลือบไปเห็นร่างที่นั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟากลางแจ้ง
เธอยังมองฟ้าอยู่อีก?
ในเวลานั้นเองพี่กุ้งก็เดินออกมาจากห้องรับแขกพอดี “คุณไวศิษฎ์ อาหารเย็นพร้อมแล้วค่ะ”
“ผมจะไปเรียกเธอ”เขาหยุดพี่กุ้งเอาไว้แล้วก้าวฝีเท้าไปหานภาลัยด้วยตนเอง
ลมเย็นพัดโชยมา กลิ่นหอมของดอกลิลลี่ก็อบอวล หอมเป็นอย่างมาก
ยิ่งเข้าใกล้เธอมากขึ้น ไวศิษฎ์ก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอใสราวกับหยกหมึก โดยเฉพาะกลิ่นหอมเย็นอันสงบสงัดติดกายนั่นเป็นสิ่งที่ถูกใจเขามาก
ไวศิษฎ์ยืนนิ่งอยู่ข้างนภาลัย เงาของเขาปกคลุมบนร่างเธอ
“เข้าไปทานอาหารเย็นกันเถอะ”น้ำเสียงของเขาสงบนิ่ง “พี่กุ้งบอกว่าเธอไม่ทานอาหารกลางวัน ถ้าทำแบบนี้ต่อไปร่างกายจะแย่เอาได้นะ”
“ฉันไม่อยากทานน่ะ” เธอยังคงมองดูเมฆบนท้องฟ้า เธอเอ่ยออกมาเสียงเรียบ “นายไปทานเถอะ”
ที่เธอทำร้ายแบบนี้กับตัวเองเขาไม่ชอบที่สุด สายตาของไวศิษฎ์หนักอึ้ง “ถึงเธอไม่หิวก็น่าจะทานเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ?ฉันช่วยเขาแล้ว เธอก็ควรจะขอบคุณฉันเหรอไม่ใช่เหรอ ?”
“…”ร่างกายของเธอพลันตึงแน่นอย่างช่วยไม่ได้ รู้สึกกังวลอย่างอธิบายไม่ถูก
“ฉันไม่ได้ขออะไรมากมาย แค่ทานข้าวเท่านั้นเอง”
เธอไม่กล้าที่จะยั่วโมโหเขา ดังนั้นจึงสวมรองเท้าและยืนขึ้นเบื้องหน้าเขา
ในระยะใกล้ สายตาของทั้งสองก็ประสานกัน
เธอไม่ได้กล่าวอะไร เพียงเดินผ่านเขาแล้วเดินไปที่ห้องอาหารเพียงลำพัง
ไวศิษฎ์ไม่เข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอเอาแต่คิดถึงภีมพลทั้งวันเลยเหรอ?
เมื่อเขาเข้าไปในห้องอาหาร นภาลัยก็นั่งลงบนเก้าอี้ทานอาหารตัวสีขาวเป็นที่เรียบร้อย สีหน้าของเธอเย็นชาและเฉยเมย
พี่กุ้งได้เตรียมชามและตะเกียบบนโต๊ะอาหารให้เธอไว้แล้ว
อาหารเย็นวันนี้หลากหลายมาก เป็นไปตามมาตรฐานทางโภชนาการของอาหารบำรุงกำลังหลังคลอดอย่างเคร่งครัด
มีซุปน้ำตาลทรายแดง ซุปรากบัว ไข่ตุ๋นนม อินทผาลัมและถั่วแดง โจ๊กข้าวฟ่าง ซุปปลา เนื้อแผ่น…
ไวศิษฎ์นั่งลงตรงข้ามและทานอาหารเย็นด้วยกันกับเธอ
โคมไฟคริสตัลระย้าเหนือศีรษะเปล่งแสงเจิดจ้า และกลิ่นหอมของดอกลิลลี่ยังคงตลบอบอวลอยู่ในอากาศ แต่ทั้งสองคนไม่ได้สบตากันและยิ่งกว่านั้นคือไม่มีการสื่อสารด้วยคำพูด
นิวยอร์ก ภายในห้องVIPของโรงพยาบาล
ภีมพลยังไม่ฟื้น เขาถอดหน้ากากออกซิเจนออกแล้ว แต่ลมหายใจยังคงโรยแรงอยู่ เป็นที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีอันตรายต่อชีวิต
ญาณียังคงทานอาหารอะไรไม่ลง ทานเพียงโจ๊กเล็กน้อยเท่านั้น เธอนั่งอยู่ปลายเตียงเพื่อเฝ้าดูแลเขา
กังวลว่าเขาจะไม่ฟื้นขึ้นมา ทั้งยังกังวลว่าหากเขาฟื้นขึ้นมาแล้วจะออกไปตามหานภาลัยอีก
ความขัดแย้งอัดแน่นอยู่ภายในหัวใจของเธอ และเธอก็ถูกกำหนดให้อยู่ห่างไกลจากความสุข
ร่างกายของคะนึงนิตย์ซูบผอมลงไปมาก และดวงตาก็บวมแดงอยู่ตลอด ตั้งแต่วันนั้นที่รู้ว่าลูกชายของตนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นต้นมา ความสุขของเธอทั้งหมดก็ได้หายไป
กรินทร์ยังคงอยู่ในนิวยอร์ก กำลังพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญในห้องทำงานอยู่ ณ ขณะนี้
“มีโอกาสที่จะกลายเป็นเจ้าชายนิทราสูงมาก”ผู้เชี่ยวชาญถอนหายใจพลางส่ายหัวด้วยความรู้สึกเสียใจ “หลักๆ เลยคือสมองได้รับบาดเจ็บ สามารถรักษาชีวิตหนึ่งไว้ได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว”
ความรู้สึกของกรินทร์ของหนักอึ้งอย่างมาก “บางสิ่งบางอย่างก็คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของกาลเวลา แต่ฉันก็จะพยายามทำอย่างเต็มกำลังที่สุด หากเขากลายเป็นเจ้าชายนิทรา เช่นนั้นจะต่างอะไรกับตายล่ะ?”
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณเชี่ยวชาญ คุณเองมีความตั้งใจแต่ไร้อำนาจ”ผู้เชี่ยวชาญจี้ถูกจุดสำคัญ“แต่คุณก็สามารถลองดูได้”
“เขาเป็นเพื่อนของผม”กรินทร์กล่าว“และก็เป็นสามีของอาจารย์ผมด้วย ผมต้องรับผิดชอบและมีหน้าที่ที่ต้องรักษาเขาให้หาย”
“คุณก็สู้ๆ”
“……”อันที่จริงในใจของกรินทร์ก็ไม่ชัดเจน
เมืองไนร์ก้า ในวิลล่าเดี่ยวขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
ไฟห้องนอนบนชั้นสองสว่างไสว เขมินทราที่สวมชุดอยู่บ้านนั่งลงบนโซฟาริมหน้าต่าง เธอหยิบมือถือออกมากำลังจะโทรศัพท์
ประตูห้องก็ถูกตีส่งเสียงดัง ใช่ ตีไม่ใช่เคาะ
เธอขมวดคิ้วและมองไปที่บานประตูที่ปิดสนิท สายตาของเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจ!
เพียะเพียะเพียะ!
เสียงยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