เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่245 นิ้วของภีมพลขยับแล้ว
ในขณะที่เสียงรอสายดังขึ้น หัวใจของเธอก็ถูกจับแล้วดึงจนกลายเป็นก้อน
อยากจะทราบข่าวของเขา แต่ก็กลัวว่าจะเป็นข่าวร้าย…ในหัวใจรู้สึกประหม่า ขัดแย้ง และไม่สงบ
“ฮัลโหล”เสียงกริ่งสิ้นสุดลง เสียงที่คุ้นเคยของกรินทร์ก็ดังขึ้น “สวัสดีครับ ผมกรินทร์ครับ”
“ฉันเอง”นภาลัยเอ่ยปากเสียงเบา “เขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
“อาจารย์?”กรินทร์ประหลาดใจมาก “นี่เป็นเบอร์คุณเหรอ?”
“ไม่ใช่” เธอพยายามสงบอารมณ์ทั้งน้ำตา “นี่เป็นโทรศัพท์มือถือของไวศิษฎ์ นายรีบบอกฉันที ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง?อาการเฉพาะเป็นอย่างไร?พ้นขีดอันตรายแล้วจริงหรือ?”
“พ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่ว่ายังไม่ฟื้น” กรินทร์บอกเธอตามความจริง “ไม่รู้เหมือนกันว่าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ อาจจะกลายเป็นเจ้าชายนิทรา หรือไม่ก็อาจจะ…ฟื้นขึ้นมาในวันใดวันหนึ่งอันใกล้นี้ก็ได้”
คำพูดของเขาไร้ซึ่งความมั่นใจ
น้ำตาหลั่งไหล นภาลัยรู้สึกได้เพียงความเจ็บปวดที่แผดเผาประเดประดังเข้ามา และความเศร้าใจก็วาบผ่านสายตาของเธอ “นายหาวิธีปลุกเขาให้ฟื้นขึ้นมาได้ใช่ไหม?นายจะพยายามใช่ไหม?”
ฝากฝังความหวังทั้งหมดไว้ที่ลูกศิษย์
“เขาจะกลายเป็นเจ้าชายนิทราไม่ได้!”ภายในหัวใจของนภาลัยเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เสียงของเธอสั่นสะอื้น “เขาคือชายผู้มีเกียรติและเป็นตำนานแห่งโลกธุรกิจ ถ้าเขากลายเป็นเจ้าชายนิทราแล้วมันจะต่างกับตายยังไงล่ะ?”
“อาจารย์…”หัวใจของกรินทร์เองก็บีบคั้น “ผมจะพยายาม แต่ว่า…หลายๆ สิ่งใช่ว่าจะได้มาด้วยความพยายามเสมอไป เพราะงั้นหากผมทำไม่ได้ ขออาจารย์อย่าโทษผม”
เธอกำโทรศัพท์มือถือและร้องไห้ออกมาราวกับสายฝน แม้แต่หายใจก็ยังเจ็บปวด “ฉันไม่โทษนายหรอก… ฉันแค่เกลียดตัวเอง”
“อาจารย์สบายดีไหม?”กรินทร์เป็นห่วงความรู้สึกของเธอ “คุณอยู่ที่ไหน? เขาทำอะไรคุณหรือเปล่า?”
