เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่260 อยากตายเหรอไง?
ขวัญข้าวเองก็พยักหน้า “แต่ว่าพี่ชาย ตอนนี้ป๊าปี๊ไม่มีความทรงจำที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับพวกเราเลย ต่อให้ไปประท้วงตรงๆ ก็คงไม่ฟังพวกเราหรอก”
“ดังนั้นนะ เราต้องสร้างความน่าเชื่อถือขึ้นใหม่”แชมป์ใช้เวลาทั้งวันที่โรงเรียนอนุบาลในการครุ่นคิด เขาพูด “ตอนแรกเราได้รับความสนใจจากเขาได้ยังไง ตอนนี้เราก็มาเริ่มใหม่กันเถอะ!”
“พี่แฮ็คระบบของเขาหรอ?”ขวัญข้าวตกใจ ปิดปากของเธอและเบิกตามอง
แชมป์ส่ายหัวและยิ้มอย่างลึกลับ“คราวนี้ไม่ได้แฮ็กเขา แต่แฮ็กคู่แข่งของเขาต่างหาก!”
ขวัญข้าวยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ไม่ได้มีความกล้าอย่างเด็กผู้ชาย เธอจับมือพี่ชายเอาไว้ “จะไม่ทำให้ป๊าปี๊ลำบากใช่มั้ย?”
“ใครจะรู้ว่าพวกเราเป็นคนทำ?”เด็กน้อยมั่นใจอย่างมาก “คนอื่นนั่นแหละที่จะลำบาก เธอคิดดูนะ ถ้าเราฉลาดขนาดนี้ป๊าปี๊จะไม่เพียงชื่นชมเรา แต่ยังชื่นชมหม่ามี้ที่อยู่เบื้องหลังพวกเราด้วย เพราะหม่ามี้เลี้ยงดูเรามา!”
“ใช่ เขาจะให้ความสนใจกับหม่ามี้!ต่อให้เขาความจำเสื่อม แต่เขาก็อาจจะกลับมารักหม่ามี้ได้อีกครั้ง!”
“ดังนั้นขวัญข้าว วันนี้เราจะกลับไปวางแผนอย่างละเอียดเพื่อช่วยให้ป๊าปี๊และหม่ามี้กลับมาพบกันอีกครั้ง”
ยามค่ำคืน
วิลล่าติดวิวทะเล อาหารเย็นเตรียมพร้อมแล้ว
พี่กุ้งกำลังโทรศัพท์หาไวศิษฎ์ เธอโทรไปแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีใครรับสาย
เธออดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล ถ้านี่เป็นตอนปกติ คุณชายศิษฎ์ต้องกลับมาทานอาหารเย็นกับคุณนภาแน่นอน
“คุณนภา คุณทานก่อนเถอะค่ะ”พี่กุ้งเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะปวดท้อง “ไม่ต้องรอแล้วค่ะ”หลังจากวางโทรศัพท์ เธอก็ไปตักข้าว
นภาลัยหันไปมองเธอ “พี่กุ้ง พี่คุ้นเคยกับเขามานานแล้วเหรอ? รู้จักกันมานานแล้วหรือเปล่า?”
“ใช่ค่ะ รู้จักเกือบจะ20ปีแล้ว”ภายในดวงตาของพี่กุ้งมีอะไรบางอย่าง
และนภาลัยเองก็มองออกกับสายตาของเธอนี้ เธอไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม
เธอรู้สึกว่าพี่กุ้งน่าจะเป็นคนที่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างไวศิษฎ์กับภีมพล
พี่กุ้งยกชามข้าวมาสองชามเพื่อมาทานข้าวกับเธอ
เมื่อสูญเสียลูกไปหนึ่งคน นภาลัยก็ทุกข์ทรมานอยู่แล้ว แต่เธอก็เป็นกังวลอยู่ตลอดเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของภีมพล
เขาหายดีแล้ว แม่กำลังจะแต่งงาน
เธอเริ่มรู้สึกเจ็บปวดแทนลูกขึ้นมา……
พรหมลิขิตยังมาไม่ถึง จึงบังคับมันไม่ได้
หลังอาหารเย็น นภาลัยไม่ได้ขึ้นไปข้างบน เธอนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟาที่ห้องรับแขก
ละครเรื่องที่นำแสดงโดยไวศิษฎ์และเขมินทรา กำลังจะถ่ายเสร็จสมบูรณ์ และภาพนิ่งบางส่วนก็ถูกปล่อยออกมาแล้ว
พวกเขาดูเข้าคู่กันได้ดีมาก ไวศิษฎ์เองก็ขึ้นกล้องมากด้วย
เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงข่าวของวันนี้…ภีมพลและญาณีจะแต่งงานกันวันที่ 18 เดือนหน้า
เธอจะพาลูกๆ ออกมายังไงดี?พรุ่งนี้ลองไปโรงเรียนอนุบาลดูสักหน่อย
เวลา 3 ทุ่ม
นภาลัยยังคงฝังตัวดูทีวีอยู่บนโซฟา เธอยังไม่ง่วงและไม่อยากขยับตัว
ไฟหน้ารถที่แสบตาส่องแสงมา!
เธอหันไปเห็นรถจอดนิ่งอยู่ที่สวน
ผ่านไปไม่นาน ไวศิษฎ์ก็เดินโซเซเข้าไปในห้องรับแขก
พี่กุ้งก้าวไปข้างหน้าเพื่อพยุงเขาเอาไว้ “คุณชายศิษฎ์ คุณดื่มเหล้าเหรอคะ?”กลิ่นไวน์ฉุนแสบจมูกทำให้เธอขมวดคิ้ว
เมาแล้วขับ?
นภาลัยลุกขึ้นยืนด้วยใจหวาดกังวล!
ไวศิษฎ์กลับผลักพี่กุ้งออก เขาเมาและสายตาก็เบลอ ร่างของนภาลัยซ้อนทับกันอยู่เบื้องหน้าเขา
เขาเดินไปที่โซฟา คว้าข้อมือเธอเอาไว้แล้วลากเธอขึ้นไปที่บันได!
“ศิษฎ์ นายเมาแล้วขับหรือเปล่า?”นภาลัยเขากระชากจนโชเช “นายอยากตายหรือไง?”เธอไม่ได้ดิ้นให้หลุดพ้น เธอช่วยพยุงเขาขึ้นชั้นบนในฐานะน้องชาย
เขาไม่ได้ตอบ เขามีเรื่องมากมายที่อยากจะพูดกับเธอ!
ในใจของเขาไม่มีความสุขและเพิ่งไปดื่มมา
พี่กุ้งเดินตามขึ้นชั้นบนอย่างไม่สบายใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?จะทะเลาะกันเหรอ?
แต่กลับถูกขังไว้ด้านนอกประตูเสียงดังปัง!
พี่กุ้งร้อนรนและเป็นกังวลใจไม่หยุด “คุณชายศิษฎ์!”เธอทุบประตู ไม่มีเสียงผู้ใดขานรับ ทำได้เพียงยืนอยู่ข้างนอกอย่างกังวลใจโดยที่ทำอะไรไม่ได้เท่านั้น
ไวศิษฎ์โยนนภาลัยลงบนเตียง เขายืนโงนเงนจ้องเธออยู่ปลายเตียง ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด