มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 22 ภาพวาดเป็นของปลอม
เมืองเจียงหนานมีคนดีและคนเลวอยู่ปะปนกัน แต่มีร้านขายวัตถุโบราณที่มีชื่อเสียงเพียงสามร้านเท่านั้น มู่เซิ่งเลือกร้านที่ใหญ่ที่สุด และยังเป็นร้านขายวัตถุโบราณที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเจียงหนานอีกด้วย
หอเฉียนเป่า
ถึงแม้เขาจะมีความคาดหวังอยู่ในใจ แต่เมื่อมู่เซิ่งนั่งแท็กซี่ไปถึงร้านขายวัตถุโบราณ เขายังคงรู้สึกตกตะลึงกับการตกแต่งนอกร้าน
เฟื่องฟูมาก!
ประตูสีทองหรูหราสวยงาม แค่ประตูสีทองก็สูงเกือบสิบเมตร กำแพงสูงตระหง่าน สิงโตหินดุดันน่าเกรงขาม แม้แต่แผ่นไม้ที่อยู่ด้านบน ก็สามารถมองออกว่าเป็นงานไม้แกะสลักที่ล้ำค่ามาก
“หอเฉียนเป่าแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่?”
มู่เซิ่งขมวดคิ้ว มองตัวอักษรขนาดใหญ่ที่งดงามบนแผ่นป้าย
เขาเติบโตอยู่ในตระกูลมู่ และเขาฝึกฝนจนมีสายตาที่เฉียบแหลม ตอนนี้เมื่อเขาเห็นการตกแต่งของหอเฉียนเป่าแล้ว ซึ่งไม่ด้อยไปกว่าตระกูลมู่
และว่ากันว่าเมื่อก่อนเพียงแค่มองแวบเดียว เจ้าของหอเฉียนเป่าก็สามารถแยกแยะว่าวัตถุโบราณเป็นของจริงหรือของปลอมเป็นพันชิ้น โดยไม่ผิดพลาด ดังนั้นจึงตั้งชื่อร้านว่าหอเฉียนเป่า
และจากสิ่งเหล่านี้สามารถมองออกว่าเขาจองหองเพียงใด
ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นตอนเช้า แต่ก็มีคนเข้าแถวอยู่ที่หน้าประตูมากมายแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าธุรกิจเฟื่องฟูมาก
จากการสนทนาของคนที่อยู่รอบ ๆ เห็นได้ว่าสถานะของหอเฉียนเป่าในเมืองเจียงหนานนั้นค่อนข้างสูง ด้านหนึ่งเกี่ยวข้องกับเจ้าของที่อยู่เบื้องหลัง ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นเพราะหอเฉียนเป่ามีวัตถุโบราณมากมาย
หลายคนมาที่นี่ โดยหวังว่าจะสามารถซื้อวัตถุโบราณที่หายากได้ และสามารถซื้อวัตถุโบราณราคาถูกของเหล่าคนที่มีชื่อเสียงได้เช่นกัน
มู่เซิ่งรอด้วยความอดทนอยู่ที่ประตูสักพัก และในที่สุดก็ถึงคิวของเขาแล้ว
พนักงานบริการที่อยู่ตรงประตูต้อนรับเขาทันที และกล่าวอย่างมีไมตรีว่า “ท่านครับ ยินดีต้อนรับสู่หอเฉียนเป่า พวกเราไม่กล้าบอกว่าในห้องโถงมีครบทุกอย่าง แต่ขอเพียงแค่คุณสามารถบอกประเภทได้ ที่นี่มีเกือบทั้งหมด”
“ที่นี่มีของจริง แล้วยังมีของที่ยากจะแยกแยะว่าเป็นของจริงหรือของปลอม และถ้าคุณสามารถค้นหาวัตถุโบราณที่ดีจากโซนของถูกได้ หอเฉียนเป่าจะไม่ขอคืนอย่างแน่นอน…….”
พนักงานบริการพามู่เซิ่งเดินเข้าไปข้างใน
วัตถุโบราณถูกจัดวางอยู่ในเคาน์เตอร์ทั้งสองด้าน และส่องแสงระยิบระยับภายใต้แสงไฟ
“ผมอยากจะไปโซนของถูก”
มู่เซิ่งกล่าว
“โซนของถูก?”
