เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 303 ถ่ายภาพครอบครัว
ในอาคารสตูดิโอถ่ายภาพชั้นบนมีพื้นที่หลายร้อยตารางเมตรและมีฉากต่างๆตั้งอยู่
เป็นแนวยาวแบบเคลื่อนที่วางชิดกับผนัง
ทั้งช่างแต่งหน้า ช่างภาพ สไตลิสต์ คนดูแลแสง และครูสอนโพสต์ท่าได้รออยู่ที่นั่นแล้ว
“คุณนายกงพลี เลือกเสื้อผ้าเลยไหมคะ?”
เสียงนั้นทำให้นภาลัยรู้สึกอึดอัดใจมาก แต่กลับไม่รู้ว่าจะตอบกลับยังไง
แต่ภีมพลแสดงออกอย่างนิ่งเฉยราวกับไม่ได้เสียงอะไร
“แม่ครับ ไปเลือกกัน ไปเลือกกันเถอะครับ”
เด็กๆ ดึงแขนพ่อกับแม่ไปยังราวแขวนอย่างตื่นเต้น และภีมพลเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
นภาลัยและขวัญข้าว เปลี่ยนเป็นกระโปรงยีนสีขาวพิมพ์ลาย และเสื้อยืดสีเขียวเข้มพร้อมกับแว่นกันแดดอย่างรวดเร็ว
ส่วนแชมป์กับภีมพลสวมเสื้อยืดสีเขียวเข้มและกางเกงขาสั้นผ้ายีนสีขาว สวมแว่นกันแดดเท่ๆ อีกรุ่นหนึ่ง
ครอบครัวสี่พ่อแม่ลูกสมัยใหม่ ถึงแม้ไม่ค่อยพูดคุยสื่อสารกันมากนัก แต่ก็ดูอบอุ่นและน่ารัก
ทุกคนยังมีข้อสงสัยว่าภีมพลรักใครกันแน่? งานแต่งงานในเดือนหน้าสามารถจัดขึ้นตามกำหนดได้หรือไม่?
ช่างภาพในสตูดิโอแห่งนั้นเป็นช่างภาพมืออาชีพมาก เขาร้องเพลงภาษาอังกฤษฟังด้วยจังหวะที่ร่าเริงซึ่งกระตุ้นอารมณ์ของเด็กๆ ได้ดี
ทันทีที่เปิดเครื่องทำฟองสบู่ ฟองอากาศหลากสีนับไม่ถ้วนก็ลอยวนไปมาในอากาศ เด็กๆไล่เป่ามันอย่างมีความสุข
สายตาของภีมพลจับจ้องไปที่นภาลัย ทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย
เธอสวยและสง่างามราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ แต่กลับรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
ช่างภาพถ่ายภาพความอบอุ่นและมีความสุขนั้น เมื่อคนที่ดูดีถ่ายภาพ การรีทัชก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป
“แม่ครับ ยืนตรงนี้สิ”
“แม่คะ ขยับเข้ามาใกล้พ่ออีกหน่อย”
นภาลัยที่ค่อนข้างระมัดระวังตัวและไม่กล้าสบตาภีมพลในตอนแรก
แต่ด้วยความพยายามของเด็กๆ ครอบครัวทั้งสี่ก็ค่อยๆ ใกล้ชิดกันมากขึ้น ปฏิสัมพันธ์ระหว่างภีมพลและนภาลัยก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
บางครั้งเขาจะช่วยเธอจัดผมยุ่งๆ หรือเอามือโอบไหล่เธอ…
เมื่อกล้องถ่าย ทุกคนหยุดนิ่ง รูปภาพถูกถ่ายออกมาอย่างอบอุ่นและสมบูรณ์แบบ
พวกเขาเปลี่ยนชุดทั้งหมด 5 ชุดและถ่ายภาพครอบครัว 5 สไตล์ที่แตกต่างกัน
เด็กๆ กำลังiรู้สึกสนุกสนานอย่างมาก!
