เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 500 แล้วเธอล่ะ?
“ใช่ๆ !คุณอา!กินเสร็จแล้วค่อยกลับเถอะครับ!”
“ผมอยากให้คุณอาอยู่กินข้าวเย็นกับพวกเรา!”
ด้วยความช่วยเหลือของเด็ก ๆ รอยยิ้มที่มุมปากของคะนึงนิตย์ก็ยิ่งอ่อนโยนขึ้น
ภีมพลและนภาลัยก็ประหลาดใจเช่นกัน พ่อบ้านปวิธและป้าโสนยิ่งรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ คุณนายนิตย์เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ……เธอเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
เธอยอมรับการดำรงอยู่ทั้งหมดในโลกใบนี้
ไวศิษฎ์สบสายตากับคะนึงนิตย์ เขาไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรไปชั่วขณะหนึ่ง
“ศิษฎ์” กลับเป็นเธอที่กล่าวต่อหน้าทุกคน “ขอโทษนะ คุณน้าขอโทษเธอสำหรับการกระทำที่สิ้นคิดพวกนั้นก่อนหน้านี้ด้วย”
หลังจากที่เธอกล่าวจบ ก็ก้มคำนับต่ำให้กับไวศิษฎ์
ราวกับว่าเวลาจะหยุดนิ่ง และโลกทั้งใบก็เงียบสงบลง
ผู้คนโดยรอบมองอย่างไม่เชื่อสายตา
คิ้วหนาทั้งสองข้างของไวศิษฎ์ขมวดขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขามองไปที่นภาลัยและภีมพล นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?วันก่อนเธอยังบีบบังคับให้เขาออกไปอยู่เลย
“ศิษฎ์”นภาลัยค่อยๆ ทลายความน่าอึดอัด “แม่ฉันขอโทษนายแล้ว นายคงจะยกโทษให้ท่านใช่ไหม?”
เธอถึงขั้นเรียกว่าแม่แล้วเหรอ?
ความคิดร้อยแปดผุดขึ้นในหัวสมองของไวศิษฎ์ และเขาก็ไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรจริงๆ
แต่คะนึงนิตย์กลับคำนับให้เขาเสร็จแล้วด้วย ทั้งมองเขาด้วยสายตาที่จริงใจ
“งั้นก็ทานข้าวกันก่อนเถอะ”ภีมพลโอบไหล่ของไวศิษฎ์ หลังจากนั้นก็สกิดข้อมือของแม่ และพาเขาเดินไปยังห้องรับประทานอาหาร “ไป ไปลองชิมฝีมือทำอาหารของพี่สะใภ้นาย”
แต่เขายังไม่เคยเรียกเขาว่าพี่ชายอย่างเป็นทางการเลยนะ
นภาลัยดึงมือของคะนึงนิตย์ด้วยรอยยิ้ม “คุณแม่ พวกเราไปกันเถอะค่ะ ฉันทำมันฝรั่งเส้นผัดที่คุณแม่โปรดปรานเอาไว้ ลองทานดูนะคะ ว่ารสดีกว่าครั้งที่แล้วไหม?”
“เย้!อาหารพร้อมแล้ว!”
“หนูได้กลิ่นหอมๆ ออกมาแล้ว!”
เด็กๆ มีความสุขกันมาก ต่างกระโดดโลดเต้นและวิ่งไปที่ห้องอาหาร
ความอึดอัดในหัวใจของคะนึงนิตย์ผ่อนคลายลงเล็กน้อย และเธอก็ยินดีที่มีนภาลัยเข้าอกเข้าใจเธอ
อาหารเย็นหลากหลายมาก แสงไฟในห้องอาหารนุ่มนวล การตกแต่งที่เรียบหรูทำให้รู้สึกสบายๆ อย่างมาก
บนโต๊ะอาหารยาวมีอาหารที่ปรุงเองทั้งหมดวางอยู่เก้าจาน ไม่มีอาหารชั้นเลิศ ล้วนมีเพียงอาหารปรุงเองแบบผัดทอด
เช่น หมูผัดพริก ยำแตงกวา ผัดเห็ดหูหนูแห้ง มันฝรั่งเส้นผัด แกงจืดสาหร่ายไข่……
อาหารเหล่านี้ล้วนเป็นอาหารธรรมดาที่สุดแล้ว แต่ทั้งหมดนี้นภาลัยผู้ลงมือทำเอง รสชาติจะต้องเทียบได้กับอาหารอันโอชะอย่างแน่นอน
“นั่งลงเถอะๆ”
ทุกคนนั่งประจำที่เก้าอี้ทานอาหาร คนรับใช้ก็ช่วยกันเสิร์ฟข้าวให้แก่ทุกคน
แชมป์กับขวัญข้าวกระตือรือร้นที่จะนั่งข้างไวศิษฎ์ “คุณอา ขอบคุณที่ซื้อของขวัญให้พวกเรานะคะ/ครับ!”
