มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง – บทที่ 13 เธอไม่มีสิทธิ์เข้ามา

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 13 เธอไม่มีสิทธิ์เข้ามา

หลังจากเจียงหว่านกับมู่เซิ่งกลับมาที่บ้าน พบแม่ยายจ้าวหลินนั่งอยู่บนโซฟา ใบหน้าดูไม่ดี

“ทำไมเพิ่งกลับมาเอาตอนนี้?”

เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้อง จ้าวหลินก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา ถามไปที่เขา

“มีปัญหาทำให้มาช้า เพิ่งจัดการเสร็จ” มู่เซิ่งอธิบาย

“หยุดก่อน! ฉันบอกให้นายไปแล้วหรอ? กลับมาเดี๋ยวนี้!” จ้าวหลินชี้ไปที่มู่เซิ่งเย็นชาและด่า “ฉันดูนายยิ่งนานยิ่งไม่ใส่ใจบ้านนี้ไม่เห็นบ้านนี้อยู่ในสายตาแล้ว”

มู่เซิ่งขมวดคิ้ว เขารู้ว่าหลังจากเขาแต่งงานเข้ามาในบ้านนี้ จ้าวหลินไม่เคยไว้หน้าเขาเลย แต่วันนี้แปลกกลับมาต่อว่าเขา แม้ว่าจะยับยั้งชั่งใจไว้ ก็รู้สึกความโกรธในทรวงอกยากจะยับยั้ง

“เฮอะ ไอ้ขยะ นายอย่าคิดว่าแค่ความฉลาดน้อยๆของนายจะเอาเปรียบคนอื่นได้!” จ้าวหลินพูดเสียงเย็นชา “ฉันจะบอกนายให้ เรื่องเย็นวันนี้จางเหวินเจี๋ยมองไม่ออกแต่ฉันมองออก นายกับเจ้าของร้านรู้จักกัน ราคาอาหารก็คงเป็นนายจงใจให้เจ้าของร้านเขียนแบบนั้นสินะ?”

“แม่ จางเหวินเจี๋ยนายนั่นมันทำเกินไป” เจียงหว่านพูดอยู่ข้างๆ

“เจียงหว่าน นี่ไม่เกี่ยวกับลูก เป็นเพราะไอ้ขยะมันเลวเกินไปแล้ว! ก่อนหน้านี้ที่แอบฉวยโอกาสในโรงพยาบาลถูกจับได้ และจัดการยกเลิกสัญญาทันที ผ่านไปได้สองวันตอนนี้ก็กลับมาทำเรื่องอีก!”

“อีกไม่กี่วัน นายไปขอโทษจางเหวินเจี๋ย ไม่งั้น ก็อย่ากลับมาที่บ้านของพวกเราอีก!”

มู่เซิ่งรู้สึกเพียงว่าจ้าวหลินเริ่มไม่มีเหตุผล แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง เธอก็เป็นแม่ของเจียงหว่าน มู่เซิ่งขี้เกียจไปสนใจเธอ เดินเข้าไปในห้องของตัวเองทันที

ปล่อยให้จ้าวหลินด่าต่อไป เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมา

จ้าวหลินโกรธจนกัดฟันแน่น มองจ้องแผ่นหลังของมู่เซิ่งเขม่น พูดอย่างโหดเหี้ยม “ไอ้ขยะ นายกล้าเมินคำพูดของฉัน รอฉันได้รับมรดก สิ่งแรกที่ฉันจะทำคือตัดหางนายทิ้ง!”

มู่เซิ่งแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน เดินตรงเข้าไปในห้อง

หลังจากที่อาบน้ำงลวกๆในห้องน้ำแล้วก็เดินกลับมาที่เตียง มู่เซิ่งเห็นเจียงหว่านนั่งไขว่ห้าง สายตาจิกมองมาที่ตัวเอง

“ยังมีเรื่องอะไรอีก?” มู่เซิ่งขมวดคิ้ว

“ทำไม ไม่มีเรื่องห้ามมาที่ห้องนาย?” ในใจของเจียงหว่านรู้สึกไม่ดี แม้การแยกห้องจะเป็นเธอที่เสนอเอง แต่ตอนนี้มองดูท่าทางมู่เซิ่งแล้วเหมือนกำลังรังเกียจเธอ

“ได้ แต่ตอนนี้ฉันจะนอนแล้ว” มู่เซิ่งพิงอยู่ที่ขอบประตู ยิ้มและพูด “จะนอนด้วยกันไหม?”