เดิมทีรูปที่ต้องถ่ายส่งมีเพียงรูปเดียว แต่พอถ่ายไปถ่ายมากลับรู้สึกไม่อยากหยุด
ในเมื่อเด็กๆ รู้สึกสนุก คนใหญ่จึงรู้สึกดีใจตามไปด้วย
“พ่อครับ พ่อคิดยังไงกับชุดแต่งงานผู้ใหญ่และเด็กชุดนั้นเหรอครับ?” แชมป์ชี้ไปยังชุดแต่งงานบนไม้แขวนที่อยู่ไม่ไกลออกไป “แม่ครับ ขวัญข้าว ไปเปลี่ยนชุดนั่นด้วยเลย ต้องสวยมากแน่ๆ!”
นภาลัยตะลึง ชุดแต่งงานเป็นสิ่งที่เธอไม่อาจเอื้อมถึง เธอไม่มีสิทธิ์ในการสวมชุดนั้น
“ไปสิครับ มัวยืนอึ้งอยู่ทำไม” แชมป์พูดอย่างรีบร้อน
นภาลัยเหลือบตามองต่ำ สายตาที่สงบนิ่งของภีมพลจ้องไปที่ใบหน้าของเธอ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อเธอเหลือบตาขึ้น ดวงตาของเธอก็บรรจบกับภีมพลโดยไม่ได้ตั้งใจ
เขาเม้มริมฝีปากบางด้วยสีหน้านิ่ง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่คัดค้านอะไรเลย
ขณะนั้นช่างภาพพูดขึ้นว่า “ชุดนี้ถ่ายออกมาแล้วสวยมากครับ เป็นชุดแต่งงานคู่กันกับชุดเจ้าหญิงตัวน้อย ส่วนฝ่ายชายสวมชุดสูทเท่ๆ ดูดีมากเลยล่ะครับ”
“รีบไปเปลี่ยนสิครับ เร็วเข้า!” แชมป์ผลักนภาลัยออกไป “มัวชักช้าอยู่ทำไมล่ะครับ?”
ขวัญข้าวจับมือแม่และเดินไปที่ห้องแต่งตัวด้วยกัน พนักงานถอดชุดแต่งงาน 2 ชุดแล้วส่งตามเข้าไป
นภาลัยหยุดอยู่หน้าประตูและหันไปมองภีมพลอีกครั้ง เธอรู้สถานะของตัวเองเป็นอย่างดีและไม่ต้องการทำเรื่องที่น่าอึดอัดใจ
“เปลี่ยนเถอะ” เสียงของภีมพลดังขึ้นอย่างอ่อนโยน
เธอเม้มริมฝีปากพลางเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุดด้วยความมั่นใจ
นภาลัยจับมือขวัญข้าวเดินออกมาอีกครั้งในชุดแต่งงาน พวกเขาทำให้ทุกคนประหลาดใจ
ผิวของเธอขาวเนียนยิ่งกว่าหิมะ ดวงตาอันเปล่งประกายราวกับดวงดาว ใบหน้าเล็กๆ นั่นดูเหมือนใบหน้าคลุมเครือในความทรงจำของเขาไม่มีผิดเพี้ยน
นี่คือความรู้สึกที่ภีมพลไล่ตามมาตลอด แม้ว่าความทรงจำกับคนคนนี้จะไม่มีเหลือแล้วก็ตาม
เขาลองนึกย้อนกลับไป…
แต่จู่ๆ เขากลับรู้สึกปวดหัวราวกับโดนเข็มเป็นพันๆ เล่มทิ่มแทง ในที่สุดภีมพลก็ขมวดคิ้วและหลับตาลง
นภาลัยตกใจมาก เธอยกกระโปรงที่ซับซ้อนของเธอขึ้นแล้ววิ่งไปหาเขา “คุณเป็นอะไรน่ะ?”