พนักงานชะงักครู่หนึ่ง มองสำรวจมู่เซิ่ง แล้วแสดงสีหน้าเหยียดหยามทันที
โดยปกติแล้ว คนที่ไปดูวัตถุโบราณที่อยู่ในโซนของถูกนั้น จะเป็นนักสะสมที่สะสมวัตถุโบราณเป็นเวลาสิบกว่าปี หรือกระทั่งหลายสิบปี แต่มู่เซิ่งที่อยู่ตรงหน้า อย่างมากที่สุด เขาน่าจะอายุยี่สิบปีเท่านั้น ซึ่งไม่เหมือนคนที่จะมาซื้อวัตถุโบราณจริง ๆ
“ข้างหน้าก็คือโซนของถูก แต่คนเยอะหน่อย คุณรออยู่ตรงนี้ก่อน”
พนักงานบริการพูดหนึ่งประโยค แล้วไม่อยากสนใจมู่เซิ่งอีกต่อไป
การที่เขานำทางให้คนจนอย่างเจ้าหมอนี้ ถือว่ามีความจริงใจแล้ว เพราะค่าคอมมิชชั่นของโซนนี้น้อยจนน่าสงสาร
มู่เซิ่งไม่สนใจการแสดงออกของพนักงานบริการ เขามองสำรวจรอบ ๆ มีคนรออยู่โซนของถูกที่อยู่ข้างหน้ามากจริง ๆ
เขาเดินไปทั่วหอเฉียนเป่า
และขณะที่เขารู้สึกเบื่อ เขาเห็นภาพวาดแขวนอยู่บนผนังภาพหนึ่ง
ภาพวาดอยู่ในกรอบสีทอง เห็นได้ชัดว่าร้านนี้ถือว่ามันเป็นสมบัติที่ล้ำค่าของร้าน มันถูกแขวนไว้ตรงตำแหน่งที่เห็นชัดที่สุด
แม้แต่ตอนที่มู่เซิ่งเดินเข้าไปใกล้ภาพวาด ก็ยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างกำยำหลายคนเดินเข้ามา และมองมู่เซิ่งด้วยสายตาดุดัน
มู่เซิ่งมองภาพวาดแวบหนึ่ง แล้วถอนหายใจ หันหลังและไม่อยากมองอีกต่อไป
“น่าเสียดาย”
เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจของมู่เซิ่งแล้ว ชายชราหนึ่งคนและหญิงสาวหนึ่งคน ที่เพิ่งเดินออกมาจากสำนักงานของหอเฉียนเป่า มองไปที่มู่เซิ่งทันที
หญิงสาวขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น และกล่าวว่า “นี่คุณ ทั้งส่ายศีรษะและถอนหายใจ แล้วยังพูดว่าน่าเสียดาย คุณหมายความว่าอย่างไร? คุณคิดว่าภาพวาดนี้มีปัญหาเหรอ?”
น้ำเสียงที่ชัดเจนและเต็มไปด้วยความไม่พอใจของหญิงสาว ดังอยู่ในหอเฉียนเป่า
มู่เซิ่งมองหญิงสาว เธออายุประมาณสิบเก้าหรือยี่สิบ แต่งกายหรูหรา ใบหน้าขาวราวกับหิมะ แต่หน้าตาของเธอเหมือนเป็นคนใจร้ายเล็กน้อย ซึ่งทำให้มู่เซิ่งรู้สึกไม่ชอบเธอ
อย่างไรก็ตาม มู่เซิ่งมาที่นี่เพื่อซื้อวัตถุโบราณ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากถือสาอีกฝ่าย
ขณะที่มู่เซิ่งกำลังจะเดินไปด้านข้าง หญิงสาวก็เดินมายืนขวางอยู่หน้ามู่เซิ่งทันที และถามต่อไปว่า “ฉันให้คุณไปแล้วเหรอ? ดูจากการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าราคาถูกของคุณแล้ว เกรงว่าชั่วชีวิตของคุณ ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะสัมผัสภาพวาดนี้หรอก?”