“เหอะ!”

ใบหน้าเจียงหว่านแดงเห็นได้ชัด สำหรับคำพูดแปลกของมู่เซิ่ง เธอประหลาดใจแต่ไม่ได้โกรธและหลบสายตามองออกนอกหน้าต่างพูดขึ้น “มู่เซิ่ง ครั้งนี้ที่ฉันมาเพื่อมาขอโทษแทนแม่ของฉัน เธอพูดไปเพราะโมโห นายอย่าเก็บมาใส่ใจเด็ดขาด………”

“แน่นอนว่าฉันไม่เก็บมาใส่ใจ ฉันอยู่ที่ตระกูลเจียงเพราะเธอเท่านั้นเอง” มู่เซิ่งพูดเสียงเรียบ ข้อตกลงระหว่างเขากับพ่อของเจียงหว่าน ก็คืออยู่ที่ตระกูลเจียง ปกป้องเจียงหว่านสามปี

เพราะฉัน?

เจียงหว่านนิ่งไป สามคำนี้เหมือนค้อนทุบ ทุบหนักๆลงมาที่หัวใจของเธอ หรือว่าจะเป็นเพราะเธอ เขาถึงอดทนทุกอย่างนี้?

“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีฉันอยู่” มู่เซิ่งไม่พูดเยอะ นอนลงบนเตียงของตัวเอง

………

เช้าวันที่สอง เจียงมู่หลงสวมชุดสูทใหม่เอี่ยม มาพร้อมกลุ่มคนอยู่ด้านหลัง ยืนสง่าภาคภูมิใจอยู่หน้าประตูบริษัทมู่หราน

แม้ว่าสัญญาจะเซ็นเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว แต่เขามาครั้งนี้แค่มาเปลี่ยนผู้รับผิดชอบ เรื่องที่ต้องทำอย่างอื่นก็ไม่ได้เยอะ

แต่ว่าเจียงมู่หลงมีความทะเยอทะยานของเขา ครั้งนี้เขาอยากพิสูจน์ให้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมู่หรานได้รู้ เขาดีได้กว่าเจียงหว่าน สามารถเซ็นสัญญากับบริษัทมู่หรานได้มากยิ่งขึ้น!

ใช้เงินจำนวนมากเชิญหลิวเจี้ยนหัวมารักษาคุณตา ตอนนี้ทำให้คุณปู่เอ็นดูเขาแล้ว ขอเพียงครั้งนี้ได้เซ็นสัญญากับบริษัทมู่หราน หากไม่เกิดเรื่องคาดฝัน ถ้าอย่างนั้นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลเจียง ต้องเป็นเขาเจียงมู่หลงอย่างไม่ต้องสงสัย!

“มู่เซิ่ง?”

“ผู้ปรึกษาจาง อยู่ดีนายพูดชื่อไอ้ขยะนั้นทำไม?”

เจียงมู่หลงขมวดคิ้ว มองไปตามนิ้วของผู้ปรึกษา หลังจากที่เห็นมู่เซิ่งยืนอยู่หน้าประตูเหมือนกัน สายตาโตขึ้นทันที

“มู่เซิ่ง?”

“ไอ้ขยะนี้มาได้ไง?”

และมองไปที่เจียงหว่านที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าของเจียงมู่หลงไม่น่ามองอย่างมาก “สมควรตาย เจียงหว่านต้องไม่ต้องพอใจกับสัญญาฉบับนี้แน่นอน จากนั้นเลยอยากจะตามมาด้วยเพื่อหาโอกาสแย่งคืนกลับไป!”

“ช่างเป็นคนเลวที่ตามระรานไม่จบไม่สิ้น!”

