เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 487 ผู้ไม่ประสงค์ดีมาเยือน
“ขอบคุณที่คืนนี้คุณให้ที่พักฉันนะ”
พอได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำหยุดไปพักหนึ่ง ก็มีเสียงฝีเท้าดังลอยมา เบญญาที่นั่งอยู่ในโซฟาเปิดการ์ตูนไปด้วยแล้วก็พูดออกไปด้วย
วริศใส่เสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวอยู่ เป็นเสื้อแขนยาว เสื้อคลุมยาวถึงเข่า จนปกปิดร่างกายไว้อย่างมิดชิด
ซึ่งตรงกันข้ามกับสภาพเธอโดยสิ้นเชิง
“คุณมานี่ซิคะ!” เธอหันไปมองเขาทีหนึ่ง แล้วเอาหน้าลายเซ็นในการ์ตูนให้เขาดู “ฉันเล่นกลได้ด้วยนะ เสกลายเซ็นของนักเขียนเข้าไปให้คุณแล้ว! นี่เป็นหนังสือการ์ตูนที่ไม่เหมือนใครในโลกเลยนะ! แล้วก็ตอบแทนคุณที่ให้ที่พักฉันในคืนนี้ด้วย! ไม่ต้องเกรงใจนะ!”
แต่ใครจะไปคิดว่าสีหน้าของวริศจะเปลี่ยนไป แล้วเดินหน้าเข้าไปหลายก้าวและแย่งหนังสือการ์ตูนไปจากมือเธอ จ้องมองลายเซ็นบนนั้นด้วยความเย็นชา บนใบหน้ามีแววเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด “ใครใช้ให้คุณแตะต้องมัน?”
เขาไม่ชอบใจขึ้นมาแล้ว
เธอกะพริบตาเล็กน้อย แล้วพูดอธิบายขึ้นมา “คุณอย่าเพิ่งโกรธนะ ฉันกล้ารับรองเลยว่าลายเซ็นนี่เป็นของจริง!”
วริศยังไม่ได้ถามอะไรขึ้นมาอีก เธอก็รีบเอาโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดทวิตเตอร์ขึ้นมา “คุณดูซิ ฉันคือไพรินนะ!”
วริศไม่เชื่อเลยสักนิด “มันเกินไปแล้วนะ!”
“หนังสือการ์ตูนเล่มนี้ออกมาตอนที่ฉันอยู่มัธยมปลาย!” เธอพยายามอธิบายสุด ๆ “ตอนนั้นแค่ทำเล่น ๆ ก็เลยพิมพ์ออกมาแค่500เล่ม แล้วผู้จัดพิมพ์ก็เหลือหน้าเซ็นลายเซ็นเอาไว้ให้ฉัน แต่ฉันขี้เกียจ ก็เลยไม่ได้เซ็นชื่อสักเล่ม”
พูดไปแล้ว ก็ยังเห็นวริศยังคงโมโหอยู่
เธอรีบกดหน้าจอโทรศัพท์ “ชื่อทวิตเตอร์ของคุณคืออะไร? เดี๋ยวฉันไปติดตามคุณสักหน่อย แบบนี้คุณก็จะรู้แล้วว่าฉันไม่ได้พูดโกหก”
ไม่รอให้วริศตอบกลับมา คนที่ฉลาดอย่างเธอก็หาชื่อเขาเจอจากการติดตามของภีมพล
นี่ก็หาได้ง่ายเกินไปแล้ว ภีมพลติดตามอยู่แค่คนสามคน มีไวศิษฎ์กับนภาลัยและวริศ
ในตอนที่เบญญากดติดตามวริศนั้น โทรศัพท์ของวริศยังได้รับการแจ้งเตือนด้วย
“นี่ไง กลายเป็นเพื่อนกันแล้ว” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมา “ที่แท้คุณติดตามฉันด้วยเหรอเนี่ย?”