“คุณอา คุณอาใจดีมาก! หนูชอบของขวัญพวกนี้มากๆ เลย!”
“ดีแล้วที่พวกหลานชอบ” เสียงของไวศิษฎ์กล่าวอย่างอบอุ่น
ความรู้สึกตื่นเต้นของเด็กๆ นั้นเกินจะหาคำบรรยาย พวกเขาอดใจรอไม่ไหวที่จะทานอาหารให้เสร็จแล้วเปิดของขวัญออก
อาหารมื้อนี้ ไวศิษฎ์ทานไปด้วยใจที่รู้สึกอึดอัดมาก เขาไม่เข้าใจว่าตนเองมานั่งอยู่ที่นี่ทำไม
เขารู้สึกว่าสมองของเขามันงุนงงไปหมด
แต่คนที่ทานอาหารไปด้วยความรู้สึกอึดอัดที่สุดก็คือคะนึงนิตย์ เธอไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองไวศิษฎ์ เธอไม่กล้าและรู้สึกผิดเล็กน้อยอย่างบอกไม่ถูก
เขาไม่ยอมยกโทษให้เธอ……
เธอกล่าวขอโทษเขาต่อหน้าพ่อบ้านและคนรับใช้ ต่อหน้าลูกชายและลูกสะใภ้ แต่เขากลับไม่ได้กล่าวอะไร
เป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าอายเล็กน้อย และทำให้คะนึงนิตย์รู้สึกเสียหน้า
ทุกนาทีทุกวินาทีสำหรับเธอแล้วจึงเป็นอะไรที่น่าอายมาก
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย
คะนึงนิตย์ไม่ได้เอ่ยปากกล่าวอะไรขึ้นมาอีก ไวศิษฎ์กลับเริ่มที่จะเข้ามาหาเธอก่อน เขาหยุดอยู่เบื้องหน้าเธอ “ยินดีด้วย ที่ยอมรับและอภัยตัวเองได้แล้ว” เขาไม่ได้เอ่ยชื่อ น้ำเสียงผ่อนคลาย
“แล้วเธอล่ะ?”เธอเงยหน้าขึ้นถาม “เธอยอมรับและอภัยตัวเองได้แล้วหรือยัง?”
สายตาของไวศิษฎ์เย็นชาเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าเขาอาจจะไม่พร้อมสำหรับการยอมรับและการอภัยนี้ก็ได้
อย่างไรคะนึงนิตย์ก็คือคนที่ทำร้ายเขามามากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก เธอกดขี่เขาและพยายามทำทุกวิถีทางที่จะกำจัดเขาให้ออกไป
เขาจึงเกลียดผู้หญิงคนนี้เป็นพิเศษ
โดยเฉพาะผู้หญิงคนนี้ที่เคยทำร้ายนายหญิงน้อยด้วยแล้ว
“ศิษฎ์” นภาลัยมองอยู่ข้างๆ ด้วยใจจดจ่อ “มีเพียงการปล่อยวางเท่านั้น ถึงจะสามารถได้รับความสุขอย่างเต็มเปี่ยม ไม่มีใครที่จะสามารถอยู่บนโลกนี้ไปจนนิรันดร์หรอกนะ เพราะฉะนั้นแล้วทุกๆ วันที่เรามีชีวิตอยู่นี้ พวกเราต้องใช้อย่างมีความสุขสิ”
มุมปากของไวศิษฎ์ยกขึ้นเล็กน้อย เขาเหลือบสายตามองนายหญิงน้อย และมองไปที่คะนึงนิตย์อีกครั้ง ในที่สุดเขาก็ยื่นมือขวาไปหาเธอ