ใบหน้าเจียงมู่หลงเย็นชา เดินไปหน้าเจียงหว่านพร้อมกลุ่มผู้ติดตาม พูดด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง

“โย่ว นี่ไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องกับสามีไร้ประโยชน์ของเธอหรือไง?”

“พวกเธอมาที่นี่ได้ไงกัน รู้หรือเปล่าสัญญานี้ไม่เกี่ยวกับพวกเธอต้องนานแล้วนะ พวกเธอคงไม่ทำเรื่องขายหน้าที่บริษัทมู่หราน แล้วเดือดร้อนจนฉันเซ็นสัญญาไม่ได้หรอกนะ?”

เขาเกลียดเจียงหว่านเข้ากระดูกมาตั้งแต่แรก หลังจากมู่เซิ่งเข้ามาทั้งเมืองเจียงหนาน ใครบ้างจะไม่รู้ว่าพวกเราตระกูลเจียงเลี้ยงไอ้ขยะคนหนึ่งไว้? แม้ตอนเขาออกมาข้างนอกก็ยังต้องขายหน้าไปด้วย

“ฉันมาที่นี่เกี่ยวอะไรกับพวกนายด้วย?” มู่เซิ่งตอบกลับไปอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“นายมาที่นี่ไม่เกี่ยวกับฉันแน่นอน แต่นายไม่ลองมองหน่อยหรอ โถงรับแขกของบริษัทมู่หราน พวกคนไร้ค่าอย่างพวกนายสามารถเข้าไปได้หรือไง?”

“ไสหัวไป! ไอ้ขยะ! ฉันเห็นพวกนายก็ดวงซวยแล้ว!”

เจียงมู่หลงบีบจมูก เหมือนกับได้กลิ่นของเหม็นเน่า

ผู้ปรึกษาจางก็พูดเหยียดหยาม “เจียงหว่าน ทำไมคุณถึงพาคนไร้ค่าคนนี้มาด้วย? อย่าลืมนะ เป็นเพราะคนไร้ค่านี้ทำให้คุณสูญเสียสัญญาฉบับนี้ไป”

เจียงหว่านกัดฟัน พูดด้วยความโกรธ “จางโหย่วเผิง นายลืมบุญคุณคนแล้ว มีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้กับฉัน ตอนที่นายตกที่ยากลำบาก เป็นฉันรับนายเข้ามาในบริษัทของพวกเรา ตอนนี้คนที่ไปคนแรกก็คือนาย!”

“แล้วมันจะทำไม? คนต้องเดินไปทางที่สูงขึ้น บริษัทเฮงซวยของคุณไม่ช้าเร็วก็ต้องเจ๊งลง แล้วฉันจะอยู่ที่บริษัทคุณไปทำไม?” ใบหน้าจางโหย่วเผิงดูไม่สนใจอะไร

“ผ่านไปอีกไม่กี่วัน ทุกคนจะได้รู้เรื่องว่าเธอเสียข้อตกลงของบริษัทมู่หราน ถึงตอนนั้นจะมีใครกล้ามาร่วมมือกับคุณ? เห็นแก่ว่าเมื่อก่อนเคยทำงานร่วมกัน หากคุณมาขอร้องฉัน ฉันอาจจะช่วยเลี้ยงข้าวสักมื้อ”

“ดูจากคุณที่เป็นแบบนี้ รีบไสหัวออกไปอย่าทำให้คนอื่นขาหน้าเถอะ!”

ระหว่างพูด จางโหย่วเผิงยิ้มและยื่นมือออกจะตบลงบนหน้าของเจียงหว่าน

ในเมื่อฉีกหน้ากากออกมาแล้ว เขาก็ไม่กลัวเจียงหว่านโกรธ ยังไงซะข้างหลังเขาก็ยังมีเจียงมู่หลงคอยให้ท้าย

“ฉันกับภรรยาฉันจะอยู่ที่ไหน จำเป็นต้องให้นายอนุญาตด้วย?”