นภาลัยไม่ตอบ เธอวางสายอย่างเศร้าใจและค่อยๆ เอาโทรศัพท์ออกจากหูของเธอ
ชั่วขณะหนึ่งเธอรู้สึกถึงเพียงอากาศรอบๆ เต็มไปด้วยเศษแก้ว และทุกครั้งที่สูดลมหายใจมันก็ทิ่มลงที่ปอดของเธอ
เจ้าชายนิทรา……
เขาอาจจะกลายเป็นเจ้าชายนิทรา……
นี่คือความจริงที่ไม่ว่าอย่างไรนภาลัยก็ไม่สามารถยอมรับได้
คืนนั้นเธอร้องไห้และกล่าวโทษตัวเองอยู่นานมาก
คืนนั้นเธอเปิดอัลบั้มรูปซ้ำแล้วซ้ำเล่า และลูบไล้ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม น้ำตาค่อยๆ ไหลลงมาทีละหยดบนรูปใบหน้าของเขา หยดน้ำตาไหลพร่างพราวอย่างสิ้นหวัง
คืนนี้เธอนอนไม่หลับอีกครา…
นอนกอดอัลบั้มรูปใต้ผ้าห่ม ทำอย่างไรน้ำตาก็ไหลไม่หยุด ราวกับก๊อกน้ำที่หัวปิดเปิดพัง
เจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกจนแหลกสลาย ชุ่มไปด้วยเลือดและถูกทำลายจนราบ
ภายในห้องถัดไป บนโต๊ะมีขวดไวน์สองขวดว่างเปล่าวางอยู่ และในอากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นไวน์ฉุน
ในมือไวศิษฎ์ถือขวดวิสกี้ที่มีอยู่ครึ่งขวด เขายังคงดื่มอยู่ และอารมณ์ไม่ดีนัก
หากภีมพลไม่ฟื้นขึ้นมา เขาแย่งนภาลัยไปได้แล้วจะมีความหมายอะไร?
เขาแค่อยากเห็นภีมพลเจ็บปวด อยากเห็นเขาบ้าคลั่ง!พานภาลัยไปอวดต่อหน้าเขา!
เขาแน่นักไม่ใช่เหรอ?เขาเก่งกล้าสามารถนักไม่ใช่เหรอ?
นอนอยู่อย่างนั้นจะทำอะไรได้?!
หยาดน้ำตาประกายในดวงตาของไวศิษฎ์ สีหน้าของเขาเคร่งขรึมอย่างยิ่ง ลึกลงไปในหัวใจของเขาเองก็หวังว่าภีมพลจะฟื้นขึ้นมาล่ะ?
ชั่วพริบตาก็ผ่านไปแล้วสองเดือน——
ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมานภาลัยไม่ได้ออกไปไหน เธออยู่ที่วิลล่าติดวิวทะเลตลอด บนใบหน้าไร้ซึ่งรอยยิ้ม และไม่ค่อยพูดจา ภายในใจของเธอเป็นห่วงภีมพลอยู่เสมอ
แต่ไม่กล้าขอโทรศัพท์ไวศิษฎ์อีก เพราะกลัวจะไปยั่วยุให้เขาโกรธ จนทำให้เขาทำอะไรเกินเลยกับเธอ
ไวศิษฎ์จะออกไปถ่ายละครทุกวันและหลังเลิกงานก็จะกลับบ้านมาทานอาหารเย็นกับเธอ
ไม่มีการพูดคุย แต่ก็อยู่ในความสงบ
นิวยอร์กในห้องผู้ป่วยวีไอพีที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนา
ญาณีเฝ้าอยู่หน้าเตียงผู้ป่วยมาเป็นเวลา 2 เดือน เธอไม่มีกะจิตกะใจที่จะไปจัดการดูแลกิจการของบริษัทเลย โชคดีที่วริศยังคงสามารถรับมือให้ผ่านไปได้ คะนึงนิตย์ก็เบาใจเช่นกัน
ภายในห้องเงียบเป็นพิเศษ สายลมต้นฤดูร้อนพัดผ้าม่านปลิวไหว
ภีมพลยังไม่ฟื้น บาดแผลบนร่างกายของเขาหายดีแล้ว และผ้าก๊อซก็ถูกดึงออก และใบหน้าหล่อเหลาอันโดดเด่นของเขาก็ได้เผยออกมาอีกครั้ง
ในขณะที่ญาณีมองไม่เห็นความหวังใด ๆ นิ้วก้อยที่เห็นกระดูกอย่างชัดเจนนั้นก็ขยับโดยไม่รู้ตัว
เธอจ้องที่มือข้างนั้นด้วยดวงตาเบิกกว้าง ในขณะนั้นเธอคิดว่ามันเป็นภาพหลอน!