น้ำเสียงของหญิงสาวแสดงความเย่อหยิ่งและความเหยียดหยาม
เพราะภาพวาดที่อยู่ตรงหน้า เป็นของสะสมหายากของคุณปู่ของเธอ ดังนั้นเมื่อเห็นมู่เซิ่งดูถูกเหยียดหยามภาพวาดนี้ เธอจึงออกหน้าทันที
“อ้อ”
มู่เซิ่งตอบด้วยความเย็นชาคำหนึ่ง และไม่อยากจะพูดอะไรอีก
ร้านนี้ลูกค้าเยอะและบริการแย่ ดังนั้นเขาจึงคิดจะไปดูที่ร้านอื่น
“ชิงเสวียน ห้ามเสียมารยาท”
ทันใดนั้น ชายชราที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยปาก ทำให้หญิงสาวหยุดพูดทันที และยืนอยู่ข้างชายชราอย่างเชื่อฟัง แต่เธอยังคงมองมู่เซิ่งด้วยสายตาดุดัน ราวกับว่าเธอรู้สึกโกรธกับความไม่แยแสของอีกฝ่าย
ชายชราสวมชุดจงซานสีเขียว ผมหงอกทั้งหัว แต่ร่างกายกระปรี้กระเปร่า
สามารถเดาได้ว่าชายชราคนนี้ น่าจะเป็นเจ้าของหอเฉียนเป่าแห่งนี้
ชายชราเดินมาอยู่ตรงหน้ามู่เซิ่ง และกล่าวขอโทษว่า “น้องชาย ขอโทษจริง ๆ หลานสาวของผมนิสัยไม่ค่อยดี โปรดยกโทษให้เธอด้วย”
มู่เซิ่งพยักหน้าเพื่อเป็นสัญญาณว่าไม่เป็นไร
เพราะเขาไม่คิดจะถือสาหญิงสาวตั้งแต่แรกแล้ว
หลังจากชายชรากล่าวจบ หญิงสาวก็รู้สึกไม่พอใจ ชี้มู่เซิ่งและกล่าวว่า “คุณปู่ เสียเงินซื้อภาพวาดนี้มาจากคนอื่นด้วยราคาหนึ่งร้อยล้าน ซึ่งเงินจำนวนนี้ คนยากจนอย่างเขาทำงานทั้งชีวิต ก็ไม่สามารถหามาได้หรอก แต่เขากลับแสดงสีหน้าดูถูกภาพวาด!”
“และเห็นได้ชัดว่าคำพูดของเขา เป็นการทำลายชื่อเสียงหอเฉียนเป่าของพวกเรา!”
ภาพนี้แขวนอยู่ในหอเฉียนเป่าเป็นเวลาสองปีแล้ว
คนที่เดินผ่านต่างกล่าวชื่นชม แม้แต่นักสะสมวัตถุโบราณและเศรษฐีมากมาย ต่างก็แสดงความปรารถนาที่จะซื้อมัน
และตอนนี้มีเศรษฐีคนหนึ่ง กำลังคุยราคาที่จะซื้อภาพวาดนี้อยู่ในสำนักงานของหอเฉียนเป่า
ดังนั้น เมื่อชายชราได้ยินหลานสาวพูดเช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้า มองไปที่มู่เซิ่งและเขาถามว่า “น้องชาย ขอถามชื่อเสียงเรียงนาม—”
“มู่เซิ่ง” มู่เซิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“น้องมู่เซิ่ง” ชายชรากล่าว “ได้ยินหลานสาวบอกว่าเมื่อคุณเห็นภาพวาดนี้ ดูเหมือนว่าคุณจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ที่ทำให้คุณรู้สึกเช่นนั้น และอีกอย่าง……..”
ชายชราถามด้วยความอดทน แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงที่ไม่แยแสของมู่เซิ่งดังขึ้น “ภาพวาดนี้ไม่เลว แต่น่าเสียดาย ที่ของปลอมก็คือของปลอมอยู่ดี”
ตูม!
เมื่อได้ยินประโยคนี้
บรรยากาศในห้องโถงเปลี่ยนไปทันที
คนที่เดินผ่าน ต่างจ้องมู่เซิ่งด้วยดวงตาเบิกกว้าง ตอนที่พวกเขาไปซื้อวัตถุโบราณนั้นเคยได้ยินคนอื่นพูดโดยไม่ตั้งใจ แต่..แต่เจ้าหมอนี้——
แม่งฉิบหาย เขากล้าพูดออกมา!
ภาพวาดชื่อดังราคาหนึ่งร้อยกว่าล้าน และเป็นสมบัติล้ำค่าของร้านขายวัตถุโบราณนั้นเป็นของปลอม?
นี่เป็นผลงานจริงเพียงชิ้นเดียวของอู่เต้าจื่อในเมืองเจียงหนาน!
ปากของชายชรากระตุก และรู้สึกตกตะลึง
เขานึกไม่ถึงว่ามู่เซิ่งจะพูดเช่นนี้
“เขาคือมู่เซิ่ง เขยแต่งเข้าของตระกูลเจียง เป็นเพียงคนไม่เอาถ่านที่เกาะผู้หญิงกินเท่านั้น!”
คนมากมายหันมามองทางนี้ และทันใดนั้น ลูกเศรษฐีคนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์ดีกับตระกูลเจียงก็จำมู่เซิ่งได้