เวลานั้นเองมู่เซิ่งก็ออกมา และจับไปที่แขนของจางโหย่วเผิงโดยตรง

จางโหย่วเผิงนิ่ง ยังไงเขาก็คิดไม่ถึงว่ามู่เซิ่งจะออกมาในตอนนี้ ในใจรู้สึกแปลกใจอย่างมาก ในสายตาของเขามู่เซิ่งเป็นไอ้ขยะคนที่ไม่มีประโยชน์คนหนึ่ง

จางโหย่วเผิงยกหมัดขึ้น พูดด้วยความโกรธ “นายไอ้ขยะ มีสิทธิ์อะไรมาแตะต้องตัวฉัน?”

ปัง!

มู่เซิ่งไม่ได้ขยับตัว เตะไปที่เข่าของจางโหย่วเผิง

ขาทั้งสองของจางโหย่วเผิงอ่อนลงและล้มลงกับพื้นทันที จากนั้นก็ถูกมู่เซิ่งเตะกลิ้งไปในห้องโถง ชุดสูทของเขาสกปรก

“ไอ้ขยะ นายกล้า เตะฉัน? วอนตายซะแล้ว!” จางโหย่วเผิงลุกขึ้นมา โกรธจัดอย่างมาก

“ต่อยนายมันสกปรกมือฉัน”

มู่เซิ่งปัดมือทั้งสอง ยืนสบายอกสบายใจ ในขณะนั้นเขาดูเปลี่ยนเป็นอีกคนอย่างเห็นได้ชัด ยืนอยู่ต่อหน้าเจียงหว่าน เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ปกป้องกำบังลมฝนให้เธอ ทำให้เจียงหว่านรู้สึกปลอยภัยอย่างบอกไม่ถูก

“มู่เซิ่งนะมู่เซิ่ง ตกลงนายคนไหนคือนายตัวจริงกันนะ?” เจียงหว่านกลอกตาหมุนไปมา พึมพำอยู่ในใจ

“พอแล้ว! ผู้ปรึกษาจาง วันนี้เป็นวันแรกที่ทำงานร่วมกับบริษัทมู่หราน หรือนายอยากให้เรื่องมันวุ่นวาย!” เวลานั้นเองเจียงมู่หลงก็พูดเสียงดัง

จางโหย่วเผิงนิ่งลงในทันที เพราะครั้งนี้มาทำงานร่วมกับบริษัทมู่หราน สัญญาสำคัญสุด โดยเฉพาะช่วงเวลาวสำคัญแบบนี้ ใครก็อย่ามาทำเสีย แต่ว่าสายตาโกรธของเขายังจ้องมองไปที่มู่เซิ่ง

“รอออกจากบริษัทก่อน ฉันจะฆ่านายให้ตาย!”

มู่เซิ่งตอบด้วยรอยยิ้มเรียบ ไม่ได้พูดอะไร

“ไม่ทราบว่าผู้จัดการเฝิงอยู่ไหม?”

เจียงมู่หลงอยู่หน้าเคาน์เตอร์ พูดอย่างนอบน้อม

“ใช่สัญญาของตระกูลเจียงไหม?”

หญิงสาวหน้าเคาน์เตอร์อึ้ง “ผู้จัดการเฝิงอยู่ในห้อง”

เจียงมู่หลงได้ยินแบบนั้น รีบเดินไปหน้าประตูอย่างรอไม่ไหว

ก่อนจะเปิดประตู มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มเล็กน้อย “น้องสาว เธอก็ยืนรออยู่หน้าประตูที่เดิมเถอะ ยังไงคนไม่เกี่ยวข้องไม่มีสิทธิ์เข้าไป

“รวมถึงนาย”

สายตาตกไปบนตัวของจางโหย่วเผิง เจียงมู่หลงขมวดคิ้ว “ตัวสกปรกไปแล้ว นายก็รออยู่หน้าประตูเถอะนะ”

“เฮอะ!” จางโหย่วเผิงเฮอะเสียงดังและนั่งลง สายตาไม่พอใจมองดูมู่เซิ่งและเจียงหว่านทั้งสองคน “รอผู้รับผิดชอบเปลี่ยนเสร็จ ฉันจะรอดูพวกเธอยังมีหน้ามารอยู่ที่นี่อีกไหม”