วริศเอาโทรศัพท์ออกมาเปิดออก แล้วเห็นชื่อแฟนคลับที่เพิ่มขึ้นมาใหม่มีชื่อไพรินอยู่ และที่สำคัญยังเป็นบัญชีที่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการแล้ว มีแฟนคลับติดตามเป็นสิบล้าน
วริศเป็นแฟนคลับเธอมานานแล้ว เพียงแต่เธอไม่ได้สังเกตเห็นเท่านั้น
ตอนที่เธอเรียนมัธยมปลาย เขาก็เริ่มติดตามเธอแล้ว เพียงแต่เธอขี้เกียจมากจริง ๆ ความเคลื่อนไหวล่าสุดยังเป็นเมื่อสามปีที่แล้วอยู่เลย ที่เธอบอกว่าเธอจะวางมือแล้ว
“ตอนนี้เชื่อหรือยัง?” เบญญาจ้องมองเขาอย่างระมัดระวัง ไม่รู้ว่าทำไม ถ้าเกิดเขาไม่พอใจขึ้นมา เธอก็จะตื่นเต้นขึ้นมาแปลก ๆ
ในเมื่อตอนนี้ด้านนอกยังคงมีฟ้าผ่าอยู่ คนอยู่ในบ้านดี ๆ ถ้าถูกเขาไล่ออกไปก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่แล้ว
“ผมเชื่อแล้ว” วริศวางโทรศัพท์ลง สายตาที่มองไปที่เธอไม่มีความอ่อนโยนอย่างก่อนหน้านี้แล้ว กลับมีความเย็นชาเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย “แต่ว่าไม่ได้รับอนุญาตจากคนอื่น ก็ไปแตะต้องของของคนอื่น มันเป็นการกระทำที่ไม่มีมารยาทมากจริง ๆ”
ความรู้สึกแบบนี้ของเขาเหมือนที่ภีมพลทำให้คนอื่นรู้สึกมากจริง ๆ ว่าแล้วว่าอยู่กับใครนาน ๆ ก็จะกลายเป็นอีกฝ่ายไปได้ง่าย ๆ จริง ๆ
“ขอโทษค่ะ” เธอยอมรับผิด แต่ก็ไม่ได้จริงใจมากขนาดนั้น “ครั้งหน้าจะระวังค่ะ”
ขอแค่ไม่ไล่เธอไป จะให้ยอมรับผิดสักหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้ขาดทุนอะไรสักหน่อย
กลางคืน ค่อย ๆ ดึกดื่นมากยิ่งขึ้น
ฝนที่ตกหนักมากกระทบเข้ากับหน้าต่าง โดยเฉพาะชั้นบน เสียงนั่นดังค่อนข้างชัดเจน
ที่อพาร์ทเม้นญาณี
ผู้ชายห้าคนยังรอญาณีอยู่ ตั้งแต่พวกเขาเข้าประตูมาก็ไม่พูดอะไรเลย
นุชวราดูเหมือนจะเป็นอิสระ แต่จริง ๆ แล้วเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายกลับเหมือนถูกกักขังไว้ และเส้นประสาททั้งตัวก็ตึงเครียดมาก
อยากให้เธอกลับมา แล้วก็ไม่อยากให้เธอกลับมา
พวกผู้ชายมีบางคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ และมีบางคนก็นั่งอยู่บนโซฟา ยังมีอยู่อีกคนที่ยืนเฝ้าอยู่หลังประตู
พวกเขาไม่พูดอะไร สีหน้าเคร่งขรึม เห็นได้ชัดเลยว่ามาเพราะญาณีเท่านั้น
นุชวราตกใจจนไม่กล้าที่จะหายใจแรงด้วยซ้ำ และไม่กล้าถามอะไรเลย
รถของญาณีจอดสนิทแล้ว เธอก็ดับเครื่องแล้วลงจากรถ แล้วขึ้นลิฟต์ในลานจอดรถใต้ดินขึ้นไปชั้นบน
ดื่มค็อกเทลไปสองแก้ว จึงรู้สึกเมาเล็กน้อย
ความรู้สึกแบบนี้มันรู้สึกสบายมาก และเหนื่อยล้าเล็กน้อย ล้มตัวลงไปบนเตียงก็สามารถหลับได้เลย และที่สำคัญก็ยังหลับรวดเดียวถึงเช้าได้ด้วย
พอเข้าไปในลิฟต์แล้ว เธอก็ชิดกำแพงลิฟต์ไว้ แล้วนึกไปถึงว่าเวลาแบบนี้นภาลัยน่าจะกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของภีมพล ในใจเธอก็ยังรู้สึกทุกข์ใจ และยังรู้สึกคิดถึงเขามาก
ติ๊ง ประตูลิฟต์เปิดออก
แล้วเดินออกไปจากลิฟต์ ญาณีก็ไปสแกนรหัสผ่านด้วยลายนิ้วมือที่หน้าประตู