“มู่เซิ่ง หรือไม่พวกเราก็ไปกันเถอะ”

เจียงหว่านจับไปที่แขนของมู่เซิ่งด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ

วันนี้ดูท่าทางมั่นอกมั่นใจของเขาก็รู้สึกเหมือนต้องขายหน้าไปครึ่งแล้ว หากรอจนเขาเซ็นสัญญาเสร็จ เกรงว่าคงถูกแซะอีกสักรอบ เจียงหว่านรู้สึกเสียใจที่ฟังคำพูดของมู่เซิ่ง

มู่เซิ่งกุมมือของเจียงหว่าน เหมือนกุมชัยชนะ “วางใจ มีฉันอยู่ทั้งคน”

ใบหน้าของเจียงหว่าน “ซู่” แดงขึ้นมา

“โย่วๆๆ ไอ้ขยะไม่มีอะไรกลับพูดอวดดีไปเรื่อยๆ”

จางโหย่วเผิงดูออกถึงต้นสายปลายเหตุ หัวเราะจมูกย่น “ตลกจะตายละฉัน ฉันก็ว่าทำไมเจียงหว่านวันนี้ถึงกล้ามาที่นี่ ที่แท้ก็ฟังคำพูดของไอ้ขยะนี่เอง”

“แม้แต่คุณชายเจียงของพวกเราเจอผู้จัดการเฝิงยังต้องนัดล่วงหน้า นายแค่คนไร้ค่าคนหนึ่ง บอกว่าเปลี่ยนสัญญาแล้วจะเปลี่ยนได้? คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? ช่างฝันกลางวันเสียจริง”

ฟังคำพูดของทั้งสองคน สีหน้าหญิงสาวหน้าเคาน์เตอร์ล้อเลียน ผู้จัดการเฝิงเป็นคนแบบไหนพวกเธอรู้เป็นอย่างดี นอกจากประธานสวีแล้ว ทั้งบริษัทมู่หรานมีเขาเป็นผู้นำ อย่าพูดว่าแค่ลูกเขยตัวเล็กๆ แม้แต่ตระกูลอันดับหนึ่งของเจียงหนานมา ก็ไม่มีสิทธิ์มาเปลี่ยนความคิดเขาได้

ระหว่างพูด เจียงมู่หลงได้ออกมาจากห้องเรียบร้อยแล้ว

สีหน้าของจางโหย่วเผิงเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย “คุณชายเจียง ในที่สุดคุณก็ออกมา เป็นไงบ้างสัญญาที่ผมเขียนใช่ว่าสมบูรณ์แบบมาก? ผู้รับผิดชอบเปลี่ยนมาเป็นคุณแล้วใช่ไหม?”

ระหว่างที่จางโหย่วเผิงพูดไปเขาพลางมองเหยียดหยามมู่เซิ่ง สายตาเต็มไปด้วยการดูถูก “ฉันอยู่ข้างนอกยังได้ยินไอ้ขยะพูด เขาสามารถไม่ต้องเซ็นสัญญาก็ได้ นั่นมันทำให้ฉันขำอย่างมาก”

“ยังมีพวกนายสองคนมองดูอะไรอีก? สัญญาก็เซ็นเรียบร้อยแล้ว พวกนายยังไม่ไสหัวไป?”

เสียงดังเยาะเย้ยพร้อมหัวเราะชี้ไปยังมู่เซิ่ง

เพี้ยะ!

พูดไม่ทันจบ เจียงมู่หลงตบลงไปอย่างรุนแรง

รอบข้างเงียบลงทันที

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

Status: Ongoing
ผู้ชายที่แม้แต่ภรรยาตนก็ปกป้องไม่ได้ ยังเป็นลูกผู้ชายอยู่ไหม?พอมู่เซิ่งเห็นภรรยาที่โดนรังแกเท่านั้นแหละ เขยแต่งเข้าที่โดนผู้คนเหยียดหยามมาโดยตลอด ตัดสินใจพลิกไพ่ใบสุดท้าย……

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท